ภารกิจ 'ลดคาร์บอน' ทำความรู้จัก 5 สตาร์ทอัพตัวตึงสาย ‘กรีนเทค’

"ทรู ดิจิทัล พาร์ค" พาไปทำความรู้จักกับ 5 สตาร์ทอัพน่าจับตามอง ที่มีแนวทางเฉพาะในการลดคาร์บอนและสร้างโลกที่ยั่งยืน กับคำถามชวนคิด “ถ้าเปลี่ยนคาร์บอนเป็นอะไรก็ได้ คุณอยากเปลี่ยนให้มันเป็นอะไร”
Bain & Temasek คาดการณ์ว่า หากอุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 3 องศาเซลเซียส ภายในปี 2070 เอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเผชิญความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 70 ล้านล้านดอลลาร์ส
นับเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เปราะบางต่อวิกฤตสภาพภูมิอากาศมากที่สุด ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจสีเขียวในภูมิภาคนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
โดยคาดว่าจะมีมูลค่าราว 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีภายในปี 2030 หรือประมาณ 5% ของ GDP รวมทั้งภูมิภาค
Helical Fusion
สตาร์ทอัพสัญชาติญี่ปุ่นที่มุ่งไปถึงการสร้าง "ดวงอาทิตย์จำลองบนโลก" เพื่อเป็นพลังงานสะอาดสูงสุดแห่งอนาคต
ทากายะ ทากูชิ ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Helical Fusion เล่าถึงเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันที่บริษัทกำลังพัฒนาว่า กำลังพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นเหมือน ดวงอาทิตย์จำลองบนโลก เพื่อเป็นผลิตพลังงานแห่งอนาคต
ทั้งนี้เพื่อเป็นแหล่งพลังงานอนาคตที่ไม่ปล่อยคาร์บอน ไม่มีของเสียกัมมันตรังสีระดับสูง และใช้แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงอันอุดมสมบูรณ์จากน้ำทะเล
จุดเด่นคือการใช้เตาปฏิกรณ์แบบ Helical Stellarator ซึ่งควบคุมพลาสมาด้วยขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเกลียวคู่ที่สร้างสนามแม่เหล็กแรงสูงช่วยให้เดินเครื่องได้ต่อเนื่อง ปลอดภัย และบำรุงรักษาได้ง่าย บริษัทตั้งเป้าสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานฟิวชันแบบ steady-state แห่งแรกของโลกให้แล้วเสร็จภายในปี 2034 และเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงทศวรรษ 2040
แม้ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นและการยอมรับในระดับนานาชาติ แต่ Helical Fusion ยังคงมองหาเงินทุนเพิ่มเติมกว่า 300–400 ล้านดอลลาร์เพื่อเดินหน้าโครงการให้ถึงเป้าหมาย โดยเริ่มขยายความร่วมมือมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทย พร้อมเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรของการใช้พลังงานสะอาด
คาร์บอนเป็นพลังขับเคลื่อนความก้าวหน้าของมนุษยชาติมายาวนาน แต่ตอนนี้ ผมเชื่อว่าถึงเวลาที่จะจินตนาการใหม่ให้มันกลายเป็นสื่อแห่งการแสดงออกของมนุษย์ ด้วยพลังงานฟิวชัน เรากำลังเปิดประตูสู่อนาคตที่ไม่จำเป็นต้องเผาผลาญคาร์บอนอีกต่อไป ปลดปล่อยมันให้กลายเป็นแหล่งของความสร้างสรรค์แทน
CHOSEN
