'เอ็นที' เอ็มโอยูผนึก มจธ. พัฒนาระบบ NSW หนุนดิจิทัลโลจิสติกส์ของไทย

เอ็นที จับมือ มจธ. วิจัย-พัฒนาระบบ THAI NSW เสริมศักยภาพโลจิสติกส์ไทย สร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลเชื่อมโยงข้อมูลขนส่ง หนุนเศรษฐกิจยุคใหม่อย่างยั่งยืน
บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที ลงนามความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เดินหน้าวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านดิจิทัลโลจิสติกส์ เพื่อเสริมศักยภาพของระบบขนส่งและซัพพลายเชนไทยผ่านระบบ National Single Window (THAI NSW) เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
โดยเอ็นทีซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ NSW Operator ของประเทศ ร่วมมือกับ มจธ. ผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ เทคโนโลยี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันระบบ NSW และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการค้าของประเทศให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้บริการทุกภาคส่วน
ความร่วมมือครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการศึกษา วิจัย และพัฒนานโยบาย ยุทธศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกทางการค้า (Trade Facilitation) และ Digital Logistics and Supply Chain โดยเปิดโอกาสให้นักศึกษาและนักวิจัยได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจังในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังเติบโต
พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็นทีกล่าวว่า ความร่วมมือกับ มจธ. จะช่วยเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการและนวัตกรรมเข้ากับโครงสร้างเทคโนโลยีของ NT เพื่อยกระดับการให้บริการของระบบ NSW และสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลก พร้อมส่งเสริมบุคลากรรุ่นใหม่ให้มีทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างรอบด้าน
ด้าน รศ.ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดี มจธ. ย้ำว่า การร่วมมือกับเอ็นที เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับงานวิจัยให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติและความต้องการของภาคธุรกิจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการพัฒนาบริการที่เกี่ยวข้องกับระบบ NSW ผ่านศูนย์ความเป็นเลิศด้านโลจิสติกส์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีบทบาทสนับสนุนทางวิชาการและนวัตกรรมอย่างเข้มแข็ง
นอกจากนี้ เอ็นที ยังเดินหน้าเปิดตัวระบบ NSW e-D/O (Electronic Delivery Order) หรือระบบบริการใบสั่งปล่อยสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ช่วยลดการใช้กระดาษ อำนวยความสะดวกด้านการนำเข้า-ส่งออก และสอดรับกับเป้าหมายในการยกระดับระบบโลจิสติกส์สู่ดิจิทัลเต็มรูปแบบอย่างยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศและภูมิภาค
ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการบูรณาการเทคโนโลยี การวิจัย และการศึกษากับระบบโลจิสติกส์ เพื่อวางรากฐานสู่อนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยอย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ







