'Modernization - Data - AI' กุญแจพลิกเกม ชี้ชะตาการแข่งขันยุคดิจิทัล

'Modernization - Data - AI' กุญแจพลิกเกม ชี้ชะตาการแข่งขันยุคดิจิทัล

โมเดอร์ไนเซชัน ดาต้า และเอไอ ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญ ที่เสริมจุดแข็ง สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต

KEY

POINTS

  • Modernization Data และ AI เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างความเร็ว ความแม่นยำในการตัดสินใจ ทั้งเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จในยุคไทยแลนด์ 4.0
  • AI เป็น "เพื่อนคู่คิด" ที่ช่วยมนุษย์ในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็วและรอบคอบยิ่งขึ้น 
  • ท่ามกลางปัญหาอัตราการหมุนเวียนแรงงานที่สูงในไทย Data & AI กลายเป็นเครื่องมือจำเป็นในการเปลี่ยนองค์ความรู้ในตัวบุคคลให้เป็นสินทรัพย์ขององค์กรที่ยั่งยืน 
  • การปรับตัวสู่ดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ไม่อาจรอได้
  • บริษัทที่ปรับตัวช้าจะเสี่ยงต่อการสูญเสียความสามารถในการแข่งขันอย่างถาวรในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

การที่ไทยกำลังก้าวสู่ยุค “ไทยแลนด์ 4.0” ซึ่งเน้นนวัตกรรมและการสร้างมูลค่าเพิ่ม ได้สร้างความท้าทายครั้งใหญ่ให้กับหลายองค์กรรวมถึง “ภาคการผลิต”

โดยเฉพาะบริษัทญี่ปุ่นซึ่งยังคงเป็นหัวใจสำคัญของพอร์ตการลงทุนในประเทศ ตามรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ปี 2567 ที่ผ่านมาเป็นกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดในไทย ด้วยมูลค่าการลงทุนสูงถึง 121,000 ล้านบาท

กนกกมล เลาหบูรณะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดมุมมองว่า หนึ่งในความท้าทายที่ภาคการผลิตต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ การเร่งกระบวนการตัดสินใจของผู้บริหารให้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น พร้อมกับการยกระดับความเป็นเลิศในการประเมินความเสี่ยง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์การทำงานสไตล์ญี่ปุ่น

ขณะที่โอกาสในการเปลี่ยนผ่านกำลังลดน้อยลง บริษัทที่ปรับตัวช้าจะเผชิญความเสี่ยงในการเสียเปรียบทางการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น การนำแนวคิด Modernization และ Data & AI มาใช้ จึงไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญ ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมจุดแข็งด้านคุณภาพและความรอบ คอบควบคู่ไปกับการสร้างความเร็วในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นปัจจัยที่จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต

’ความเร็ว’  ปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จ

ปัจจุบัน ความท้าทายหลักของบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย คือ การรักษาสมดุลระหว่างการตัดสินใจของผู้บริหารที่รวดเร็วและแม่นยำ ควบคู่ไปกับการรักษาคุณค่าทางวัฒนธรรมองค์กร ท่ามกลางตลาดที่มีความผันผวนสูง ความเร็ว จึงกลายเป็นตัวแปรชี้ขาดความสำเร็จในปัจจุบัน

บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งที่สร้างรากฐานการผลิตในไทยมานานหลายทศวรรษ กำลังเผชิญกับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ล้าสมัย ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีในการยกระดับองค์กรครั้งใหญ่

ความท้าทายนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยเฉพาะภายใต้วิสัยทัศน์ Thailand 4.0 ที่เน้นนวัตกรรมที่รวดเร็ว ซึ่งอาจขัดแย้งกับแนวทางปฏิบัติแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม

นอกจากนี้ อัตราการหมุนเวียนของแรงงานไทยที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้การเก็บเกี่ยวองค์ความรู้เป็นระบบผ่านดาต้าและ AI กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วน

มอง AI เป็น 'เพื่อนคู่คิด'

กนกกมล อธิบายว่า ความท้าทายไม่ใช่เพียงแค่ ความเร็ว แต่เป็นการรักษาสมดุลระหว่าง “ความเร็ว” กับ “คุณภาพการตัดสินใจ” ท่ามกลางตลาดที่ผันผวนรุนแรงจากปัจจัยภายนอก

ขณะเดียวกัน AI จะเป็น “เพื่อนคู่คิด” ของมนุษย์ในการตัดสินใจ ด้วยหลักการสำคัญ 3 ข้อ ได้แก่  AI ที่ลูกค้าสามารถควบคุมได้ ความสมดุลระหว่างต้นทุน ความแม่นยำ และความปลอดภัย รวมถึงการสร้างมูลค่าที่เน้นธุรกิจเป็นหลัก

จุน ฮาชิโมโต รองประธาน และหัวหน้าทีมฝ่ายขาย กลุ่มธุรกิจญี่ปุ่น บริษัท ฟูจิตสึ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การสนับสนุนบริษัทญี่ปุ่นให้ก้าวข้ามความลังเลด้านเทคโนโลยี พร้อมกับการพัฒนาบุคลากร ถือเป็นการสนับสนุนเป้าหมายทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย

เรากำหนดให้ AI เป็น เพื่อนคู่คิด ในการตัดสินใจของมนุษย์ ไม่ใช่สิ่งทดแทน แนวทางนี้ช่วยให้บริษัทญี่ปุ่นรักษาค่านิยมองค์กร พร้อมสร้างความได้เปรียบด้านความเร็วที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่ Modernization ดาต้า และ AI สามารถแปลงความรู้ในตัวบุคคลให้เป็นสินทรัพย์องค์กรที่ทุกคนเข้าถึงได้ ซึ่งในสภาพแวดล้อมที่มีอัตราการหมุนเวียนสูงอย่างในประเทศไทย การกระจายความรู้ดังกล่าวจึงกลายเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ และยังช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านทุนมนุษย์ของไทยแลนด์ 4.0 อย่างยิ่ง

ลงมือทำ แข่งกับเวลา

ฟูจิตสึ ระบุว่า การนำ Modernization ดาต้าและ AI มาใช้ ส่งผลสำคัญ 2 ประการ คือ การเร่งการตัดสินใจ สามารถตัดสินใจได้อย่างรวดดเร็ว แต่ยังคงความรอบคอบ พร้อมเข้าถึงข้อมูลวิเคราะห์ได้ทันที และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สามารถเก็บเกี่ยวองค์ความรู้ขององค์กรในสภาพแวดล้อมที่พนักงานหมุนเวียนสูงในประเทศไทย เพื่อความต่อเนื่องทางธุรกิจ

ด้วยอัตราการหมุนเวียนแรงงานที่สูงในไทย ทำให้การถ่ายทอดความรู้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป การเก็บเกี่ยวองค์ความรู้เป็นระบบผ่านดาต้าและเอไอจึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน

จากประสบการณ์ในการช่วยบริษัทญี่ปุ่นเปลี่ยนผ่าน ฟูจิตสึ ประเทศไทย แนะนำให้เริ่มต้นจากความเป็นเลิศแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ เน้นการรวมระบบมากกว่าการเปลี่ยนระบบทั้งหมด และการลงทุนในบุคลากรควบคู่กับเทคโนโลยี เพื่อให้คงไว้ซึ่งค่านิยมญี่ปุ่น และพร้อมสร้างขีดความสามารถใหม่

เมื่อประเทศไทยเร่งบรรลุเป้าหมาย Thailand 4.0 ภายในปี 2573 การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ไม่สามารถมองข้ามได้ บริษัทที่ชะลอการปรับตัว เสี่ยงสูญเสียความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างถาวร

ท่ามกลางสภาพแวดล้อมธุรกิจไทยที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความเสี่ยงสูงสุดไม่ใช่การทำที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นการล่าช้า จนคู่แข่งก้าวไปไกลเกินเอื้อม บริษัทที่กล้าเปลี่ยนผ่านในวันนี้ จะเป็นผู้นำการพัฒนาธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีส่วนร่วมในวาระดิจิทัลระดับชาติ