กับเทคโนโลยีบริหารจัดการพลังงาน เพื่อ EV Ecosystem ที่พร้อมรองรับอนาคต
วรพจน์ รื่นเริงวงศ์ ผู้ก่อตั้ง CHOSEN กล่าวว่า ยุคที่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโตอย่างก้าวกระโดด CHOSEN สตาร์ทอัพสัญชาติไทยจึงเข้ามาเติมเต็มช่องว่างของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่พร้อมรองรับการชาร์จจำนวนมากอย่างมีประสิทธิภาพ ใน 2 ด้าน คือ หนึ่ง พัฒนาแพลตฟอร์มจัดการสถานีชาร์จ EV ที่รองรับอุปกรณ์หลากหลายแบรนด์และจัดการผ่านระบบเดียวได้ง่าย และ สอง พัฒนาเทคโนโลยีควบคุมโหลดการชาร์จไฟฟ้า ช่วยลดความเสี่ยงของไฟฟ้าดับจากการใช้ปริมาณไฟเกิน โดยไม่ต้องลงทุนหม้อแปลงใหม่ ทำหน้าที่เหมือนคนจัดการจราจรของพลังงานไฟฟ้า
นอกจากนี้ CHOSEN ยังมองไกลถึงระบบนิเวศของพลังงานในระดับภูมิภาค โดยมีแผนเชื่อมโยงการบริหารพลังงานข้ามประเทศในอาเซียน เพื่อรองรับอนาคตที่ผู้คนสามารถขับรถ EV ข้ามพรมแดนได้ ปัจจุบันได้มีการทดลองระบบร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดพลังงานได้สูงสุดถึง 70% พร้อมเริ่มขยายไปยังลาว มาเลเซีย และเวียดนาม หลังคว้ารางวัลนวัตกรรมจากหลายเวทีระดับนานาชาติ
“ถ้าเปลี่ยนคาร์บอนได้ ผมอยากให้กลายเป็นสิ่งที่สลายได้เองโดยไม่กระทบใคร ไม่ต้องเป็นภาระให้โลก”
Continewm
นวัตกรรมญี่ปุ่นที่ช่วยให้แอร์เย็นเร็ว ประหยัดไฟ และลดคาร์บอนในขั้นตอนเดียว
โทมัส กัล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Continewm เล่าถึง นวัตกรรมแผ่นกรองอากาศเซรามิกฝังรังสีอินฟราเรดที่จดสิทธิบัตรจากญี่ปุ่นที่ได้พัฒนาขึ้นว่า เพียงติดตั้งกับเครื่องปรับอากาศก็สามารถลดพลังงานได้ทันที
“เมื่ออากาศไหลผ่านตาข่ายนี้ จะเกิดสองปฏิกิริยาคือ หนึ่ง ฟอกอากาศด้วยประจุลบ ช่วยลด PM 2.5 และ PM 10 และ สอง ช่วยประหยัดพลังงานจากการแตกโมเลกุลน้ำในอากาศให้เล็กลง เพิ่มพื้นที่สัมผัสกับคอยล์เย็น ทำให้เครื่องปรับอากาศเย็นเร็วขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง”
เทคโนโลยีแผ่นกรองนี้เริ่มใช้ในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2011 และขยายสู่ไทยในปี 2015 โดยใช้ในธุรกิจขนาดใหญ่ ตั้งแต่โรงแรม โรงงาน สถานทูต ไปจนถึงซูเปอร์มาร์เก็ต พร้อมขยายตลาดไปยังต่างประเทศ เช่น อินเดีย สิงคโปร์ ยุโรป และสหรัฐฯ Thomas
เชื่อว่าแนวทางสู่ Net Zero ต้องเริ่มจากการร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายมากกว่าการแข่งขัน โดยเน้นว่าการลดคาร์บอนต้องผนึกกำลังทำไปด้วยกันทั่วโลก เพราะวิกฤตสภาพภูมิอากาศนั้นไม่มีพรมแดน และหากเปลี่ยนคาร์บอนได้ Thomas อยากให้คาร์บอนเกลายเป็น "เพชร"
เพราะเพชรคือคาร์บอนที่ผ่านแรงอัดมหาศาล เหมือนเป็นการเปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นสิ่ง หรือเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสได้นั่นเอง
LOCOL
สตาร์ทอัพไทยที่เปลี่ยนโกโก้ตกเกรดให้เป็นอาหารวัวลดมีเทน เพื่อปศุสัตว์ที่อยู่ร่วมกับโลกได้
หทัยธนิต ธงทอง ผู้ร่วมก่อตั้ง LOCOL กล่าวว่า เพราะวงการปศุสัตว์ปล่อยก๊าซมีเทนในปริมาณมหาศาล และมีเทนคือก๊าซเรือนกระจกที่กักเก็บความร้อนสูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 80 เท่าในช่วง 20 ปีแรกที่อยู่ลอยในชั้นบรรยากาศ นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ LOCOL พัฒนาอาหารเสริมสำหรับวัวที่สกัดจากผลโกโก้ตกเกรดเหลือทิ้งในประเทศไทย
โดยมีการวิจัยรับรองว่าสามารถลดการปล่อยมีเทนจากระบบย่อยของวัวได้ถึง 44.52% “ที่สำคัญคือ โกโก้เหล่านี้ไม่ต้องปลูกเพิ่ม และไม่เพิ่มคาร์บอนฟุตพรินต์” อธิบายเพิ่มเติม ปัจจุบัน LOCOL มีผลิตภัณฑ์สองรูปแบบให้เกษตรกรเลือกใช้ คือ คือ Pre-Mix (ผสมในอาหาร) และ Lick Block (ก้อนแร่ธาตุให้วัวเลีย) โดยเริ่มจากการทดลองในจังหวัดน่าน และเตรียมขยายสู่พื้นที่อื่นในไทย
แม้ยังเป็นทีมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ แต่ LOCOL มีเป้าหมายไกลกว่าการลดก๊าซมีเทน พวกเขาอยากเปลี่ยนวิธีคิดของอุตสาหกรรมปศุสัตว์ในประเทศเขตร้อนผ่านโมเดลธุรกิจที่ใช้วัตถุดิบเหลือใช้จากท้องถิ่น และเตรียมวางระบบเก็บข้อมูลเพื่อรองรับการเคลมคาร์บอนเครดิตในอนาคต พร้อมต่อยอดไปยังภูมิภาคอื่นที่มีของเสียคล้ายกัน
ถ้าสามารถเปลี่ยนคาร์บอนให้เป็นอะไรก็ได้ หทัยธนิตอยากให้เปลี่ยนเป็น เม็ดเงิน เพื่อนำไปลงทุนในโซลูชันดีๆ ช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนให้หายไป
VEKIN
กับการเปลี่ยนคาร์บอนให้ตรวจสอบได้ด้วย AI และบล็อกเชน สู่การลดคาร์บอนที่ยั่งยืน
วณัส คะเนเร็ว Business Development Manager ของ VEKIN เล่าว่า VEKIN คือสตาร์ทอัพไทยสาย Deep Tech ที่เริ่มต้นจากการเป็น ผู้ทวนสอบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ก่อนต่อยอดพัฒนาแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI และบล็อกเชน เพื่อเปลี่ยนข้อมูลการปล่อยคาร์บอนที่ซับซ้อนให้กลายเป็นกลยุทธ์ที่นำไปใช้ได้จริง
จากที่มีเอกสารหรือกระบวนการที่ซับซ้อน เราก็ใช้ AI มาทำงานซ้ำๆ แทน เพื่อประหยัดเวลา และช่วยให้ธุรกิจเล็กๆ เข้าถึงการวัดคาร์บอนได้ง่ายและสะดวกขึ้น ระบบทั้งหมดถูกออกแบบให้ปลอดภัยตามมาตรฐาน ISO เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้
นอกจากนี้ VEKIN ยังพัฒนาเครื่องมือดิจิทัลที่ทำให้การลดคาร์บอนกลายเป็นเรื่องของทุกคน ตั้งแต่ CERO Carbon Wallet ที่เปรียบเหมือนกระเป๋าสตางค์สำหรับเก็บเครดิตคาร์บอนส่วนบุคคล ไปจนถึง Carbon Receipt ที่ยืนยันการชดเชยคาร์บอนในงานอีเวนต์ด้วยบล็อกเชน ล่าสุดยังพัฒนาฟีเจอร์ที่ให้ผู้ร่วมงานอีเวนต์สแกน QR Code เพื่อเลือกวิธีเดินทางและชดเชยคาร์บอนได้แบบเรียลไทม์
ต่อไปเวลาคุณซื้อสนีกเกอร์ คุณอาจไม่ได้ดูแค่ดีไซน์หรือความสบาย แต่อาจอยากรู้ด้วยว่ารองเท้าคู่นี้ปล่อยคาร์บอนกี่กิโล ถ้าเปลี่ยนคาร์บอนได้ อยากให้มันกลายเป็นเครดิตที่ตรวจสอบได้ เพราะทุกการกระทำควรมีข้อมูลรองรับเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน







