สภาผู้บริโภคค้าน กสทช. รับรองผลประมูลคลื่น ชี้เสี่ยงผูกขาด-ผู้บริโภคเสียประโยชน์

สภาผู้บริโภค ส่งหนังสือจี้บอร์ดกสทช. ขอคัดค้านรับรองผลประมูลคลื่นความถี่หลัง 'เอไอเอส-ทรู' ซิวคลื่นไป 3 ความถี่ กังวลแข่งขันไม่เป็นธรรม-ผู้บริโภคเสียประโยชน์
เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 สภาองค์กรของผู้บริโภค (สภาผู้บริโภค) ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) โดยมีขอคัดค้านการรับรองผลการประมูลคลื่นความถี่โทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลที่จัดขึ้นเมื่อ 29 มิถุนายน 2568
โดยเห็นว่าการประมูลครั้งนี้ขาดความเป็นธรรมและไม่คุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภค รวมถึงอาจเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมในตลาด
สภาผู้บริโภคชี้ว่า ราคาขั้นต่ำของคลื่น 2100 MHz ที่กำหนดในร่างประกาศ กสทช. รอบรับฟังความคิดเห็นเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ลดลงราว 30% จากราคาประเมินเดิม ขณะที่ราคาขั้นต่ำของคลื่น 2300 MHz ในประกาศ กสทช. ที่ประกาศเมื่อ 28 เมษายน 2568 ก็ไม่เคยนำมาเปิดรับฟังความคิดเห็นรอบสอง ขาดความโปร่งใสและโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม
ขณะเดียวกันเงื่อนไขการขยายโครงข่ายครอบคลุม 90% ของประชากรแต่ละตำบลภายใน 5 ปี กลับเพิ่มภาระจนผู้ประกอบการรายใหม่ยากจะเข้าร่วมได้
ประกาศยังไม่กำหนดให้การขยายโครงข่ายต้องแยกรายคลื่น ส่งผลให้ผู้ชนะการประมูลสามารถถัวเฉลี่ยการใช้คลื่นความถี่เพื่อให้บรรลุเงื่อนไข ครอบคลุม ซึ่งเปิดช่องให้เกิดการกักตุนคลื่นโดยไม่นำมาใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
สภาผู้บริโภคจึงขอให้ กสทช. ชะลอการรับรองผลการประมูลครั้งนี้ ทบทวนหลักเกณฑ์การกำหนดราคาขั้นต่ำและเงื่อนไขการอนุญาตให้ใช้คลื่น รวมถึงจัดทำมาตรการเยียวยาผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการสิ้นสุดสัมปทานของ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (เอ็นที) เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและประชาชนได้รับบริการที่มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม และตอบโจทย์ประโยชน์สาธารณะตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ข้อเสนอของสภาผู้บริโภคคือ กสทช. ควรทบทวนกลไกราคาให้สะท้อนต้นทุนจริงของอุตสาหกรรม ลดความเสี่ยงการผูกขาด และจัดให้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นรอบใหม่อย่างรอบด้านเพื่อให้ทุกเสียงมีโอกาสสะท้อนความเห็น
นอกจากนี้ ยังเสนอให้กำหนดเงื่อนไขโครงข่ายแยกรายคลื่น เพื่อป้องกันการกักตุนและใช้คลื่นความถี่อย่างไม่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งวางมาตรการดูแลผู้บริโภคช่วงเปลี่ยนผ่านสัญญาสัมปทานเอ็นทีให้ชัดเจน โปร่งใส และไม่เพิ่มภาระโดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคย้ำว่า คลื่นความถี่เป็นสมบัติของชาติที่ต้องใช้เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ไม่ควรกลายเป็นเครื่องมือสร้างความได้เปรียบให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย







