‘เอคเซนเชอร์’ ชี้ธนาคารเพียง 10% ที่พร้อมก้าวสู่ยุค AI

‘เอคเซนเชอร์’ ชี้ธนาคารเพียง 10% ที่พร้อมก้าวสู่ยุค AI

การมอง AI เพียงแค่เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพนั้นไม่พออีกต่อไป หัวใจของการ “รีอินเวนต์” หรือพลิกโฉมธุรกิจการเงินสมัยใหม่ ไม่ต้องรอให้พร้อมถึง 100% จึงจะเริ่มเดิน

KEY

POINTS

  • แม้ธนาคารในเอเชียแปซิฟิกจะลงทุนด้าน AI มากขึ้น แต่มีเพียง 10% เท่านั้นที่พร้อมสำหรับการนำเทคโนโลยีมาใช้พลิกโฉมธุรกิจอย่างแท้จริง
  • ธนาคารกลุ่มผู้นำที่ใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์ สามารถเพิ่มผลิตภาพได้ถึง 30% และสร้างการเติบโตของรายได้และผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • ความท้าทายสำคัญที่ทำให้ธนาคารส่วนใหญ่ยังตามหลัง คือปัญหาโครงสร้างพื้นฐานเดิมที่ซับซ้อน และการมอง AI เป็นเพียงเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพแทนที่จะเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโต
  • ธนาคารต้องกล้าตัดสินใจลงทุนใน AI อย่างมีกลยุทธ์ โดยเน้นที่การสร้างรากฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งและพัฒนาบุคลากร เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในยุค AI

แม้ธนาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเริ่มลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) กันมากขึ้น แต่รายงานล่าสุดจาก “เอคเซนเชอร์” กลับเผยความจริงที่น่าตกใจว่า มีเพียง 10% เท่านั้นที่ “พร้อม” สำหรับการพลิกโฉมธุรกิจด้วย AI อย่างแท้จริง

รายงาน “The Front Runner’s Guide to Scaling AI” โดย เอคเซนเชอร์ (Accenture) พบว่า ธนาคารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการใช้ AI

โดยมีเพียง 10% ที่อยู่ในกลุ่ม “Fast Followers” และ “Front Runners” ซึ่งสามารถลงทุนอย่างเป็นระบบ ขยายการใช้งาน AI ได้ในหลายกระบวนการธุรกิจ และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างมีนัยสำคัญ

กลยุทธ์ดี = เพิ่มผลิตภาพ 30%

เอคเซนเชอร์ประเมินว่า ธนาคารที่สามารถ “สเกล” AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถเพิ่มผลิตภาพได้สูงถึง 30%, รายได้เติบโตขึ้น 600 bps (basis points) และผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) สูงขึ้นถึง 300 bps ภายในระยะเวลา 3 ปี

การสำรวจพบว่า เคล็ดลับของธนาคารกลุ่มผู้นำคือ การ “วางเดิมพันเชิงกลยุทธ์” หรือ “Strategic Bets” โดยเน้นการลงทุนในกระบวนการหลักของธุรกิจธนาคาร เช่น การจัดการการฉ้อโกง (Fraud Management) ระบบบัตรและการชำระเงิน (Cards and Payments)

รวมถึง การบริหารการลงทุนและให้คำปรึกษา (Investment Management & Advisory), การรู้จักลูกค้า (Know Your Customer) และการอนุมัติและประมวลผลคำขอสินเชื่อ (Application Processing and Fulfillment)

นอกจากนี้ มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI Agents, Digital Twin, และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ควบคู่กับการลงทุนในโครงสร้างข้อมูล (Data Foundation) การพัฒนาบุคลากร และการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม

ธนาคารไทย ต้องเร่งเครื่อง

พอล อึ้ง หัวหน้าสายงานบริการการเงิน ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอคเซนเชอร์ กล่าวว่า ขณะนี้กว่า 94% ของซีอีโอในแวดวงธนาคารทั่วโลกให้ความสำคัญกับ AI มากขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่หลายแห่งเริ่มขยับจากขั้นทดลองไปสู่การใช้ AI เป็นแกนกลางของกลยุทธ์ธุรกิจ

อย่างไรก็ดี การมอง AI เพียงแค่เป็น “เครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ” นั้นไม่พออีกต่อไป แต่ต้องเปลี่ยนเป็น “คันเร่งการเติบโต” (Strategic Growth Lever) ด้วยการปฏิรูปแกนกลางเทคโนโลยี (Digital Core) พัฒนาทักษะบุคลากร และปรับใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบในทุกระดับองค์กร

ส่วนของความท้าทายที่ต้องก้าวข้าม แม้หลายธนาคารจะตระหนักถึงศักยภาพของ AI แต่ปัญหาหลักยังคงเป็นเรื่อง “โครงสร้างพื้นฐานเดิม” ที่ซับซ้อน

