‘เอปสัน’ เปิดเกมรุกไอทีครึ่งปีหลัง ลุ้นการเมืองนิ่ง-รัฐใช้จ่าย พยุงดีมานด์

“เอปสัน” ย้ำภาพผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์ในไทยตลาด พาเหรดผลิตภัณฑ์ใหม่ครอบคลุมทั้งเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทพร้อมด้วยโปรเจคเตอร์ลุยตลาดครึ่งปีหลัง มองสถานการณ์น่ากังวลแต่หากการเมืองนิ่ง ภาครัฐใช้จ่าย โอกาสเติบโตต่อยังคงมี
KEY
POINTS
- ครึ่งปีหลังสถานการณ์ตลาดไอทียังน่ากังวล มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ผู้ประกอบการต้องระมัดระวัง
-
เอปสันมุ่งเจาะตลาดเครื่องพิมพ์ระดับกลางถึงบนซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
-
ล่าสุดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทรวม 7 รุ่น พร้อมด้วยโปรเจคเตอร์เพื่อธุรกิจและโปรเจคเตอร์เลเซอร์อีก 15 รุ่น
-
กลยุทธ์มุ่งนำเสนอนวัตกรรมที่ทรงประสิทธิภาพ คุ้มค่าในการลงทุน ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
-
การเปิดตัวสินค้าใหม่ย้ำความสำเร็จในฐานะแบรนด์อันดับ 1 ทั้งในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์และโปรเจคเตอร์
ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน แรงกระเพื่อมจากการเมืองภายในประเทศ ภาคธุรกิจต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวัง เช่นเดียวกับ “ตลาดไอที” ที่ยัง “ฝืด” ต้องเผชิญแรงกดดันจากกำลังซื้อที่อ่อนแรง ต้นทุนซัพพลายที่ไม่นิ่ง ขณะเดียวกันพฤติกรรมผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว...
ยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการ บริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ครึ่งปีหลังสถานการณ์กำลังซื้อตลาดไอทีประเทศไทยยังคงมีความไม่แน่นอน จากทั้งปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจ
นับว่าสถานการณ์น่ากังวล มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง จากทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในประเทศ เศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก นโยบายภาษีทรัมป์ ราคาซัพพลายที่ไม่นิ่ง รวมถึงการเมืองที่ไม่แน่นอน
ส่วนตลาดต่างประเทศ การค้าชายแดนกัมพูชาระยะสั้นทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าข้ามชายแดนไปได้แต่ได้เตรียมช่องทางการขนส่งทางเลือกไว้โดยจะส่งผ่านไปทางสิงคโปร์แทน
โดยรวมยังไม่ได้มองเรื่องการปิดชายแดนเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลกระทบต่อรายได้ ที่จะกระทบได้มากที่สุดคือภาพรวมเศรษฐกิจของไทยมากกว่า
ลุ้น ‘รัฐใช้จ่าย - การเมืองนิ่ง’
ดังนั้นทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังผู้ประกอบการต้องบริหารจัดการ วางตำแหน่งธุรกิจและทำตลาดด้วยความระมัดระวัง พยายามปรับตัว วิเคราะห์สถานการณ์เพื่อกระจายพอร์ตและมองหาแนวทางการทำตลาดที่จะทำให้องค์กรเติบโตได้
โดยรวมเอปสันยังคงเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ 6% เท่าเดิม ทว่าอาจมีการปรับพอร์ตการเติบโตไปยังกลุ่มที่มีโอกาสสูง โดยเฉพาะกลุ่มบีทูบี รวมถึงเครื่องพิมพ์สำหรับสิ่งทอมากขึ้น ส่วนธุรกิจเครื่องพิมพ์ยังคงทรงๆ คาดว่ายังสามารถทำได้ตามเป้า ขณะที่โปรเจคเตอร์อาจลดลงกว่าที่คาดการณ์เพราะมีการชะลอการลงทุน
เชื่อว่าหากการเมืองนิ่งมากขึ้น มีการลงทุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง จะสามารถเดินหน้าต่อและได้เห็นทิศทางการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิม รวมถึงกำลังซื้อผู้บริโภคที่อยู่ในวงวจรด้วย
เอปสันระบุว่า ช่วง 10 ปีที่ผ่านมาตลาดเครื่องพิมพ์เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน โดยเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์เติบโตต่อเนื่องจนมีส่วนแบ่งถึง 57% ของตลาดรวม และสูงถึง 80% ในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่มองหาโซลูชันที่ประหยัด คุ้มค่า ใช้งานง่าย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
จากผลวิจัยตลาดยังพบด้วยว่าเอสเอ็มอีมากกว่า 72% ให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุน ทำให้ “Epson EcoTank” กลายเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว
มุ่งโฟกัสตลาด ‘กลาง - บน’
ปีนี้เอปสันมุ่งเจาะตลาดเครื่องพิมพ์ระดับกลางถึงบนซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจนมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 15% ในไตรมาสแรกของปี 2568
ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้กำลังเข้ามาแทนที่เครื่องพิมพ์เลเซอร์ ด้วยฟังก์ชันที่ครบ สีสวย และต้นทุนการใช้งานที่ต่ำ ขณะที่เครื่องพิมพ์กลุ่ม กลางถึงบนยังสร้างรายได้ให้เอปสันมากกว่ากลุ่มเริ่มต้น (Entry) ถึง 2 เท่า เพราะกลุ่มลูกค้าหลักอย่างเอสเอ็มอีมีปริมาณการพิมพ์สูง และต้องเปลี่ยนชุดหมึกบ่อยกว่าผู้ใช้ทั่วไป เอปสันได้ตั้งเป้ายอดขายเครื่องพิมพ์กลุ่มนี้ในปีนี้ไว้ราว 35% ของตลาด
โดยมุ่งเน้นการขยายสู่ตลาดที่มีมูลค่าสูงและศักยภาพในการเติบโตระยะยาว ทั้งในภาคธุรกิจ การศึกษา และองค์กรยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน
การเปิดตัวสินค้าใหม่ในวันนี้ช่วยตอกย้ำความสำเร็จของเอปสันในฐานะแบรนด์อันดับ 1 ของโลก ทั้งในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ที่ครองแชมป์ยอดขายต่อเนื่อง 15 ปี มียอดขายรวมทั่วโลกทะลุ 100 ล้านเครื่อง และโปรเจคเตอร์ที่ขายดีที่สุดตั้งแต่ปี 2544 ถึง 2567
ชู ‘3 กลยุทธ์’ รักษาตำแหน่งผู้นำ
สำหรับประเทศไทย เอปสันยังคงเป็นผู้นำในกลุ่มเครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ด้วยส่วนแบ่งสูงสุด 47% และโปรเจคเตอร์ที่ 51% สะท้อนความเชื่อมั่นจากทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและภาคธุรกิจ
เพื่อรักษาความเป็นผู้นำเอปสันจึงเดินหน้าด้วย 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ ขยายตลาดเครื่องพิมพ์ Epson EcoTank กลุ่ม Mid-High เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่มากยิ่งขึ้น, กระตุ้นให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการใช้เครื่องพิมพ์เลเซอร์ มาใช้เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทที่ประหยัดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า ผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ Epson WorkForce
พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในตลาดโปรเจคเตอร์ธุรกิจ โดยเน้นกลุ่มความสว่างสูงที่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือห้องที่มีแสงจ้า
เอปสันยืนยันว่า ยังคงเดินนำหน้าตลาดอยู่เสมอไม่เคยหยุดเรียนรู้และติดตามเทรนด์ตลาดอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านพฤติกรรม ความนิยม และความคาดหวังของลูกค้าองค์กรในหลากหลายอุตสาหกรรม
ที่ผ่านมาจึงสามารถพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างตรงจุดเพื่อธุรกิจขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ หรือสถาบันการศึกษาจนทำให้เอปสันสามารถรักษาตำแหน่งแบรนด์เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ทและโปรเจคเตอร์อันดับหนึ่งทั้งในระดับโลก ภูมิภาค และประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญเราไม่ได้มุ่งเพียงตอบโจทย์ในวันนี้เท่านั้น แต่ยังเดินหน้าอย่างมั่นคงเพื่อยกระดับมาตรฐานเทคโนโลยีขององค์กรในอนาคต โดยเฉพาะด้านโซลูชันเพื่อสำนักงานยุคใหม่ที่ยืดหยุ่น ประหยัดพลังงาน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม







