ปฎิวัติกฎหมายไทย! 'สคก.' ผนึกไมโครซอฟท์ นำ AI ปั้นรัฐบาลดิจิทัล

ยกระดับกฎหมายไทยสู่ยุค AI สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (OCS) จับมือ Microsoft ปฏิวัติระบบกฎหมายกว่า 70,000 ฉบับ ด้วย TH2OECD และ Copilot สู่รัฐบาลดิจิทัล
KEY
POINTS
- สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (OCS) ร่วมมือกับ Microsoft เพื่อนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ปฏิวัติระบบกฎหมายไทยกว่า 70,000 ฉบับ ให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- หัวใจสำคัญคือระบบ TH2OECD ซึ่งเป็นโซลูชัน AI ที่ช่วยวิเคราะห์และเปรียบเทียบกฎหมายไทยกับข้อกำหนด OECD ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อสนับสนุนการที่ประเทศไทยจะเข้าเป็นสมาชิก OECD
- ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างยั่งยืน โดยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและส่งเสริมการเข้าถึงข้อมูลกฎหมายของประชาชน
ในยุคที่ระบบกฎหมายกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (OCS) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ สคก. กำลังก้าวเข้าสู่การปฏิวัติดิจิทัลครั้งสำคัญ ด้วยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ Microsoft เพื่อนำ AI มาใช้ยกระดับระบบกฎหมายไทยให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และเข้าถึงได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
ภายใต้ร่มเงาของระบบกฎหมายที่ซับซ้อนและท้าทายนี้ ประชาชนและภาคธุรกิจต่างเรียกร้องความชัดเจน ความรวดเร็ว และความเป็นธรรม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล การนำ AI เข้ามาพลิกโฉมกระบวนการทางกฎหมายจึงไม่ใช่แค่การปรับปรุงประสิทธิภาพภายในหน่วยงานภาครัฐ แต่เป็นการลงทุนในอนาคตของชาติ เพื่อให้มั่นใจว่าประเทศไทยพร้อมสำหรับการแข่งขันในเวทีโลก และตอบสนองความต้องการของยุคสมัยได้อย่างแท้จริง
ความท้าทายในเขาวงกตกฎหมายไทย
ประเทศไทยมีกฎหมายมากกว่า 70,000 ฉบับ ครอบคลุมตั้งแต่พระราชบัญญัติ กฎกระทรวง ไปจนถึงประกาศและแนวปฏิบัติ ทำให้เกิดความซับซ้อนทั้งในเชิงโครงสร้างและเนื้อหา กฎหมายเหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง และต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมถึงมาตรฐานสากล ที่ผ่านมา การเข้าถึงข้อมูลกฎหมายเป็นไปอย่างจำกัด โดยอาศัยเอกสารฉบับพิมพ์และความรู้ภายในองค์กรเป็นหลัก แม้จะมีการพัฒนาฐานข้อมูลกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2537 แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดด้านการสืบค้น การจัดโครงสร้าง และการเข้าถึง
'TH2OECD' สะพานเชื่อมกฎหมายไทยสู่สากลด้วย AI
หัวใจสำคัญของการปฏิรูปครั้งนี้คือระบบ "TH2OECD" ซึ่งเป็นโซลูชันที่ OCS พัฒนาร่วมกับ STelligence บนแพลตฟอร์ม Microsoft Azure OpenAI ระบบนี้มีความสามารถโดดเด่นในการวิเคราะห์และเปรียบเทียบกฎหมายไทยกว่า 70,000 ฉบับ เข้ากับข้อกำหนดขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) กว่า 270 ฉบับ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำแบบเรียลไทม์
TH2OECD ใช้เทคโนโลยีประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) และรองรับการทำงานข้ามภาษาทั้งไทยและอังกฤษด้วยการแปลอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่ประเมินความสอดคล้องของกฎหมายไทยกับมาตรฐานสากลได้อย่างแม่นยำ ลดอุปสรรคด้านภาษา และเร่งกระบวนการเปรียบเทียบกฎหมายที่ปกติใช้เวลาหลายปีให้สำเร็จได้ในเวลาอันสั้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
'การบริการประชาชน' หัวใจการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล
วิสัยทัศน์ของ OCS ไม่ใช่แค่การนำเทคโนโลยีมาใช้ แต่เป็นการนำเทคโนโลยีมาให้บริการประชาชนได้ดียิ่งขึ้น การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลนี้จะช่วยปรับปรุงการยกร่าง การปรับปรุง และการเข้าถึงกฎหมาย รวมถึงลดความซับซ้อนในการเปรียบเทียบกฎหมาย และบริหารจัดการเอกสารกฎหมายจำนวนมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป้าหมายสูงสุดคือการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นสมาชิก OECD ด้วยการปรับปรุงกฎหมายไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและข้อกำหนดของ OECD ซึ่งจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ในด้านการค้า การลงทุน และความร่วมมือระดับโลก
ระบบทั้งหมดดำเนินการบน Microsoft Azure ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ปลอดภัย ทำให้ OCS เปลี่ยนการเก็บข้อมูลกฎหมายจากไฟล์ PDF ที่สืบค้นไม่ได้ ไปสู่รูปแบบที่มีโครงสร้างและค้นหาได้ทันที นอกจากนี้ Microsoft 365 และ Copilot ยังเข้ามาสนับสนุนการทำงานร่วมกันของทีมงาน และการวิเคราะห์เชิงนโยบายจากทุกที่
เส้นทางสู่รัฐบาลดิจิทัลที่ยั่งยืน
การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง OCS, สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลค.) และ Microsoft ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลและแพลตฟอร์มข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการภาครัฐ ความร่วมมือนี้ครอบคลุมหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎหมายระดับแม่บทและรอง, การพัฒนาศักยภาพบุคลากรในการนำ AI มาใช้งาน, การออกแบบนโยบายและแนวปฏิบัติเกี่ยวกับธรรมาภิบาลและจริยธรรม AI และการส่งเสริมให้หน่วยงานรัฐอื่นนำ AI มาใช้ประโยชน์
นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนจัดตั้งศูนย์การใช้ AI ของภาครัฐในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเป็นแพลตฟอร์มกลางในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับการยกระดับภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล และการพัฒนานโยบายด้าน AI OCS ยังตั้งเป้าหมายที่จะเป็นต้นแบบในการพัฒนาระบบการแปลภาษาและฐานข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายให้กับประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการอีกด้วย
ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรและบุคลากรเท่านั้น แต่ยังเป็นการผลักดันประเทศไทยไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลโดยรวม การปฏิวัติระบบกฎหมายด้วย AI ของ OCS จึงเป็นก้าวสำคัญที่น่าจับตา และจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการพลิกโฉมการบริหารจัดการภาครัฐให้ทันสมัยและตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง







