อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

เจาะลึกรีวิว "Nothing Phone (3)" สมาร์ตโฟนเรือธงสุดอินดี้ สัมผัสดีไซน์ที่โตขึ้น, Glyph Interface โฉมใหม่, พลัง Snapdragon 8s Gen 4 และกล้องระดับโปรที่ฉีกทุกนิยามเดิมๆ

KEY

POINTS

  • Nothing Phone (3) ยกระดับดีไซน์โปร่งใสอันเป็นเอกลักษณ์ให้ดูพรีเมียมและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พร้อมปฏิวัติการใช้งานผ่านฝาหลังด้วยระบบ Glyph Matrix ที่แสดงข้อมูลได้หลากหลาย และ Glyph Button สำหรับการโต้ตอบที่ง่ายและสนุกกว่าเดิม
  • มือถือรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 ที่ทรงพลัง และมอบประสบการณ์ที่แตกต่างผ่าน Nothing OS 3.5 ซึ่งมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Essential Space ที่ทำหน้าที่เปรียบเสมือน "หน่วยความจำที่สอง" ของผู้ใช้
  • Nothing Phone (3) อัปเกรดระบบกล้องครั้งใหญ่ด้วยชุดกล้อง 50MP สี่ตัว รวมถึงการเพิ่มเลนส์ Periscope เป็นครั้งแรก โดยกล้องทุกตัวบันทึกวิดีโอความละเอียดสูง 4K ที่ 60fps ได้

หลังจากที่ Nothing ได้สร้างปรากฏการณ์ให้วงการสมาร์ตโฟนด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และแนวคิดที่ต้องการฉีกกรอบเดิมๆ มาตลอดสองเจเนอเรชั่น วันนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับ Nothing Phone (3) ที่ไม่ใช่แค่การอัปเกรด แต่คือการมาถึงของ "เรือธงที่แท้จริง" และคือความอินดี้ที่ทรงพลังมากในฐานะสมาร์ตโฟน

นี่คือบทสรุปจากทุกสิ่งที่ Nothing ได้เรียนรู้มาตลอด 4 ปี และเป็นความพยายามที่จะนำความสนุกสนาน ความตื่นเต้น และดีไซน์ กลับมาสู่ศูนย์กลางของเทคโนโลยีอีกครั้ง เรามาเจาะลึกกันผ่านบทความ รีวิว Nothing Phone (3) กันเลย

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

ดีไซน์ที่ "โตขึ้น" แต่ยังคงลายเซ็น Nothing ไว้อย่างครบถ้วน

ทันทีที่ได้เห็น Nothing Phone (3) สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือวิวัฒนาการทางด้านดีไซน์ที่ดูโตขึ้นและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่มันยังคงตะโกนออกมาดังๆ ว่านี่คือ "Nothing" อย่างไม่ต้องสงสัย การออกแบบที่โปร่งใสอันเป็นเอกลักษณ์ยังคงอยู่ แต่ถูกยกระดับด้วยการซ้อนเลเยอร์ของโลหะและกระจกอย่างมีชั้นเชิง เมื่อพลิกไปที่ฝาหลัง เราจะพบกับศิลปะแห่งความไม่สมมาตรที่ถูกจัดวางอย่างลงตัวบนโครงสร้างแบบกริดสามคอลัมน์ เป็นการผสมผสานระหว่างความสนุกสนานและความสวยงามแบบคลาสสิกที่น่ามอง

สิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งอีกอย่างคือขอบหน้าจอที่บางเฉียบและสมมาตรกันทั้งสี่ด้าน โดยมีความหนาเพียง 1.87 มม. เท่านั้น ซึ่งบางลงกว่า Phone (2) ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ การลดขอบจอลงนี้อาจดูเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่มันส่งผลอย่างมหาศาลต่อความรู้สึกโดยรวม ทำให้หน้าจอ AMOLED ดูโดดเด่นและเต็มตา สร้างสมดุลและความสมบูรณ์แบบให้กับตัวเครื่องได้อย่างน่าทึ่ง

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

'Glyph Interface' ไม่ใช่แค่ไฟ แต่คือสมองกลที่สองบนฝาหลัง

Glyph Interface คือหัวใจของ Nothing และใน Phone (3) มันได้ถูกจินตนาการขึ้นใหม่ทั้งหมด จากเดิมที่เป็นเพียงแถบไฟใน Phone (1) ตอนนี้มันได้วิวัฒนาการไปสู่ระบบที่เรียกว่า "Glyph Matrix" ซึ่งเป็นแผงไฟ LED ขนาดเล็กที่ยิงแสงแยกกันได้ถึง 489 ดวง ทำหน้าที่เป็นหน้าจอขาว-ดำที่สื่อสารข้อมูลสำคัญกับคุณได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าจอหลัก ไม่ว่าจะเป็นการแสดงไอคอนประจำตัวของผู้ที่โทรเข้าหรือส่งข้อความ หรือการแจ้งเตือนต่างๆ ในสไตล์ดอทเมทริกซ์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ 

ความพิเศษไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เพราะ Nothing ได้เพิ่ม "Glyph Button" เข้ามาเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับ Glyph Matrix เพียงแค่แตะเพื่อเลื่อนดูวิดเจ็ตหรือเครื่องมือต่างๆ หรือกดค้างเพื่อสั่งการ มันเรียบง่ายแต่ทรงพลัง นอกจากนี้ยังมีชุดฟีเจอร์สนุกๆ ที่เรียกว่า "Glyph Toys" ซึ่งเป็นประสบการณ์ย่อยๆ ที่ทำให้โทรศัพท์ของคุณมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้จากด้านหลัง ลองนึกภาพการใช้ฝาหลังเป็นกระจกส่องเพื่อจัดองค์ประกอบภาพเซลฟี่ด้วย Glyph Mirror, หรือจะใช้เป็นนาฬิกาดิจิทัล, ตัวจับเวลา หรือแม้กระทั่งเล่นเกมง่ายๆ อย่าง Spin the Bottle และ Rock Paper Scissors ก็ยังได้ และที่น่าสนใจคือมีเครื่องมือที่พัฒนาร่วมกับคอมมูนิตี้อย่าง Magic 8 Ball และ Leveller (เครื่องวัดระดับ) อีกด้วย

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

Nothing OS 3.5 และ Essential Space ประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างมีความหมาย

Nothing OS คือสิ่งที่ทำให้โทรศัพท์ Nothing แตกต่างจาก Android ทั่วไป ในเวอร์ชัน 3.5 ที่มาพร้อมกับ Android 15 มันยังคงมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหล เป็นธรรมชาติ และปรับแต่งได้อย่างมีความหมาย หัวใจของมันคือ Dot Engine ที่ขับเคลื่อนอนิเมชันและไอคอนต่างๆ ให้มีสไตล์เฉพาะตัว พร้อมการันตีอัปเดต OS นานถึง 5 ปี และแพตช์ความปลอดภัยนาน 7 ปี ซึ่งถือเป็นการให้คำมั่นที่ยอดเยี่ยมและช่วยลดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ได้ในระยะยาว 

ฟีเจอร์ที่เปรียบเสมือนพระเอกของซอฟต์แวร์ในรอบนี้คือ "Essential Space" มันคือพื้นที่สำหรับเก็บทุกความคิดและข้อมูลสำคัญของคุณ เปรียบได้กับ "หน่วยความจำที่สอง" ที่ทำงานร่วมกับปุ่ม "Essential Key" ที่อยู่ด้านข้างตัวเครื่อง เพียงกดครั้งเดียวก็แคปหน้าจอหรือส่งรูปจากแกลเลอรีเข้ามาเก็บไว้ได้ทันที กดค้างเพื่อบันทึกเสียงที่พร้อมจะถูกถอดความเป็นตัวอักษร หรือกดสองครั้งเพื่อเข้าสู่หน้า Essential Space โดยตรง AI ในระบบจะช่วยจัดระเบียบและสรุปข้อมูลให้โดยอัตโนมัติ และที่น่าทึ่งคือฟีเจอร์ "Flip to Record" เพียงกดปุ่ม Essential Key ค้างไว้แล้วคว่ำโทรศัพท์ลง มันจะเริ่มบันทึกและถอดเสียงการประชุม พร้อมระบุผู้พูดและสรุปประเด็นสำคัญให้ โดยสถานะการบันทึกจะแสดงผลบน Glyph Matrix

Snapdragon 8s Gen 4 ขุมพลังที่เหลือเฟือ

Nothing Phone (3) ไม่ได้มีดีแค่ดีไซน์ แต่ยังมาพร้อมประสิทธิภาพที่ทรงพลังอย่างแท้จริง ด้วยชิปเซ็ตระดับเรือธงรุ่นล่าสุดอย่าง "Snapdragon 8s Gen 4" ที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 4 นาโนเมตรของ TSMC ทำให้พร้อมสำหรับทุกการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อวิดีโอ 4K, การเล่นเกมกราฟิกระดับคอนโซล หรือการทำงานร่วมกับเครื่องมือ AI ต่างๆ 

เมื่อเทียบกับ Phone (2) แล้ว Phone (3) มีประสิทธิภาพ CPU สูงขึ้น 36 เปอร์เซ็นต์, GPU ดีขึ้นถึง 88 เปอร์เซ็นต์ และการประมวลผล AI เร็วขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ นี่ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่คือประสบการณ์ใช้งานจริงที่รวดเร็วขึ้น การเปิดแอปที่ฉับไว เกมที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด และการโต้ตอบกับ AI ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกับ RAM แบบ LPDDR5X สูงสุด 16GB และหน่วยความจำแบบ UFS 4.0 สูงสุด 512GB ทำให้การทำงานหลายอย่างพร้อมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับอนาคต

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

กล้องที่ยกเครื่องใหม่หมดจด

นี่คือการอัปเกรดกล้องครั้งใหญ่ที่สุดของ Nothing โดย Phone (3) ถูกสร้างมาเพื่อเหล่าครีเอเตอร์อย่างแท้จริง ด้วยระบบกล้อง 4 ตัวที่ทุกเลนส์มีความละเอียด 50MP และถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60fps ได้ทั้งหมด 

กล้องหลัก 50MP มาพร้อมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว ซึ่งรับแสงได้ดีกว่า Phone (2) ถึง 44 เปอร์เซ็นต์ ทำให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยกลายเป็นเรื่องง่ายและได้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง จุดเปลี่ยนที่สำคัญคือการเพิ่มกล้อง Periscope 50MP เข้ามาเป็นครั้งแรก ซึ่งให้ทางยาวโฟกัส 70 มม. ซูมแบบออปติคัลได้ 3 เท่า และซูมแบบไม่เสียรายละเอียด (lossless) ได้ถึง 6 เท่า เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการถ่ายภาพบุคคลให้มีโบเก้ที่สวยงาม หรือดึงวัตถุที่อยู่ไกลเข้ามาใกล้ได้อย่างคมชัด นอกจากนี้ยังมีกล้อง Ultra-wide 50MP ที่ให้มุมมองกว้างถึง 114 องศา และกล้องหน้า 50MP สำหรับการเซลฟี่และวิดีโอบล็อกที่คมชัด

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nothing Phone (3)

เบื้องหลังความยอดเยี่ยมนี้คือ "TrueLens Engine 4" ซึ่งเป็นระบบประมวลผลภาพที่ใช้ AI อันทรงพลังของชิป Snapdragon 8s Gen 4 ในการปรับแต่งภาพให้มีมิติ แสงเงาเป็นธรรมชาติ และสีสันที่สมจริง และเป็นครั้งแรกที่ Nothing นำเสนอระบบวิดีโอ "Ultra XDR" ที่บันทึกภาพโดยมีการรับแสงสองระดับในทุกเฟรม ทำให้วิดีโอที่ได้มีไดนามิกเรนจ์กว้าง ให้รายละเอียดครบถ้วนทั้งในส่วนมืดและส่วนสว่าง

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nothing Phone (3)

แบตเตอรี่อึด จอสว่าง

Nothing Phone (3) มาพร้อมระบบแบตเตอรี่ที่ล้ำหน้าที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยแบตเตอรี่แบบ Silicon-Carbon ความจุสูงถึง 5150mAh ซึ่งมีความหนาแน่นของพลังงานสูงกว่าแบตเตอรี่ทั่วไปถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ใช้งานได้ยาวนานถึง 2 วันเต็ม และเมื่อแบตเตอรี่หมด ก็ชาร์จกลับได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบชาร์จไว 65W ซึ่งชาร์จจาก 1-50 เปอร์เซ็นต์ ได้ในเวลาเพียง 19 นาที และเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ใน 54 นาที นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จไร้สาย 15W อีกด้วย 

ในส่วนของหน้าจอ เป็นจอ Flexible AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ที่มีความละเอียดสูง (460 ppi) และสว่างเป็นพิเศษ โดยมีความสว่างสูงสุดเมื่อเล่นคอนเทนต์ HDR ถึง 4500 nits และสว่าง 1600 nits เมื่อใช้งานกลางแจ้ง ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในวันที่แดดจ้า อัตรารีเฟรชแบบปรับได้ 120Hz และอัตราการตอบสนองการสัมผัส 1000Hz ทำให้ทุกการปัดและแตะลื่นไหลและทันท่วงที

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก

อย่างอินดี้! รีวิว 'Nothing Phone (3)' มือถือที่เท่สุดในสามโลก ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Nothing Phone (3)

บทสรุป

จากการใช้งานจริง เราพบว่า Nothing Phone (3) ไม่ใช่แค่สมาร์ตโฟนรุ่นหนึ่งในตลาด แต่คือสิ่งแทนถึงทิศทางใหม่ของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างดีไซน์ที่โดดเด่นและกล้าหาญ ฟีเจอร์ที่สร้างสรรค์และใช้งานได้จริงอย่าง Glyph Interface และ Essential Space ประสิทธิภาพระดับเรือธงที่เชื่อถือได้ และระบบกล้องที่ทรงพลังมากพอที่จะเป็นเครื่องมือสำหรับครีเอเตอร์มืออาชีพ มือถือเครื่องนี้คืออุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดความยุ่งเหยิงในโลกดิจิทัลและช่วยให้เรากลับมามีสติกับการใช้งานมากขึ้น และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับใครก็ตามที่มองหาประสบการณ์ที่แตกต่างและไม่เหมือนใครในโลกของสมาร์ตโฟน

ราคาและการจำหน่าย

Nothing Phone (3) มีให้เลือก 2 สี ทั้ง Black และ White ความจุ 12 GB + 256 GB ในราคา 27,999 บาท และ ความจุ 16 GB + 512 GB ในราคา 30,999 บาท (https://s.shopee.co.th/BJP5GD7)