เมื่อ AI Agent ทำงานแทนคนได้จริง  คนไทยอาจตกงานถึง ‘ล้านคน’

เมื่อ AI Agent ทำงานแทนคนได้จริง  คนไทยอาจตกงานถึง ‘ล้านคน’

ทุกวันนี้ผมน่าจะเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI Agent ทำงานแทนเป็นประจำ ทุกเช้าผมจะใช้ Agent ใน ChatGPT มาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัว เพื่อสรุปอีเมล หรือสอบถามนัดหมายต่างๆ พร้อมทั้งถามเพิ่มเติมให้ค้นหาอีเมล หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานต่างๆ รวมถึงอาจสอบถาม AI Agent ให้ทำนัดหมายต่างๆ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้เองโดยอัตโนมัติ

KEY

POINTS

  • AI Agent เป็นเทคโนโลยีที่สามารถคิด วิเคราะห์ วางแผน และทำงานที่ซับซ้อนแทนมนุษย์ได้โดยอัตโนมัติ ทำให้งานหลายประเภท เช่น งานธุรการ โปรแกรมเมอร์เบื้องต้น และนักวิเคราะห์ข้อมูล มีความเสี่ยงที่จะถูกแทนที่
  • กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะตกงานคือ บัณฑิตจบใหม่ที่อาจเข้าสู่ตลาดแรงงานไม่ได้ และคนวัยทำงานกลางคนที่ปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
  • ผู้เขียนคาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้คนไทยตกงานได้ถึงหลักล้านคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และอาจนำไปสู่วิกฤตทางสังคมและเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ทุกวันนี้ผมน่าจะเป็นคนหนึ่งที่ใช้ AI Agent ทำงานแทนเป็นประจำ ทุกเช้าผมจะใช้ Agent ใน ChatGPT มาทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัว เพื่อสรุปอีเมล หรือสอบถามนัดหมายต่างๆ พร้อมทั้งถามเพิ่มเติมให้ค้นหาอีเมล หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานต่างๆ รวมถึงอาจสอบถาม AI Agent ให้ทำนัดหมายต่างๆ ในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้เองโดยอัตโนมัติ

นอกจากนี้ ผมยังใช้ในการทำงานที่ซับซ้อนขึ้น เช่น เมื่อวันก่อนมีความจำเป็นต้องค้นข้อมูล และทำสไลด์นำเสนอ ซึ่งที่ผ่านมาต้องลงมือทำเอง และใช้เวลานานหลายชั่วโมง ทั้งค้นข้อมูลหาเอกสารที่เกี่ยวข้องและลงมือทำสไลด์ แต่วันนี้ผมสามารถใช้ AI Agent อย่าง Minimax AI ทำงานนี้ โดยทันทีผมตื่นขึ้นมา ผมสั่งงานเขาด้วยคำสั่ง Prompt เดียว แล้วก็ไปทำธุระส่วนตัว ทั้งอาบน้ำ ทานอาหารเช้าหรือนั่งดูข่าวทีวี

AI Agent ลงมือทำงานเหล่านี้เอง โดยผมไม่ต้องสั่งงานอะไรเพิ่มเติม เขาทั้งทำการค้นคว้าหาข้อมูล สรุปเนื้อหาต่างๆ ลงมือทำสไลด์ เขียนข้อความ ค้นหาภาพประกอบ หรือแม้แต่สร้างกราฟหรือรูปภาพเอง จากนั้นก็ส่งออกมาเป็นไฟล์นำเสนอให้เรา โดยใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการทำงานชิ้นนี้ ก่อนผมออกจากบ้าน Minimax AI ก็ทำงานนี้เสร็จพอดี ซึ่งงานออกมาได้ดีมาก และน่าจะเก่งกว่าคนจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กที่เพิ่งจบใหม่มาทำงานผมยังใช้ AI Agent ทำงานอีกหลายอย่างเช่น การให้ Manus AI ทำหน้าที่เป็นวิศวกรข้อมูลตรวจสอบคุณภาพและปรับปรุงข้อมูล ซึ่งไม่เพียงแต่เขียนโค้ดแต่ยังสามารถเขียนรายงานสรุปการทำงานทั้งหมดให้ด้วย

