ยุคทอง Data Center ไทย กูรูแนะรับมือเกมใหม่จาก AI และ Hyperscaler

ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ไทยร้อนแรงจริงจัง แต่มาพร้อมความซับซ้อนที่มากขึ้นจาก AI และความต้องการระดับ Hyperscale เวทีเสวนา Siemens ชี้ “พันธมิตร - แผนล่วงหน้า - ดีไซน์ยืดหยุ่น” คือหัวใจสู่ความสำเร็จ
ภายในเวทีเสวนา “From Blueprint to Day1 Operation: Aligning Design, Cost, and Operations in Data Center Projects” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ Siemens Data Center Conference 2025 ได้เปิดมุมมองจากผู้เชี่ยวชาญระดับแถวหน้าของวงการดาต้าเซ็นเตอร์ ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงในการบริหารโครงการ ตั้งแต่ระดับออกแบบ จนถึงวันเริ่มปฏิบัติการจริง โดยเฉพาะในบริบทของตลาดไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซามีร์ บอร์การ์ (Samir Borkar) รองประธานอาวุโสและหัวหน้าสายธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ประจำภูมิภาคของซีเมนส์ กล่าวเปิดเวทีว่า หากในอดีตการเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยยังเป็นแค่ความคาดหวัง แต่วันนี้คือ “ความจริง” แล้ว โดยจากข้อมูลที่บริษัทวิเคราะห์ พบว่า จำนวนการเสนอราคาและโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยกำลังเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
“เดิมทีการเสนอราคาส่วนใหญ่อยู่ในระดับ 12-20 เมกะวัตต์ แต่ตอนนี้แตะระดับ 100 เมกะวัตต์แล้ว ซึ่งสะท้อนว่าเราไม่ได้พูดถึงแค่เทรนด์บนกระดาษ แต่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และมีโอกาสต่อเนื่องไปอีกอย่างน้อย 5-7 ปีข้างหน้า”
ซามีร์ยังชี้ว่า อุตสาหกรรมนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายใหม่จากการเติบโตของไฮเปอร์สเกลเลอร์และเอไอ ซึ่งสร้างความซับซ้อนในการดำเนินงาน จึงจำเป็นต้องแลกเปลี่ยนแนวทางการออกแบบและการบริหารให้สอดคล้องกันตั้งแต่เริ่มต้น
เอไอมาแรง แต่การออกแบบยังต้องรอบคอบ
ดร.เจมส์ พี. ยัง (James P. Young) ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ บริษัท บี-โกลบอล เทค (B-Global Tech) กล่าวว่า บริษัททำงานด้านการออกแบบดาต้าเซ็นเตอร์มาหลายปีแล้ว และช่วยออกแบบหลายแห่ง โดยหนึ่งในนั้นจะเปิดให้บริการในเดือนหน้า
สำหรับความซับซ้อนของเอไอนั้น เข้ามาในช่วงหนึ่งปีครึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา เราได้ออกแบบในมาเลเซีย มีไฮเปอร์สเกลเอไอสองแห่งสำหรับ GB 200 ที่จะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายนนี้
“เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะนี่จะเป็นการนำเอไอไฮเปอร์สเกลมาใช้ครั้งแรกของโลก ดังนั้นเรากำลังรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น และพยายามป้องกันปัญหาที่ไม่คาดคิด” ดร. เจมส์กล่าว
ทรู IDC ชี้ หัวใจคือพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง
เสน่ห์ เพียรรัตนกุล หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของ True IDC ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์รายสำคัญในไทย ยอมรับว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความต้องการจาก Hyperscalers และลูกค้าเอไอเติบโตเร็วจนเกินกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
“จากเดิมที่ใช้เวลา 15 - 18 เดือนต่อโครงการ ตอนนี้เราต้องเตรียมการล่วงหน้ามากขึ้น ตั้งแต่ดีไซน์ ก่อสร้าง ไปจนถึง operation management และสิ่งที่ช่วยให้เราทำได้คือการมีพันธมิตรที่แข็งแรงในทุกฟังก์ชัน ตั้งแต่ GC, ซัพพลายเออร์ ไปจนถึงที่ปรึกษาอย่างซีเมนส์”
เขาเน้นย้ำว่า การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวเร็ว จำเป็นต้องมีการจัดการแบบครบวงจร และพร้อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ โดยเฉพาะในด้านความเร็วในการส่งมอบพลังงานระดับหลายเมกะวัตต์
CBRE เน้นความร่วมมือตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ
คีธ แม็กโกเวิร์น (Keith McGovern) หัวหน้าฝ่ายจัดการโครงการของ CBRE แสดงมุมมองว่า การจัดการความซับซ้อนของโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ต้องเริ่มตั้งแต่ “ต้นทาง” ทั้งในระดับการได้มาซึ่งที่ดิน การออกแบบ และการมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานในระยะเริ่มต้น
“การให้ทีมปฏิบัติการเข้ามาร่วมงานในช่วงการออกแบบเบื้องต้นสำคัญมาก เพราะพวกเขาจะรู้ว่าสิ่งไหนในแบบก่อสร้างที่ใช้งานได้จริง และสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบำรุงรักษาและการขยายขนาดได้ตรงจุดที่สุด”
CBRE ยังอยู่ระหว่างการรวมกิจการกับบริษัท Turner ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารโครงการในอังกฤษ เพื่อเสริมศักยภาพให้กับทีมในตลาดเอเชีย
WT Partnership ชี้ต้นทุนต่อเมกะวัตต์พุ่งสูง แต่มีวิธีควบคุม
โจดี้ ปีเตอร์เซ (Jodi Pieterse) ผู้อำนวยการของ WT Partnership สรุปว่า ความท้าทายสำคัญของอุตสาหกรรมในตอนนี้คือ “ต้นทุนต่อเมกะวัตต์ที่สูงขึ้น” จากการที่ต้องออกแบบให้รองรับอนาคต ซึ่งมาพร้อมกับความไม่แน่นอนสูง
“สิ่งที่เราทำได้คือการควบคุมต้นทุนผ่านการตัดสินใจด้านดีไซน์ที่รอบคอบ มีการวางโครงสร้างโครงการที่ดี และใช้เทคนิคการบริหารต้นทุนที่แม่นยำ”
บทสรุปจากเวที
การเติบโตของดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาทอง แต่โอกาสนี้มาพร้อมกับโจทย์ใหม่ที่ต้องบริหารความซับซ้อนทั้งด้านดีไซน์ ต้นทุน และการปฏิบัติการ โดยเฉพาะในยุคที่เอไอและ Hyperscale กำลังเร่งขยายตัว การมี “พันธมิตรที่ใช่” กระบวนการที่ “วางแผนล่วงหน้า” และการ “ออกแบบที่ยืดหยุ่น” จึงกลายเป็นสูตรสำเร็จใหม่ของอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ในอนาคต







