‘เอดับบลิวเอส’ ชู ‘คลาวด์ - AI’ กุญแจเพิ่มแต้มต่อธุรกิจ

‘เอดับบลิวเอส’ ชู ‘คลาวด์ - AI’ กุญแจเพิ่มแต้มต่อธุรกิจ

AWS เผย “คลาวด์ - เอไอ/แมชีนเลิร์นนิง - บิ๊กดาต้า - ไอโอที” 4 เมกะเทรนด์ขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน แนะธุรกิจเร่งปรับตัว ใช้ “คลาวด์” เปิดทางรอด เพิ่มความเร็ว ยืดหยุ่น ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

วัตสัน ถิรภัทรพงศ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ เอดับบลิวเอส (AWS) ผู้ให้บริการคลาวด์ระดับโลก กล่าวว่า 4 เมกะเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันประกอบด้วย คลาวด์, เอไอ/แมชีนเลิร์นนิง, บิ๊กดาต้า, และไอโอที

วันนี้คลาวด์มีส่วนสำคัญต่อการยกระดับธุรกิจ ทำให้ชีวิตสบายมากขึ้น ขับเคลื่อนการทรานส์ฟอร์มธุรกิจบนดิจิทัล นวัตกรรม เป็นเบื้องหลังที่แทรกซึมอยู่ในหลากหลายผลิตภัณฑ์และบริการบนดิจิทัลต่างๆ ทั้งที่เรารู้ตัวและไม่รู้ตัว อีกทางหนึ่งที่เห็นชัดเจนช่วยเพิ่มทางเลือกในการลงทุน ทำให้ธุรกิจลดต้นทุน สามารถจ่ายตามใช้งานจริง

ที่สำคัญเพิ่มความเร็ว ยืดหยุ่น เปิดโอกาสให้สามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศทั่วโลก อีกทางหนึ่งลดภาระและค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ การขาดแคลนบุคลากร และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

เอดับบลิวเอสเผยว่า คลาวด์ยังเพิ่มโอกาสในการลดคาร์บอน เช่นที่เอดับบลิวเอสมีประสิทธิภาพด้านพลังงานมากกว่าการใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร (on-premises) สูงสุดถึง 4.1 เท่า และสามารถลดการปล่อยคาร์บอนที่เกี่ยวข้องได้ สูงสุดถึง 99% เมื่อมีการปรับใช้อย่างเหมาะสม

การย้ายไปยังเอดับบลิวเอสคลาวด์ ส่งผลดีทั้งด้านการโหลดงานไอทีภายในองค์กร, ประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์,ประสิทธิภาพด้านการระบายความร้อน, การใช้พลังงานสะอาด/ปราศจากคาร์บอน, มีการโหลดงานที่ปรับแต่งให้เหมาะสม

ท้ายที่สุดผลลัพธ์คือ สามารถลดการปล่อยคาร์บอนของโหลดงานบนเอดับบลิวเอสได้ถึง 99%

สำหรับประเทศไทย ผลการประเมินประสิทธิภาพการใช้งานคลาวด์พบว่า ช่วยการประหยัดต้นทุน (TCO) โดยลดต้นทุนต่อผู้ใช้ลง 29.4%, ประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากร (Staff productivity) จำนวน VM (เครื่องเสมือน) ต่อผู้ดูแลระบบ เพิ่มขึ้น 36.0% พื้นที่จัดเก็บข้อมูล (TB) ต่อผู้ดูแลระบบ เพิ่มขึ้น 39.7%

ขณะที่ ความยืดหยุ่นในการดำเนินงาน (Operational resilience) จำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเดือนลดลง 15.2%, เวลาที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาโดยเฉลี่ย ลดลง 16.9%

ด้านความคล่องตัวทางธุรกิจ (Business agility) เวลาสู่ตลาด (Time to Market) ลดลง 22.7%, ความถี่ในการปรับใช้โค้ด (Code Deploy) เพิ่มขึ้น 244.0%