เมื่อ AI เข้าห้องเรียน โอกาสทอง 'ปฏิวัติการศึกษาไทย'

หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ Gen AI นำมาสู่วงการศึกษาคือการทำให้การโกงกลายเป็นเรื่องง่าย และแพร่หลายมากขึ้น โดยมีบทความในเว็บ Gizmodo ที่ระบุ จะเห็นว่าหลังจากการเปิดตัว ChatGPT ในปลายปี 2022 นักศึกษาอเมริกันจำนวนมากหันมาใช้ AI
KEY
POINTS
- AI เป็นทั้งความท้าทายด้านความน่าเชื่อถือทางการศึกษาและโอกาสในการเรียนรู้ที่ซับซ้อน จึงควรปรับรูปแบบการสอนและวัดผลให้เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์แทนการสั่งห้าม
- AI สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ส่วนบุคคล (Personalized Learning) สำหรับนักเรียน และยังช่วยลดภาระงานของครูในการเตรียมการสอน ออกแบบสื่อ และตรวจงาน
- บทบาทของครูจะเปลี่ยนจากผู้ถ่ายทอดความรู้ไปเป็นผู้ออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ ซึ่งจำเป็นต้องส่งเสริมให้นักเรียนใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและรู้เท่าทันเทคโนโลยี
จากผลสำรวจของ Study.com เมื่อสองปีก่อน ที่สำรวจนักศึกษาอายุเกิน 18 ปี จำนวน 1,000 คน พบว่า นักศึกษาถึง 89% ยอมรับว่าเคยใช้ ChatGPT ทำการบ้าน มีจำนวนกว่า 50% ใช้ในการเขียนเรียงความ และ 22% ใช้เพื่อเขียนโครงร่างสำหรับรายงาน สิ่งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดวิกฤติความน่าเชื่อถือในระบบการศึกษา แต่ยังบ่อนทำลายทักษะพื้นฐานอย่างการคิดวิเคราะห์และการเขียนด้วยตนเอง
สถาบันการศึกษาหลายแห่งในอเมริกาจึงต้องหันกลับมาใช้ “Blue Book” ซึ่งเป็นสมุดข้อสอบเขียนมือแบบดั้งเดิม เพื่อบังคับให้นักเรียนคิดและเขียนแบบสดๆ ในห้องสอบ โดยปราศจากความช่วยเหลือจาก AI จากข้อมูลในบทความระบุว่า ยอดขาย Blue Book เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ เพิ่มขึ้นถึง 80% ภายใน 2 ปี ขณะที่บริษัทผู้ผลิตอย่าง Roaring Spring Paper Products ยอมรับว่ายุค AI กลายเป็นโอกาสธุรกิจสำหรับพวกเขา
ผมเองก็เคยพูดคุยกับอาจารย์หลายท่านว่า ถ้าให้ผมกลับมาสอนนักศึกษาปริญญาตรีในวิชาการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ผมคงจะต้องบังคับให้ผู้เรียนเขียนโปรแกรมลงในกระดาษ แทนที่จะใช้คอมพิวเตอร์ ใช้วิธีการเรียนการสอนเหมือนสมัยที่ผมเรียน 40 กว่าปีก่อน นักศึกษาจะได้เข้าใจและมีพื้นฐานความรู้ที่ดีพอ แต่ผมคงไม่ห้ามใช้เครื่องมือ GenAI อย่าง ChatGPT โดยเฉพาะ Grok หรือ Claude ที่เขียนโปรแกรมได้เก่งมาก แต่จะอนุญาตให้นักศึกษาใช้เมื่อเรียนในวิชาพัฒนาโปรแกรมที่ซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะใช้ทำโครงการยากๆ ที่ใช้ในงานได้จริง ซึ่งแต่ก่อนนักศึกษาอาจต้องใช้เวลาในการพัฒนานานมาก หรืออาจไม่สามารถทำได้เลย
เครื่องมือ Gen AI ก็มีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนเป็นอย่างยิ่ง อย่างล่าสุดผมได้ใช้เครื่องมือ Study and Learn ที่อยู่ใน ChatGPT เพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่ผมสนใจ เครื่องมือนี้จะให้คำแนะนำทีละขั้นตอนและปรับบทเรียนตามระดับผู้เรียน และมีแบบทดสอบส่วนตัวเพื่อกระตุ้นการคิดวิเคราะห์และติดตามความก้าวหน้า
ผมพบว่า เครื่องมือเหล่านั้นกำลังเปลี่ยนรูปแบบการเรียนรู้ไปอย่างมาก เป็นเหมือนผู้สอนส่วนตัว สอนตามความถนัด ความต้องการของเรา อะไรที่เราไม่เข้าใจ ถามได้ บางเรื่องยากๆ อาจให้ช่วยวาดภาพประกอบก็ได้ ทำให้คิดได้ว่าต่อไปเด็กที่อยากจะติวสอบ หรือหาความรู้เพิ่มเติม อาจไม่ต้องไปเรียนแบบเดิม สามารถจะศึกษาด้วยตัวเองได้ แม้แต่จะติวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็อาจไม่ต้องไปกวดวิชาแบบเดิมๆ
จะเห็นได้ว่าเครื่องมือ GenAI อย่างนี้ น่าจะมาเปลี่ยนแปลงการติวการสอบของโรงเรียนกวดวิชาไปอย่างมาก เพราะเครื่องมือสามารถสอนให้เด็กได้ความรู้อย่างดี ซึ่งไม่เพียงแต่เนื้อหาในระดับมัธยมศึกษา อาจรวมถึงการสอนระดับอุดมศึกษา และยิ่งกว่านั้นการเรียนรู้จาก Study and Learn อาจดีกว่าการเรียนในมหาวิทยาลัยบางวิชาอีกด้วย
GenAI ยังสามารถช่วยลดภาระงานของครูผ่านเครื่องมือ เช่น สามารถสร้างแผนการสอนได้ในไม่ถึงนาที รวมถึงออกแบบสื่อการสอน เช่น การสร้างวิดีโอหรือสไลด์จากข้อความ นอกจากนี้ AI ยังช่วยออกแบบการวัดผลด้วยเครื่องมือ รวมถึงตรวจงานอัตโนมัติ ที่ช่วยประเมินคำตอบอัตนัยและตรวจจับความเหมือนของคำตอบในห้องเรียนขนาดใหญ่ หรือแม้แต่การวิเคราะห์ข้อมูลนักเรียนเพื่อปรับปรุงการสอน ทำให้ครูทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในประเทศที่ระบบการศึกษายังไม่เท่าเทียม AI สามารถเป็นเครื่องมือช่วยลดช่องว่าง โดยให้ผู้เรียนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงเนื้อหาคุณภาพสูงได้ ซึ่งหากใช้อย่างมีจริยธรรม จะช่วยยกระดับการศึกษาโดยรวมให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น
การมาของ Gen AI จึงไม่ใช่แค่ภัยคุกคาม แต่เป็นโอกาสให้เราคิดใหม่ทำใหม่กับระบบการศึกษา หากมองในมุมกว้าง เราไม่ควร “ห้ามใช้” AI แต่ควรเน้นการ “รู้เท่าทัน” และสร้างวัฒนธรรมการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรมแทน โดยพัฒนากฎระเบียบที่ชัดเจน ปรับรูปแบบการประเมินผลให้เน้นกระบวนการคิดมากกว่าผลลัพธ์ และลงทุนในเครื่องมือตรวจจับ AI ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจาก Gen AI สถาบันการศึกษาควรปรับรูปแบบการวัดผลให้เน้นทักษะการวิเคราะห์และแก้ปัญหา พร้อมให้คำแนะนำนักเรียนในการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม รวมถึงส่งเสริมทักษะ AI เพื่อให้ผู้เรียนรู้เท่าทันและใช้เทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ การบูรณาการจริยธรรม AI เข้าในหลักสูตรเป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถสอดแทรกในวิชาต่างๆ พัฒนารายวิชาเฉพาะ หรือใช้กรณีศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจผลกระทบของ AI และใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ
ทั้งนี้ AI จะไม่สามารถทดแทนครูได้ทั้งหมด แต่ได้เปลี่ยนบทบาทของครู โดยเปลี่ยนจากผู้ถ่ายทอดความรู้สู่ ผู้ออกแบบประสบการณ์การเรียนรู้ และผู้นำทางการเรียนรู้ ที่สอนให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง การพัฒนาครูอย่างต่อเนื่องผ่านการอบรมทักษะ AI และจริยธรรมจึงเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา อุตสาหกรรม และรัฐ เพื่อพัฒนาหลักสูตรที่ทันสมัย
นอกจากนี้ รัฐบาลควรรื้อโครงสร้างภาระงานครู ลดงานที่ไม่จำเป็น จัดสรรบุคลากรสนับสนุน และสร้างระบบที่รับฟังครู เพื่อให้ครูมีเวลามุ่งเน้นการสอนและพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างแท้จริง
ในที่สุด Gen AI จะเปลี่ยนการเรียนการสอนให้เป็นระบบที่ยืดหยุ่นและ personalize มากขึ้น หากเราสามารถปรับบทบาทครูให้เป็นผู้ออกแบบและนำทางการเรียนรู้อย่างถาวร กำหนดนโยบายการพัฒนาทักษะ AI และนำ AI มาเป็นเครื่องมือที่ยกระดับคุณภาพการศึกษาและเตรียมผู้เรียนให้พร้อมสำหรับโลกอนาคต AI ก็จะไม่กลายเป็นดาบสองคม แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การศึกษาก้าวหน้าอย่างแท้จริง







