Apple Intelligence ผ่านปีแรก ‘ยังไม่ปัง’ เสี่ยงหลุดวงโคจรเกมเทคโนโลยี?

ขณะที่ Meta ขายแว่นตาเอไอไปแล้ว 2 ล้านชิ้น Google พัฒนาแว่นตาอัจฉริยะกับ Warby Parker ด้าน Apple กลับยังอยู่ในโหมดระมัดระวังใช้จ่าย R&D เพียง 2.4% ของรายได้ จับตางาน WWDC 2025 ‘ทิม คุก’ มีกลยุทธ์อะไรมาตอบโต้
ผ่านมา 1 ปีเต็มหลัง แอปเปิ้ล (Apple) ประกาศเปิดตัว “Apple Intelligence” ระบบเอไอของตัวเองในยุคที่ ChatGPT และเอไอรายอื่นๆ สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้วงการเทคโนโลยี แต่ถึงวันนี้แอปเปิ้ลยังไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในสนามนี้ได้เหมือนที่นักวิเคราะห์เคยคาดหวัง
งาน WWDC 2025 จัดขึ้นในคืนวันที่ 9 มิ.ย.68 เวลา 23:30 น. (ตามเวลาไทย) นักลงทุน และแฟนๆ ต่างจับตาว่า ทิม คุก (Tim Cook) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนปัจจุบันของบริษัทแอปเปิ้ล จะออกมาแถลงแผนเอไอของบริษัทอย่างไร เพราะที่ผ่านมาแอปเปิ้ลดูเหมือนยังไม่ปล่อยของเด็ดออกมาให้เห็นจริงจัง
สิ่งที่เป็นปัญหาของแอปเปิ้ล
ในช่วงปีที่ผ่านมา Apple Intelligence เปิดตัวฟีเจอร์เอไอหลายอย่าง เช่น การแก้ไขข้อความอัตโนมัติ, สิริ (Siri) ที่ปรับปรุงเสียงให้ดีขึ้น หรือการสร้างสไลด์โชว์จากรูปภาพ แต่ฟีเจอร์หลักที่คาดหวังสูงอย่าง “More personal Siri” ที่จะเชื่อมสิริเข้ากับแอปพลิเคชันต่างๆ และช่วยจองร้านอาหารหรือดึงข้อมูลส่วนตัว กลับถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ซามิก ชัทเทอร์จี (Samik Chatterjee) นักวิเคราะห์จากธนาคาร JPMorgan ชี้ว่า ความคาดหวังต่อ WWDC ในปีนี้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากแอปเปิ้ลยังไม่สามารถเปิดใช้งานฟีเจอร์ด้านเอไอที่เคยประกาศไว้เมื่อปีที่แล้วให้ใช้งานได้จริง อีกทั้งยังไม่มีสัญญาณชัดเจนว่าบริษัทจะสามารถเร่งพัฒนาเพื่อตามให้ทันคู่แข่งอย่าง Google, OpenAI หรือ Meta ที่เดินหน้าผลักดันเทคโนโลยีเอไออย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
นอกจากนี้ แอปเปิ้ลยังต้องเผชิญปัญหาข่าวลวงจากฟีเจอร์สรุปข่าวที่ถูกบีบให้ปิด หลังสำนักข่าวบีบีซีตรวจสอบพบข้อมูลผิดพลาด ส่งผลให้ภาพรวมเอไอของแอปเปิ้ลถูกมองว่า “ยังไม่พร้อม”
คู่แข่งเขาทำอะไร?
ขณะที่แอปเปิ้ลยังเดินหน้าอย่างระมัดระวัง บริษัทคู่แข่งในวงการเทคโนโลยีกลับทุ่มทุนอย่างไม่ยั้ง เช่น
- กูเกิลที่อัปเกรด Gemini โมเดลเอไอใหม่ที่ทำงานได้หลากหลายกว่าการสั่งงานด้วยเสียง และกำลังพัฒนาสมาร์ตกลาสเอไอร่วมกับ Warby Parker แบรนด์แว่นตาชื่อดัง พัฒนาแว่นตาอัจฉริยะรุ่นใหม่ที่ใช้เอไอ
- โอเพนเอไอที่เพิ่งเข้าซื้อกิจการสตาร์ตอัปด้านเอไอฮาร์ดแวร์ พร้อมดึงโจนี ไอฟ์ (Jony Ive) อดีตดีไซเนอร์ของแอปเปิ้ลมาช่วยพัฒนาฮาร์ดแวร์เอไอ
- เมตากับแว่นตาเอไอที่ขายไปแล้วกว่า 2 ล้านชิ้นในตลาด
การลงทุนของคู่แข่งเหล่านี้สูงลิบ โดย Meta, Amazon, Alphabet และ Microsoft วางแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเอไอรวมกันกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2568 นี้ ขณะที่แอปเปิ้ลใช้จ่ายด้านนี้เพียง 2.4% ของรายได้รวมเท่านั้น
สำรวจกลยุทธ์ของแอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลยังเลือกเดินทางของตัวเองที่เน้น “การทำเอไอบนอุปกรณ์” ด้วยชิปที่ออกแบบเอง เช่น Apple Silicon ที่มีจุดเด่นเรื่องประสิทธิภาพ และการจัดการพลังงาน
ทั้งนี้ การพัฒนาระบบเอไอขั้นสูงที่ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล ยังต้องพึ่งพา “การเช่าคลังเซิร์ฟเวอร์” จากกูเกิล คลาวด์ และผู้ให้บริการรายอื่น ซึ่งต่างจากคู่แข่งที่ลงทุนสร้างศูนย์ข้อมูลของตัวเอง
นักวิเคราะห์มองว่า แอปเปิ้ลอาจต้องเลือกทางลัดด้วยการเข้าซื้อกิจการเอไอที่มีศักยภาพ เช่น Anthropic หรือ Perplexity เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการแข่งขัน และเปลี่ยนเอไอให้เป็น “ฟีเจอร์เด็ด” ที่ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ
แอปเปิ้ลยังไม่หลุดจากเกม แต่เวลานั้นมีจำกัด
เอ็ดดี้ คิว (Eddy Cue) รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการของแอปเปิ้ล เคยเตือนในคดีฟ้องร้องว่า เอไออาจทำให้ “ภายใน 10 ปีข้างหน้า ผู้บริโภคอาจไม่ต้องใช้ iPhone อีกต่อไป” สะท้อนถึงความเสี่ยงที่แอปเปิ้ลต้องเผชิญ
ด้าน ยีน มุนสเตอร์ (Gene Munster) จากบริษัทจัดการสินทรัพย์ Deepwater มองว่า แอปเปิ้ลยังมีเวลาเพราะมีฐานผู้ใช้งานที่ภักดีอย่างมาก แต่ถ้าไม่เร่งสร้างสรรค์หรือปรับกลยุทธ์เอไอให้เร็วพอ iPhone อาจไม่ใช่ศูนย์กลางของโลกเทคโนโลยีเหมือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานผู้ใช้กว่า 1 พันล้านเครื่อง และเงินสดในมือกว่า 1.3 แสนล้านดอลลาร์ แอปเปิ้ลยังมีเวลาปรับตัว และโอกาสที่จะพลิกเกมได้อยู่ แต่ถ้าจะปล่อยให้คู่แข่งวิ่งนำไปไกลเกินไป โดยเฉพาะในยุคที่เอไอคือ “ตัวเปลี่ยนเกม” ทุกการตัดสินใจใน WWDC จึงถูกจับตามองเป็นอย่างมาก
อ้างอิง: CNBC
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์