นาวิน สุริ กรรมการผู้จัดการฝ่ายธนาคารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอคเซนเชอร์ มีมุมมองว่า ธนาคารเข้าใจดีว่ารากฐานข้อมูลที่แข็งแกร่งและแกนเทคโนโลยีที่คล่องตัวนั้นมีความสำคัญต่อความสำเร็จ แต่ความซับซ้อนและความสำคัญของโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ทำให้การปรับปรุงให้ทันสมัยเป็นงานที่น่ากลัว

ต้องยอมรับว่าการปรับเปลี่ยนระบบหลักอาจใช้เวลานาน แต่เทคโนโลยีอย่าง Digital Twin จะช่วยให้ธนาคารสามารถสร้างบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้ทันที โดยไม่ต้องรอให้การเปลี่ยนแปลงแกนหลักทั้งหมดเสร็จสิ้น

วิเวก ลูธรา กรรมการผู้จัดการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เอคเซนเชอร์ กล่าวว่า เมื่อพูดถึงปัญญาประดิษฐ์แล้วไม่ใช่เรื่องของการตัดสินใจว่าควรลงทุนหรือไม่และเมื่อใดอีกต่อไป แต่ธนาคารจำเป็นต้องโฟกัสที่วิธีการและสถานที่ในการลงทุน

ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีข้อจำกัดด้านเงินทุน นับเป็นการวางเดิมพันเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่ที่สร้างผลกระทบสูงสุด โดยการให้ความสำคัญกับการลงทุนในพื้นที่ของห่วงโซ่คุณค่าที่มีความสำคัญที่สุด ทำให้องค์กรต่างๆประสบความสำเร็จได้มากขึ้น ด้วยต้นทุนที่น้อยลง และยังคงสามารถลงทุนเพื่อสร้างการเติบโตได้ต่อไป

โอกาสที่มีไว้สำหรับ ‘ผู้กล้า

มาซาชิ นาคาโนะ กรรมการผู้จัดการอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายบริการทางการเงิน เอคเซนเชอร์ ให้ความเห็นว่า เมื่อเทคโนโลยี คน และความไว้วางใจ เดินมาถึงจุดที่สอดคล้องกันได้ ธนาคารที่กล้าเปลี่ยนแปลงและตัดสินใจอย่างรวดเร็วจะสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และกลายเป็นผู้นำในเกม AI ได้อย่างแท้จริง

ซีอีโอที่จัดการความสอดคล้องนี้ได้สำเร็จจะสามารถขับเคลื่อนองค์กรของตนให้ก้าวไปข้างหน้า โดยใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นและสร้างความสำเร็จในภูมิทัศน์ของ AI

ในทิศทางเดียวกัน นิโคล โบดัก กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายธนาคารและตลาดทุน เอคเซนเชอร์ เสริมว่า ปีที่ผ่านมารายได้ที่ไม่ใช่จากดอกเบี้ยมีบทบาทสำคัญต่อกำไรของธนาคาร และ AI ก็เริ่มแสดงศักยภาพในการสร้างมูลค่า แต่ยังมีอีกมากที่สามารถทำได้ หากธนาคารพร้อมจะลงทุนอย่างจริงจัง

ขณะที่ธนาคารยังคงเผชิญกับแรงกดดันที่เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ความเสี่ยงด้านสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และความไม่แน่นอนระดับโลก พวกเขาจำเป็นต้องสำรวจทุกช่องทางในการเติบโต โดยมี AI เป็นตัวช่วย จากการวิจัยของเราพบว่ายังมีงานอีกมากที่พวกเขาต้องไปต่อ

เอคเซนเชอร์ ระบุว่า AI ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่คือหัวใจของการ “รีอินเวนต์” หรือพลิกโฉมธุรกิจการเงินสมัยใหม่ ซึ่งธนาคารในเอเชียแปซิฟิกต้องไม่รอให้พร้อมถึง 100% จึงจะเริ่มเดิน แต่ต้อง “เริ่มให้เร็ว – เรียนรู้ให้ไว – และปรับใช้ให้จริง”

ผู้ชนะในยุค AI คือธนาคารที่กล้าตัดสินใจอย่างมีกลยุทธ์ พร้อมสร้างรากฐานข้อมูลที่มั่นคง ปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร และนำ AI ไปสร้างคุณค่าทางธุรกิจอย่างแท้จริง

รายงานฉบับนี้อ้างอิงจากการสำรวจผู้บริหารระดับ C-suite และผู้เชี่ยวชาญด้านดาต้าและ AI จำนวนกว่า 2,000 คนใน 15 ประเทศ ครอบคลุม 10 อุตสาหกรรม รวมถึงธนาคาร 93 แห่งในเอเชียแปซิฟิก