สภาฯ ผู้บริโภคชูสถิติร้องเรียนทะลุ 1,100 เรื่อง จี้รัฐจัดการสายสื่อสารรกรุงรัง

สภาฯ ผู้บริโภคชูสถิติร้องเรียนทะลุ 1,100 เรื่อง จี้รัฐจัดการสายสื่อสารรกรุงรัง

สภาฯ ผู้บริโภค เผยในวงเสวนาชี้ปัญหาสายสื่อสารรกรุงรังยังคุกคามความปลอดภัย โชว์สถิติมีผู้ร้องเรียนแล้วกว่า 1,177 เรื่อง ผลสำรวจ 92% เชื่อเป็นต้นเหตุอุบัติเหตุร้ายแรง จี้ กสทช.-การไฟฟ้า เร่งจัดระเบียบและตั้งกองทุนเยียวยา พร้อมเสนอนายกรัฐมนตรี-ครม. หาทางออกเชิงระบบ

KEY

POINTS

  • สภาผู้บริโภคเปิดเผยสถิติเรื่องร้องเรียนปัญหาสายสื่อสารรกรุงรังสะสมกว่า 1,177 เรื่อง ชี้ว่าเป็นภัยเงียบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
  • เรียกร้องให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ กสทช. เข้ามาจัดการปัญหาอย่างจริงจัง
  • เนื่องจากมาตรการแก้ไขที่ผ่านมายังไม่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีมติ ครม. และกฎหมายรองรับ
  • เสนอแนวทางแก้ปัญหาเชิงระบบ 4 ข้อหลัก ได้แก่ ตั้งคณะกรรมการจัดการระดับจังหวัด, จัดสรรงบประมาณเพื่อนำสายเก่าออก, ผลักดันระบบ Single Last Mile
  • ตัวแทน กสทช. ระบุเตรียมแก้ไขประกาศเพื่อเพิ่มบทลงโทษผู้ประกอบการ พร้อมเห็นด้วยกับการจัดตั้งกองทุนเยียวยา

สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) เปิดเวทีเสวนา “เปิดรายงาน - เปิดทางออก พลิกวิกฤตสายสื่อสารไม่ปลอดภัย สู่การคุ้มครองผู้บริโภคที่เป็นรูปธรรม” เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2568 ชี้ปัญหาสายสื่อสารรกรุงรังบนเสาไฟที่พาดระโยงระยางในชุมชนทั่วประเทศเป็นภัยเงียบที่เสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สิน แม้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และกรอบกฎหมายรองรับหลายปี แต่การแก้ไขยังไร้ประสิทธิภาพ

นายลาภิศ ฤกษ์ดี หัวหน้าหน่วยงานเขตพื้นที่ภาคเหนือ สภาผู้บริโภค ระบุว่า ปัญหาสายสื่อสารไม่ใช่เพียงความไม่เป็นระเบียบ แต่กลับสร้างอุบัติเหตุซ้ำซาก ทั้งไฟไหม้เสาไฟจากสายพันกันแน่น ผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ถูกสายพาดลำคอจนบาดเจ็บสาหัส รวมถึงไรเดอร์หลายรายสูญเสียรายได้เพราะบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดจากสายสื่อสารห้อยต่ำ

ข้อมูลร้องเรียนสะสมกว่า 1,177 เรื่อง พบว่ายังมีความล่าช้าในการแก้ไข โดยบางกรณีใช้เวลาถึง 101 วัน ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำ เช่น เหตุที่พะเยา น่าน ลำปาง และล่าสุดที่ประจวบคีรีขันธ์

ทั้งนี้ ผลสำรวจจากผู้บริโภค 2,199 คน สะท้อนชัดว่า 71.7% เคยประสบปัญหาสายสื่อสารรกรุงรังขณะที่กว่า 92% เชื่อว่าเป็นสาเหตุอุบัติเหตุร้ายแรง และ 80% มองว่า กสทช. ต้องเป็นหน่วยงานหลักในการแก้ไข

สภาผู้บริโภคจึงเสนอแนวทางแก้ปัญหาเชิงระบบ เช่น

  • ตั้งคณะกรรมการจัดการสายสื่อสารระดับจังหวัด มีผู้บริโภคร่วมกำกับ
  • จัดงบปีละ 10 กิโลเมตรเพื่อตัด-ย้ายสายที่ไม่ใช้
  • ผลักดันระบบ Single Last Mile ลดการซ้ำซ้อนของผู้ให้บริการ
  • จัดตั้งกองทุนเยียวยาผู้เสียหาย โดยหักค่าพาดสาย 15-20%

 

ด้านนายไพศาล ลิ้มสถิตย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้จัดทำรายงานฯ ระบุว่า แม้จะมีประกาศ กสทช. ปี 2560 กำหนดให้ผู้ประกอบการดูแลและจัดระเบียบสาย แต่ข้อบังคับกลับผลักภาระให้ผู้เสียหายไปฟ้องร้องเอง และบทลงโทษไม่ชัดเจน ทำให้บังคับใช้ไม่ได้จริง ขณะที่การไฟฟ้าฯ แม้มีระเบียบใหม่ แต่การชดเชยความเสียหายยังต่ำ ไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลหรือรายได้ที่สูญเสีย

สภาผู้บริโภค ยังเรียกร้องให้ กสทช. แก้ไขประกาศหลักเกณฑ์ เปิดอำนาจให้สำนักงานภูมิภาคสั่งแก้ไขได้ทันที และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมจัดการสายสื่อสารเสี่ยงภัยในพื้นที่

ด้านตัวแทนสำนักงาน กสทช. ชี้แจงว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างนำร่องจัดระบบ Single Last Mile ในบางพื้นที่ เช่น ถนนข้าวสารและพัทยาเหนือ พร้อมเตรียมแก้ประกาศสิทธิแห่งทาง เพิ่มบทลงโทษผู้ประกอบการที่ละเลยหน้าที่ และเห็นด้วยกับแนวคิดตั้งกองทุนเยียวยาเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็ว

สภาผู้บริโภคย้ำว่า หากหน่วยงานรัฐและเอกชนยังปล่อยปละละเลย ปัญหาสายสื่อสารรกรุงรังจะไม่เพียงแต่สร้างภาพลักษณ์ประเทศที่เสียหาย แต่ยังหมายถึงชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนที่ถูกแขวนอยู่บนสายไฟเหล่านี้ทุกวัน