'ดีอี'เตรียมเผยร่างกฎหมาย AI ฉบับแรก ชี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ

'ดีอี'เตรียมเผยร่างกฎหมาย AI ฉบับแรก ชี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ

ดีอี เตรียมเปิดตัวร่างกฎหมาย AI ฉบับแรกของไทยในงาน AI 2025 เผย ไม่ใช่กำแพง แต่เป็นเครื่องมือหนุนนวัตกรรม ยกเคส AI จับเว็บผิดกฎหมาย ปิดได้เร็วขึ้น 7 เท่า

นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของ “(ร่าง) หลักการของกฎหมายว่าด้วยปัญญาประดิษฐ์” ฉบับแรกของประเทศ ว่า ขณะนี้ได้ปิดรับฟังความคิดเห็นไปแล้ว เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2568 ที่ผ่านมา มีการเปิดเผยแนวทางอย่างเป็นทางการภายในงานในเวทีนานาชาติ The 3rd UNESCO Global Forum on the Ethics of AI 2025 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนมิ.ย.นี้ ก่อนเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)

สำหรับเนื้อหาสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้เน้นไปที่การกำหนดมาตรฐานด้านความปลอดภัยของระบบปัญญาประดิษฐ์ AI การจัดการข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนา และการแบ่งระดับความเสี่ยงของระบบ AI โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล

ดังนั้น การออกกฎหมาย ไม่ได้ตั้งใจทำให้กฎหมายนี้เป็นกำแพง แต่ต้องการให้คนไทยทำงานด้าน AI ได้มากขึ้น ไม่ใช่ถูกบีบออกจากระบบ กฎหมายนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างการคุ้มครองข้อมูลและการส่งเสริมนวัตกรรม ไม่ได้เป็นการออกกฎหมายเพื่อปิดกั้นการลงทุน 

อย่างไรก็ตาม ในระยะเริ่มต้น รัฐได้เริ่มใช้ ระบบ AI ในกระทรวงดีอี พบว่าประสิทธิภาพของการใช้ AI ช่วยตรวจจับและจัดการเว็บไซต์ผิดกฎหมายดีขึ้นอย่างชัดเจน จากเดิมที่ใช้เจ้าหน้าที่ปิดเว็บได้ราว 3,000 เว็บต่อสัปดาห์ ปัจจุบันสามารถปิดได้ระดับ 3,000 เว็บต่อวัน ลดระยะเวลาการใช้คนได้ถึง 7 เท่า ซึ่งสะท้อนศักยภาพของเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบราชการไทย

"AI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่การจะเดินหน้าให้ปลอดภัย ต้องมีมาตรฐานกลาง และต้องไม่ให้ต้นทุนทางกฎหมายกลายเป็นอุปสรรคต่อการเติบโต" 

ก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี เปิดเผยถึงความพร้อมประเทศไทยในการเป็นผู้นำด้าน จริยธรรม AI ของภูมิภาค ในหลายด้าน ทั้งแผนปฏิบัติการด้าน AI แห่งชาติ (พ.ศ. 2565–2570) ส่งเสริมการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมในบริบทของประเทศไทยภายใต้กรอบ “Ethics, Legal, and Social Implications (ELSI)” ที่ไทยเป็นประเทศแรก ๆ ในภูมิภาคที่นำกรอบนี้มาใช้ในระดับยุทธศาสตร์ ซึ่งมีนโยบายการขับเคลื่อนเน้น 3 แกนสำคัญ ทั้งการสร้างความพร้อม (Readiness) การส่งเสริมการนำ AI ไปใช้ (Adoption) และการวางรากฐานกำกับดูแล AI อย่างมีธรรมาภิบาล (AI Governance) รวมไปถึงการมีศูนย์ธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ (AI Governance Center: AIGC) ภายใต้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) 

การเป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญของประเทศไทยในการประกาศวิสัยทัศน์และแสดงบทบาทนำในเวทีภูมิภาคและระดับโลกด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล AI ผ่านการผลักดันความร่วมมือเชิงนโยบายจากเวทีสากลสู่ระดับปฏิบัติการพร้อมตอกย้ำภาพลักษณ์ประเทศในฐานะศูนย์กลางเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความพร้อมครอบคลุมทั้งด้านนโยบาย วัฒนธรรม และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล

โดยในเวทีนี้ ประเทศไทยจะเน้นนำเสนอ 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

  1. AI Governance Practice Center (AIGPC): การขับเคลื่อนศูนย์กลางพัฒนาศักยภาพด้านการกำกับดูแล AI แห่งแรกของอาเซียน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือเชิงนโยบายในระดับภูมิภาค
  2. Monitoring Dashboard of Thailand: เครื่องมือโมเดลต้นแบบด้านจริยธรรม AI สนับสนุนการกำกับดูแลที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล
  3. ผลการประเมินความพร้อมด้าน AI ตามกรอบ UNESCO RAM: ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่เริ่มศึกษาและจะเปิดเผยผลการประเมินบนเวทีนี้