‘ดีป้า’ เร่งเครื่องปั้นมาตรฐานบริการดิจิทัล ‘สัญชาติไทย’

“ดีป้า” มองสถานการณ์ไทยอยู่ในช่วงเปราะบาง แม้เป็นตลาดมีศักยภาพ โครงสร้างพื้นฐานพร้อม แต่ยังใช้ “ดิจิทัล” ได้ไม่เต็มที่ ปักธงสร้างมาตรฐาน "ดิจิทัล เซอร์วิส" สัญชาติไทย หวังสร้างผลกระทบที่ใหญ่ ทุกฝ่าย “รอด” ไปด้วยกัน
ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ขึ้นเวทีเปิดมุมมองในงานสัมมนา “PostToday Thailand Smart SME 2025: Smart Solutions & Sustainable Growth” ว่า สถานะประเทศไทยขณะนี้มีความเปราะบางอย่างมาก ถูกท้าทายด้วยภาวะเศรษฐกิจ นโยบายภาษีทรัมป์ หนี้สินครัวเรือน ทั้งเร่ิมได้เห็นว่าผู้ประกอบขนาดกลางและขนาดย่อมเริ่มผิดชำระหนี้แล้ว
แน่นอนว่า หลายฝ่ายได้ประเมินสถานการณ์และส่งสัญญาณเตือนออกมาแล้ว ทว่ายังไม่มีทางออกที่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไร
หากมองถึงอุตสาหกรรมดิจิทัลซึ่งดีป้าดูแลอยู่ครอบคลุมทั้งด้านโทรคมนาคม ดิจิทัลคอนเทนต์ เกม แอนิเมชัน สตาร์ทอัป ฮาร์ดแวร์และสมาร์ตดีไวซ์ นับว่าไทยมีศักยภาพสูง ทว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องแข่งขันสู้รบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน
ยอมรับว่าประเทศไทยนั้นมีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ทว่าความพร้อมด้านเทคโนโลยีของกลุ่มเอสเอ็มอีและผู้ประกอบการในระบบทั้งหมดยังนับว่ายังไม่ดีนัก ไม่สามารถดึงจุดแข็งของประเทศออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ กล่าวได้ว่าเชิงเทคโนโลยีเติบโตมาอย่างต่อเนื่องแต่การปรับใช้จริงยังคงไม่สอดคล้องตามนั้น
ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในหลายมิติเห็นได้จากตัวเลขการใช้บริการดิจิทัลโดยวีอาร์โซเชียลที่ประเมินว่า ในไทยมีผู้ใช้งานไลน์กว่า 59.7 ล้านราย คิดเป็น 90.6% ของจำนวนประชากร, เฟซบุ๊ก 59.8 ล้านราย กินสัดส่วน 90.7%, TikTok 56.5 ล้านราย 85.7%, อินสตาแกรม 42 ล้านราย 63.7% และ เอ็กซ์(ทวิตเตอร์) 30.3 ล้านราย 45.9%
อย่างไรก็ดี โจทย์สำคัญคือ ทำอย่างไรจะทำให้ภาคอุตสาหกรรมเติบโตสอดคล้องไปกับจีดีพี และจะปรับตัวกับสถานการณ์ที่เปราะบางเช่นเวลานี้ได้อย่างไร
ส่วนของดีป้าพยายามสร้างกลไกเพื่อทำให้เกิดการทรานส์ฟอร์มเชิงดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการเกษตร อุตสาหกรรม รวมถึงผู้ประกอบการ งานที่กำลังเร่งขับเคลื่อนเช่น การกำหนดคุณภาพตามมาตรฐานระดับสากลสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลในชื่อ “dSURE” (ดีชัวร์)
หากผ่านมาตรฐานสามารถรับสิทธิพิเศษเช่น กระทรวงการคลังให้สิทธินำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ 200% วงเงินสูงสุด 3 แสนบาท, ค่าเสื่อมฮาร์ดแวร์ 3 ปี หรือธุรกิจที่มีการขอบีโอไอสามารถนำค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากการลงทุนไม่ว่าจะเป็นคลาวด์ เอไอ ฮาร์ดแวร์ ฯลฯ ไปยกเว้นการชำระภาษีได้วงเงินเต็ม 100% ตามเงื่อนไขที่กำหนด ปัจจุบัน มีบริษัทที่ผ่านมาตรฐานขึ้นทะเบียนแล้วทั้งหมด 135 บริษัท รวมมีผลิตภัณฑ์และบริการดิจิทัลกว่า 824 ชนิด
นอกจากนี้ มีอีกหลากหลายโปรแกรมสำหรับบริษัทที่มีการส่งเสริมทักษะดิจิทัล สามารถนำค่าใช้จ่ายในการอบรมพนักงานและค่าจ้างงานไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 250% ตามเงื่อนไข มากกว่านั้นเดือนหน้ามีโครงการส่งเสริมเอไอทรานส์ฟอร์เมชันสำหรับผู้ประกอบการรายละ 2 แสนบาท สำหรับนำไปใช้กับบริการดิจิทัลในโครงการ ส่วนที่ไม่ใช่นิติบุคคลมีงบ 1 หมื่นบาท สำหรับ 1 หมื่นสิทธิ
หวังว่าจะสามารถสร้างผลกระทบที่ใหญ่ ทำให้ประเทศไทยรอดจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งนี้ ซึ่งไม่ใช่เพียงเอสเอ็มอีเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงประชาชนทั่วไปซึ่งในอนาคตอาจมีความเสี่ยงตกงานหากเราไปไม่รอด