นอกจากนี้ ที่ผมทำบ่อย คือการใช้ AI Agent ของ Gemini Deep Research หรือ Perplexity Deep Research เป็นนักวิเคราะห์การตลาดหรือนักวิจัยในการค้นหาข้อมูลต่างๆ และทำรายงานออกมา ซึ่งทำงานได้ดีเสมือนเราใช้ทีมงานวิจัยหลายคนมาทำงานนี้ และเทำงานได้เร็วมากโดยเสร็จภายใน 30 นาที

แม้แต่เรื่องส่วนตัวบางครั้งผมก็เรียกใช้ AI Agent เช่น วันก่อนผมต้องการหาซื้อขาตั้งทีวีรุ่นเก่า เมื่อโทรไปหาคอลเซ็นเตอร์ของห้างเครื่องใช้ไฟฟ้าดังแห่งหนึ่ง ผมกลับได้รับคำตอบว่าไม่มีขาย ต้องติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ผมจึงตัดสินใจ ใช้ ChatGPT Agent ค้นหาข้อมูล โดยทำหน้าที่ใช้คอมพิวเตอร์แทนผม เหมือนผมทำการค้นหาข้อมูล เปิดเว็บไซต์ต่างๆ และสอบถามข้อมูลให้เรา ใช้เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วก็ได้คำตอบว่า ขาตั้งทีวีรุ่นนี้ไม่มีขายแล้ว และแนะนำขาตั้งแบบอื่นทดแทน พร้อมทั้งส่งลิงก์ในการสั่งซื้อมา สุดท้ายผมก็กดลิงก์นั้นสั่งของมาส่งถึงบ้านได้เรียบร้อย

Agentic AI หรือ AI Agent เป็นวิวัฒนาการอีกขั้นที่น่าจับตา ทั้งนี้ Generative AI อย่าง ChatGPT ที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นเปรียบเสมือน ChatBot อัจฉริยะที่สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้อความ รูปภาพ หรือแม้แต่โค้ดโปรแกรม โดยอาศัยข้อมูลที่ถูกป้อนเข้าไปเป็นหลัก มันทำหน้าที่ตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ยังคงขาดความสามารถในการริเริ่มหรือดำเนินการด้วยตัวเอง

แต่สำหรับ Agentic AI นั้นต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง AI Agent ไม่ได้เป็นเพียงผู้สร้างสรรค์เนื้อหาเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ วางแผน ตัดสินใจ และลงมือทำเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ซับซ้อนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากมนุษย์ในทุกขั้นตอน เขาสามารถเรียนรู้ ปรับตัว และทำงานร่วมกับเครื่องมือต่างๆ ได้เสมือนเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่มีความอิสระและชาญฉลาด นี่คือก้าวสำคัญที่ทำให้ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือที่ตอบสนอง แต่เป็น ‘ตัวแทน’ ที่สามารถปฏิบัติภารกิจแทนเราได้จริง

ปัจจุบัน AI Agent กำลังเป็นเทรนด์สำคัญที่พัฒนาไปในหลายทิศทาง ดังที่เห็นได้จากแนวโน้มล่าสุดของ Agent หลายอย่าง ดังเช่น

DeepResearch Agent (เอเจนต์วิจัยเชิงลึก): เป็น AI Agent ที่ออกแบบมาเพื่อทำการวิจัยและรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากแหล่งต่างๆ เพื่อสร้างรายงานที่ครอบคลุมและน่าเชื่อถือ พวกเขาสามารถอ่าน วิเคราะห์ และสังเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การวิเคราะห์ตลาด หรือการจัดทำรายงานทางธุรกิจ

CUA (Computer Using Agents) (เอเจนต์ใช้งานคอมพิวเตอร์): คือ AI Agent ที่สามารถโต้ตอบและใช้งานคอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโปรแกรม คลิกเมาส์ พิมพ์ข้อความ หรือกรอกแบบฟอร์ม ทำให้สามารถทำงานอัตโนมัติที่ซับซ้อนบนคอมพิวเตอร์ได้ เช่น การจัดการเอกสาร การป้อนข้อมูลเข้าระบบ หรือการทดสอบซอฟต์แวร์

Coding Agents (เอเจนต์เขียนโค้ด): เป็น AI Agent ที่ช่วยในการสร้างและแก้ไขโค้ดโปรแกรม ทำให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์รวดเร็วขึ้นถึงสิบเท่า พวกเขาสามารถช่วยเขียนโค้ด ตรวจสอบข้อผิดพลาด และแม้กระทั่งแนะนำแนวทางการแก้ไข ทำให้โปรแกรมเมอร์สามารถโฟกัสกับงานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้

Voice Agents (เอเจนต์เสียง): คือ AI ที่โต้ตอบกับผู้ใช้ผ่านภาษาพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติ ตัวอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีคือ Siri, Google Assistant หรือ Alexa ที่ช่วยเราค้นหาข้อมูล ตั้งปลุก หรือควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเสียง เทคโนโลยีนี้ยังถูกนำไปใช้ในระบบตอบรับอัตโนมัติของคอลเซ็นเตอร์ เพื่อช่วยลดภาระพนักงานและให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

Agentic RAG (Retrieval-Augmented Generation): เป็น AI Agent ที่มีความสามารถดึงข้อมูลแบบเรียลไทม์มาใช้ในการให้เหตุผลและสร้างคำตอบ ทำให้ AI ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นปัจจุบันมากขึ้น ไม่ใช่แค่ตอบจากข้อมูลที่ถูกฝึกมาเท่านั้น ตัวอย่าง เช่น เครื่องมือค้นหาอัจฉริยะอย่าง Perplexity AI ที่สามารถสรุปข้อมูลจากแหล่งต่างๆ และตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ทันที

การมาถึงของ AI Agent เหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การทำงานอย่างมหาศาล ในบางแง่มุม AI Agent อาจเข้ามาแทนที่งานที่ซ้ำซ้อน หรืองานที่ต้องใช้การประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก เช่น งานธุรการ งานบริการลูกค้าเบื้องต้น งานเขียนโปรแกรมเบื้องต้น หรืองานวิเคราะห์ข้อมูลบางประเภท

ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่เห็นแนวโน้มการลดคนทำงานในหลายอาชีพ เพราะสามารถนำ AI Agent มาทำงานแทนที่ได้ แม้แต่ตำแหน่งนักพัฒนาโปรแกรมที่ไม่กี่ปีก่อนเราเคยบอกว่าเป็นงานที่ดีและมั่นคง

แต่ปัจจุบัน AI สามารถทำงานด้านนี้ได้ดี เราจึงเริ่มเห็นข่าวบริษัทเทคโนโลยีให้เลิกจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์บางส่วน เช่น สัปดาห์นี้ บริษัท Cisco เพิ่งประกาศลดพนักงานด้านนี้เป็นจำนวนมากหรือสื่ออย่าง BBC ก็ออกมาระบุว่า บัณฑิตสาขาวิทยากรคอมพิวเตอร์ในสหราชอาณาจักรกำลังมีปัญหาในการหางานความสามารถของ AI Agent ที่เก่งขึ้นเรื่อยๆ กำลังทำให้คนสองกลุ่มมีความเสี่ยงสูงที่จะตกงานในอนาคต คือ กลุ่มบัณฑิตจบใหม่ที่อาจเข้าตลาดแรงงานไม่ได้ จนเกิดปัญหารุ่นคนที่สูญหาย (Lost generation) 

คนเหล่านี้ต้องสร้างทักษะใหม่ๆ ให้ดี ต้องมีทักษะด้าน Softskill ในสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ามนุษย์ และต้องเปลี่ยนทัศนคติในการเรียนและค่านิยมที่จะยึดกับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยดังๆ ตามกระแส

กลุ่มที่สองคือ คนวัยทำงานวัยกลางคน ที่เงินเดือนเริ่มสูงขึ้น ปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของ AI คนเหล่านี้ต้องเริ่มรีบปรับทักษะของตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ว่างานใหม่ที่ AI จะสร้างขึ้นมาหรือปรับวิธีการคนทำงานแบบใหม่ จะเพิ่มขึ้นมาแทนคนที่อาจต้องออกไปจากตลาดงานได้ทันหรือไม่ คนเหล่านี้จำนวนมากจึงยังอาจตกงาน

สุดท้ายคนตกงานทั้งสองกลุ่มในไม่กี่ปีข้างหน้าอาจถึงล้านคน เพราะจะพบกับปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ในขณะที่สังคมไทยอาจเกิดวิกฤติครั้งใหญ่เร็วๆ นี้ ที่น่าห่วงคือรัฐบาลยังประเมินผลกระทบที่จะเกิดจากเรื่องนี้ต่ำไปครับ