ETDA ออก 4 ประกาศใหม่ภายใต้กฎหมาย DPS คุมเข้มมาร์เก็ตเพลส-แอปฯเรียกรถ

ETDA เปิด 4 ประกาศลูกภายใต้กฎหมายแพลตฟอร์มดิจิทัล (DPS) กำกับ “มาร์เก็ตเพลส-Ride Sharing” ยกระดับความปลอดภัย-ความเป็นธรรม กำหนดมาตรฐานบริการ พร้อมบทลงโทษ
KEY
POINTS
- ประกาศฉบับแรก กำหนดให้ 19 แพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ (Online Marketplace) เช่น Shopee, Lazada, Grab ต้องมีมาตรการประเมินความเสี่ยง, จัดเก็บข้อมูลผู้ขาย, ตรวจสอบสินค้า, และมีระบบแจ้งเตือนเพื่อนำสินค้าที่ไม่ปลอดภัยออกจากแพลตฟอร์ม
- ประกาศฉบับที่สอง กำหนดให้แพลตฟอร์ม Online Marketplace ต้องเปิดเผยข้อมูลสินค้าและผู้ขายอย่างโปร่งใส, ตรวจสอบใบอนุญาตและมาตรฐานสินค้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (เช่น อย., สมอ.) และมีกลไกลบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน
- ประกาศฉบับที่สาม กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับบริการเรียกรถ (Ride Sharing) โดยผู้ขับต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ, มีการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์, แสดงข้อมูลค่าโดยสารและเส้นทางชัดเจน และมีระบบร้องเรียนเหตุฉุกเฉิน
- ประกาศฉบับที่สี่ กำหนดให้แพลตฟอร์ม Ride Sharing ที่มีผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ต้องมีระบบประเมินและจัดการความเสี่ยงด้านความมั่นคงและผลกระทบต่อสาธารณูปโภค
- วัตถุประสงค์หลักของกฎหมาย DPS คือเพื่อสร้างกลไกกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพ, สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค, และสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมกับการคุ้มครองผู้ใช้งาน โดยเน้นที่แพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยงสูงและมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก
สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ประกาศใช้กฎหมายลูก 4 ฉบับใหม่ภายใต้กรอบของพระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 หรือ กฎหมาย “DPS” (Digital Platform Services) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทย โดยเน้นกลุ่มแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับตลาดสินค้าออนไลน์ (Online Marketplace) และบริการรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน (Ride Sharing) ที่มีลักษณะเสี่ยงสูงและส่งผลกระทบต่อสาธารณะ
ประกาศฉบับแรก เป็นการเผยแพร่รายชื่อ 19 แพลตฟอร์มตลาดสินค้าออนไลน์ที่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตามมาตรา 20 ของกฎหมาย DPS เนื่องจากมีธุรกรรมเกิน 100 ล้านบาทต่อปี หรือมีจำนวนผู้ใช้บริการและผู้ประกอบการภายในประเทศสูงเกินเกณฑ์กำหนด แพลตฟอร์มเหล่านี้ เช่น Shopee, Lazada, Grab, Taobao, SCGHome, eBay และอื่น ๆ จะต้องมีมาตรการประเมินและจัดการความเสี่ยง รวมถึงจัดเก็บข้อมูลของผู้ขาย ตรวจสอบความถูกต้องของสินค้า และมีระบบแจ้งเตือนเพื่อนำสินค้าที่ไม่ปลอดภัยออกจากแพลตฟอร์ม พร้อมแสดงข้อมูลสินค้าและผู้ขายให้ชัดเจน
ประกาศฉบับที่สอง กำหนดรายละเอียดข้อปฏิบัติเพิ่มเติมสำหรับแพลตฟอร์มประเภท Online Marketplace ที่มีลักษณะเฉพาะตามมาตรา 18(2) เช่น ต้องเปิดเผยข้อมูลสินค้าและผู้ขายอย่างโปร่งใส ตรวจสอบใบอนุญาตและเอกสารรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. หรือ สมอ. รวมถึงจัดให้มีกลไกในการแจ้งเตือนและลบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน และรายงานผลการดำเนินงานให้หน่วยงานที่กำกับดูแลรับทราบ โดยหากฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกระงับการให้บริการ
สำหรับแพลตฟอร์มที่ให้บริการ รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน (Ride Sharing) นั้น ETDA ได้ออกประกาศฉบับที่สาม เพื่อกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ เช่น ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถสาธารณะ รถต้องจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ต้องมีการพิสูจน์ยืนยันตัวตนผู้ขับผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ThaID ของกรมการปกครอง มีข้อมูลระบุตัวผู้ขับ รถ และเส้นทางการเดินทางชัดเจนก่อนรับผู้โดยสาร พร้อมทั้งแสดงข้อมูลอัตราค่าโดยสาร ระยะทาง เวลาการเดินทาง และต้องมีระบบร้องเรียนหรือแจ้งเหตุฉุกเฉินได้ตลอดเวลา
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มต้องมีกลไกในการติดตาม ป้องกัน และลงโทษผู้ขับที่กระทำผิดกฎ รวมถึงกำหนดเงื่อนไขการให้บริการที่ชัดเจน เช่น ไม่ให้ใช้บัญชีผู้ขับร่วมกัน และต้องสามารถติดตามตรวจสอบพฤติกรรมการให้บริการได้ เพื่อให้บริการเป็นไปตามหลักความปลอดภัยและความเป็นธรรมต่อผู้ใช้
ประกาศฉบับสุดท้าย เป็นการระบุให้แพลตฟอร์ม Ride Sharing ที่มีผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การคมนาคม พลังงาน การสื่อสาร โทรคมนาคม หรือสิ่งแวดล้อม ต้องปฏิบัติตามมาตรา 21 ของกฎหมาย DPS โดยต้องมีระบบประเมินความเสี่ยงและมาตรการจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคง สุขภาพอนามัย และผลกระทบต่อสาธารณูปโภคของประเทศ
นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ ETDA กล่าวว่า การออกประกาศทั้ง 4 ฉบับภายใต้กฎหมาย DPS ครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างกลไกกำกับดูแลธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและผู้ใช้งาน พร้อมปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะในกลุ่มแพลตฟอร์มที่มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของประชาชนจำนวนมาก
ทั้งนี้ ETDA จะมีการทบทวนรายชื่อแพลตฟอร์มที่เข้าข่ายต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างสม่ำเสมอในทุกปี ตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้สามารถเพิ่ม-ลด หรือปรับเปลี่ยนรายชื่อให้สอดคล้องกับบริบทและพฤติกรรมของแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง
“เป้าหมายหลักของ ETDA คือการสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมนวัตกรรมกับการคุ้มครองผู้บริโภค ไม่ปล่อยให้แพลตฟอร์มเติบโตโดยไร้การควบคุม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ปิดกั้นโอกาสของผู้ประกอบการ โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกฝ่าย” นายชัยชนะ กล่าว
ด้วยประกาศทั้ง 4 ฉบับนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการวางรากฐานระบบการกำกับดูแลแพลตฟอร์มดิจิทัลในประเทศไทย ที่มุ่งสู่ความปลอดภัย ความโปร่งใส และประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง







