รู้จัก 'BM-21 Grad' คุณปู่ยุคสงครามเย็น ยังสะเทือนชายแดนไทย-กัมพูชา

เจาะลึก "BM-21 Grad" อาวุธรุ่นปู่จากโซเวียต ที่ยังคงคำรามลั่นชายแดนด้วยปรัชญา 'ยิงไม่แม่นแต่เน้นเยอะ' ทำความรู้จักมรดกสงครามเย็นที่ล้าสมัยแต่ยังเป็นภัยคุกคามอยู่
KEY
POINTS
- BM-21 Grad คือ ระบบจรวดหลายลำกล้องยุคสงครามเย็นของโซเวียตที่ถูกออกแบบมาเพื่อยิงทำลายล้างเป้าหมายเป็นพื้นที่กว้าง โดยเน้นปริมาณมากกว่าความแม่นยำ
- แม้จะเก่า และล้าสมัย แต่ด้วยความที่ราคาถูก ผลิตง่าย มีจำนวนมหาศาล และสร้างผลทางจิตวิทยาได้ดีเยี่ยม ทำให้มันยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก
- จรวดชนิดนี้มีความสำคัญในบริบทของไทย เพราะเคยถูกกองทัพกัมพูชานำมาใช้ระดมยิงใส่พื้นที่ชายแดนไทยในเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน
เรากำลังอยู่ในยุคที่เทคโนโลยีการทหารกำลังเห่อเหิมกับโดรนสังหาร, ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก และระบบ AI ในสนามรบ อาจจะฟังดูเป็นเรื่องตลกร้ายที่อาวุธซึ่งถือกำเนิดในยุคที่โทรศัพท์ยังต้องใช้สาย และทีวียังเป็นจอขาวดำ จะยังคงถูกลากออกมาใช้งานจริงจังในสนามรบ แต่สำหรับ BM-21 Grad หรือที่บ้านเราคุ้นเคยในชื่อ เครื่องยิงจรวด BM-21 มันไม่ใช่แค่ของสะสมในพิพิธภัณฑ์ แต่คือ อาวุธที่กองทัพกัมพูชากำลังใช้ระดมยิงใส่แผ่นดินไทย และยังคงเป็นส่วนหนึ่งของยุทโธปกรณ์ในหลายประเทศทั่วโลก
KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปทำความรู้จักกับ "คุณปู่" แห่งวงการจรวดหลายลำกล้อง ที่ปฏิเสธจะเกษียณตัวเองไปตามกาลเวลา
เปิดสเปก 'ปู่ BM-21' อาวุธสุดคลาสสิกจากยุคโซเวียต
BM-21 Grad (ภาษารัสเซีย "Град" แปลว่า "ลูกเห็บ") คือ ระบบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องที่พัฒนาโดยสหภาพโซเวียต และเข้าประจำการครั้งแรกในปี ค.ศ.1963 หรือง่ายๆ คือ ยุคที่ The Beatles กำลังโด่งดัง สหภาพโซเวียตก็ได้ให้กำเนิดอาวุธชนิดนี้ขึ้นมา
หัวใจของมันเรียบง่ายจนน่าตกใจ มันคือ รถบรรทุกสุดทรหดรุ่น Ural-375D (และรุ่นใหม่กว่าอย่าง Ural-4320) ที่แบกท่อยิงจรวดขนาด 122 มม. จำนวน 40 ท่อไว้บนหลัง ระดมยิงจรวดทั้งหมด 40 นัดออกไปได้ในเวลาเพียง 20 วินาที สร้าง "ห่าฝนเหล็ก" ที่ทำลายล้างทุกสิ่งในพื้นที่เป้าหมายขนาดใหญ่เทียบเท่าสนามฟุตบอลหลายสนามได้ในพริบตา
ยิงหมดไม่สนความแม่นยำ
หากจะพูดถึงความแม่นยำของ BM-21 ก็ต้องบอกกันตามตรงว่า "อย่าถามหา" ในยุคที่จรวดนำวิถีเลือกเป้าหมายเป็นหน้าต่างบานใดบานหนึ่งของตึกได้ BM-21 ยังคงใช้ปรัชญาดั้งเดิมแบบ "Spray and Pray" คือ การยิงออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายให้มากที่สุด แล้วหวังว่าจะมีอะไรสักอย่างโดนเข้าจังๆ มันเป็นเสมือนค้อนปอนด์ที่ใช้ทุบทำลายทุกอย่างในบริเวณนั้นให้ราบเป็นหน้ากลอง เหมาะสำหรับทำลายกำลังพลที่รวมตัวกัน, ที่ตั้งปืนใหญ่ หรือยานเกราะเบา
ระยะยิงของจรวดมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลเมตร ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นระยะที่ค่อนข้างสั้น ทำให้แท่นยิงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจมตีตอบโต้จากปืนใหญ่หรือระบบจรวดที่ทันสมัยกว่าของฝ่ายตรงข้าม
เหตุผลที่ BM-21 ไม่ยอมตาย
คำถามสำคัญคือ แล้วทำไมอาวุธที่ดูล้าสมัยขนาดนี้ยังคงถูกใช้งานอย่างแพร่หลาย? คำตอบนั้นเรียบง่าย และน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
- หนึ่งคือ ราคาถูก และผลิตง่าย BM-21 มีกลไกที่ไม่ซับซ้อน ทำให้ง่ายต่อการผลิต การบำรุงรักษา และการฝึกฝนทหารให้ใช้งาน หลายประเทศทั่วโลกได้ทำการลอกเลียนแบบ และผลิตรุ่นของตัวเองขึ้นมามากมายจนนับไม่ถ้วน มันคือ "AK-47 แห่งวงการปืนใหญ่จรวด" อย่างแท้จริง
- สองคือ มีจำนวนมหาศาล ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา BM-21 ถูกผลิต และส่งออกไปทั่วโลก ทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่หาได้ง่ายในตลาดมืด และเป็นยุทโธปกรณ์พื้นฐานของกองทัพในประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก
- สามคือ อำนาจทางจิตวิทยา เสียงคำรามกึกก้องจากการยิงจรวด 40 นัดต่อเนื่อง และภาพของห่าจรวดที่พุ่งเข้าใส่เป้าหมายนั้นสร้างความตื่นตระหนกและทำลายขวัญกำลังใจของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างมหาศาล มันคือ การประกาศศักดาที่น่าเกรงขาม แม้เทคโนโลยีจะเก่าแก่ก็ตาม
จากโซเวียตสู่ชายแดน เมื่อ BM-21 ของเขมรแผลงฤทธิ์
สำหรับประเทศไทย BM-21 ไม่ใช่แค่อาวุธที่เห็นในข่าวต่างประเทศ แต่เป็นภัยคุกคามที่กำลังเกิดขึ้นจริง ในเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา หลายครั้งในอดีตจนถึงปัจจุบัน กองทัพกัมพูชาได้ใช้จรวด BM-21 ระดมยิงข้ามพรมแดนเข้ามายังฝั่งไทย สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และสร้างความหวาดกลัวให้แก่ประชาชนในพื้นที่ นี่คือ เครื่องยืนยันชั้นดีว่า แม้จะเป็นเทคโนโลยีเก่าจากยุคสงครามเย็น แต่มันยังคงมีอานุภาพทำลายล้าง และสังหารผู้คนได้ไม่ต่างจากอาวุธสมัยใหม่
BM-21 Grad จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าในโลกแห่งสงคราม "ความทันสมัย" ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ตัดสินประสิทธิภาพ ความเรียบง่าย ความทนทาน และปริมาณที่มหาศาล ก็ทำให้ยุทโธปกรณ์รุ่นคุณปู่ชิ้นนี้ยังคงเป็นภัยคุกคามที่น่ากลัวในสนามรบได้จนถึงทุกวันนี้ มันคือ มรดกจากยุคสงครามเย็นที่ยังคงส่งเสียงคำรามเตือนเราว่า ความขัดแย้ง และอานุภาพการทำลายล้างนั้น ไม่เคยล้าสมัยไปตามกาลเวลาเลยแม้แต่น้อย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







