เกมเดือด ‘ส่งพัสดุด่วน’ รายใหญ่งัดกลยุทธ์สู้ จับตาศก.ซบ ต้นทุนพุ่ง เหลือผู้เล่นน้อยราย

เกมเดือด ‘ส่งพัสดุด่วน’ รายใหญ่งัดกลยุทธ์สู้ จับตาศก.ซบ ต้นทุนพุ่ง เหลือผู้เล่นน้อยราย

ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนไทยยังเดือด แม้อานิสงส์อีคอมเมิร์ซยังขับเคลื่อนตลาดเติบโต แต่ต้องเผชิญปัจจัยท้าทายใหม่เศรษฐกิจชะลอตัว-ต้นทุนพุ่ง เขย่าผู้เล่นเข้าสู่ “ยุคคัดกรอง” จากสนามรบที่เฟื่องฟูด้วยสงครามราคา-โปรโมชันโหด เข้าสู่ความยั่งยืน ทำกำไรที่แท้จริง คาดตลาดทะลุหลักแสนล้าน ผู้เล่นดิ้นโหมกลยุทธ์หนัก บางรายปรับพอร์ต ลดขนาดธุรกิจ บิ๊กคอร์ป 'ปตท-เอสซีจี' ถอนตัว จับตา ‘ช้อปปี้-ลาซาด้า’ บุกเกมขนส่งเต็มตัวเขย่าสมรภูมิระอุเพิ่ม

KEY

POINTS

  • ตลาดขนส่งพัสดุด่วนโตแรง มูลค่าทะลุแสนล้านบาท อีคอมเมิร์ซ หนุน
  • เข้าสู่ยุคคัดกรอง  แข่งขันดุเดือด เน้นกำไร ยั่งยืน จับตาความท้าทายวิกฤติศก.
  • ทุนใหญ่ถอย  SCG-ปตท. ถอนตัว - KEX ลดพอร์ตธุรกิจ ไปรษณีย์ไทยกลับมาผงาด
  • จับตา แฟลช เอ็กซเพรส โตเร็ว พร้อมสร้างกำไรอนาคต
  • ช้อปปี้-ลาซาด้า รุกหนัก  พัฒนาโลจิสติกส์เอง แข่งตรงผู้ให้บริการ
  • รายเล็กเสี่ยงหาย  อยู่รอดยาก หากไม่ปรับสู่ตลาดเฉพาะทาง

 

สมรภูมิ "ธุรกิจขนส่งพัสดุด่วน" ในไทย (Courier, Express, and Parcel หรือ CEP) กำลังเดินทางเข้าสู่ยุคแห่งการคัดกรองอย่างเข้มข้น หลังจากช่วงเฟื่องฟูในยุคโควิด-19 ที่ทุกบ้านต้องพึ่งพาการสั่งซื้อออนไลน์ ส่งผลให้ผู้เล่นหน้าใหม่และทุนต่างชาติแห่เข้ามาเปิดบริษัทขนส่งพัสดุด่วนกันอย่างคึกคัก ภาพในเวลานั้นเต็มไปด้วยการแข่งขันราคา สงครามโปรโมชั่น และการทุ่มทุนเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป เศรษฐกิจชะลอตัว การแข่งขันเกือบถึงจุดอิ่มตัว สิ่งที่เหลืออยู่คือผู้เล่นไม่กี่รายที่ “รอด” และ “ทำกำไร” ได้จริง

ข้อมูลจาก SHIPPOP ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรวมขนส่งโลจิสติกส์ในไทย ประเมินว่า ตลาดบริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทยจะยังเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากมีแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ที่หลากหลายสำหรับผู้ขาย และแนวโน้มการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ หรืออีคอมเมิร์ซที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าตลาดบริการจัดส่งพัสดุอาจทะลุหลัก 1 แสนล้านบาทไปแล้วเมื่อสิ้นปี 2567 เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2566 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 96,000 ล้านบาท

ด้าน Mordor Intelligence บริษัทวิจัยตลาดและที่ปรึกษาระดับโลก ประเมินตลาดขนส่งพัสดุด่วนในไทยปี 2568 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 2.86 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 93,999 ล้านบาท (คิดในอัตราค่าเงินบาทปัจจุบัน) คาดว่าจะโตต่อเนื่องถึง 4.04 พันล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 132,000 ล้านบาทในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี 7.16%

สินค้าหลักที่ขับเคลื่อนความต้องการบริการส่งพัสดุ ได้แก่ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ภายในบ้าน อาหาร เครื่องดื่ม ของเล่น และอุปกรณ์ดีไอวาย ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ใช้บริการอีคอมเมิร์ซในไทยคาดว่าจะแตะ 15.19 ล้านคนภายในปี 2572โดยอัตราการเข้าถึงของผู้ใช้งาน (user penetration) จะเพิ่มจาก 20.6% ในปี 2567 เป็น 24.8% ภายในสี่ปีข้างหน้า ทั้งยังมาจากแรงหนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการนำเทคโนโลยีมาใช้

ขณะที่ รายงานของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล, ศูนย์วิจัยธนาคาร และบทวิเคราะห์ภาคเอกชน ประมาณการใกล้เคียงกัน คาดว่า ตลาดโดยประมาณ (ปี 2567-2568) มูลค่าตลาดรวม ราว 80,000 -100,000 ล้านบาท ต่อปี จำนวนพัสดุเฉลี่ยที่ส่งต่อวัน ประมาณ 10-12 ล้านชิ้นต่อวัน

เกมเดือด ‘ส่งพัสดุด่วน’ รายใหญ่งัดกลยุทธ์สู้ จับตาศก.ซบ ต้นทุนพุ่ง เหลือผู้เล่นน้อยราย

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนหนุนตลาดโต

อย่างไรก็ตาม จากพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากเดิมการขายสินค้าผ่านโซเชียล คอมเมิร์ซ เป็นที่นิยม แต่ปัจจุบันกลับถูกแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดอย่างมากจากการมาของ “ชอปเปอร์เทนเมนต์” (Shoppertainment) แทบทุกแพลตฟอร์มนำเสนอวิดีโอสั้นพร้อมฟีเจอร์ “ติดตะกร้า” ให้ผู้ชมซื้อสินค้าทันทีขณะรับชม หนึ่งในปัจจัยสำคัญส่งผลให้ตลาดขนส่งด่วนในไทย ต้องปรับตัวอย่างรุนแรงและน่าสนใจ

สำหรับ 5 ผู้เล่นหลักในตลาดขนส่งพัสดุด่วนในประเทศไทย ได้แก่ “ไปรษณีย์ไทย” ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาด มียอดรายได้เพิ่มขึ้น พลิกจากการขาดทุนในปีที่แล้วมาเป็นกำไรได้สำเร็จ "แฟลช เอ็กซ์เพรส“ (Flash Express) ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของตลาด เติบโตเร็ว ”เจแอนด์ที เอ็กซ์เพรส" (J&T Express) เติบโตขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากยอดส่งพัสดุของ TikTok และ เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (KEX) ที่กำลังปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ ลดพอร์ตธุรกิจลง ขณะที่มีขนส่งอีกหลายรายปิดกิจการไปก่อนหน้านี้

จับตาสมรภูมิเดือด

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในวงการดิจิทัลและขนส่งพัสดุ วิเคราะห์ถึงการปรับพอร์ตของ เคอีเอ็กซ์ ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่ม SF Holding ของจีน สะท้อนถึงความเหนื่อยล้าในสนามรบ แม้จะเคยเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดไทย แต่การไหลของรายได้ที่ชะลอลง รวมถึงต้นทุนดำเนินงานที่สูง ทำให้บริษัทเริ่มหันกลับมาทบทวนกลยุทธ์ การปิดกิจการในบางส่วนของเครือ SF Group ที่ไม่สามารถทำกำไรได้ เป็นสัญญาณว่า “ทุนใหญ่” เองก็ไม่ได้แปลว่าจะยืนหยัดอยู่ได้เสมอไป หากขาดการปรับตัวเชิงโครงสร้าง

กลับกัน “ไปรษณีย์ไทย” ที่มีเครือข่ายกระจายทั่วประเทศ มีจุดแข็งในฐานข้อมูลพื้นที่ ความไว้วางใจผู้ใช้บริการ และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ฝังรากลึกอยู่ในสังคมไทย กลายเป็นผู้เล่นที่ยืนหยัดได้อย่างมั่นคง ทั้งในแง่รายได้และผลกำไร จุดที่น่าสนใจ คือ ในขณะที่เอกชนหลายเจ้าต้องถอยหรือดิ้นรน ไปรษณีย์ไทยกลับสามารถ “เก็บกิน” ตลาดที่คนอื่นปล่อยวางได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้สงครามราคา แต่เน้นการบริการที่มั่นคงและเข้าถึงแม้แต่พื้นที่ห่างไกล

อีกหนึ่งรายที่น่าจับตาคือ “แฟลช เอ็กซเพรส” ที่ก่อตั้งโดย ‘คมสัน ลี’ หนึ่งในไม่กี่ยูนิคอร์นสายโลจิสติกส์ของไทย สร้างชื่อจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น และชูจุดแข็งด้านเทคโนโลยีและการบริการ 365 วันไม่มีวันหยุด แต่สิ่งที่ยังเป็นเงื่อนไขท้าทายคือ “ผลประกอบการที่ยังขาดทุน” แม้จะมีการขยายบริการหลายแนว ตั้งแต่แฟลชฟูลฟิลเมนต์ไปถึงบริการข้ามพรมแดน แต่เชื่อว่า สิ่งท่ีแฟลชฯ ทุ่มลงทุน และการขยายบริการ มีแนวโน้มที่ธุรกิจจะกลับมาทำกำไรได้ในอนาคต

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสมรภูมินี้ไม่ใช่แค่การแย่งชิงตลาด แต่คือการเปลี่ยนผ่านจาก “ยุคทุ่มทุน” เข้าสู่ “ยุคของความยั่งยืน” ซึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่า ใครมีโมเดลธุรกิจที่แข็งแรง ใครสามารถควบคุมต้นทุน ใครสามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ไม่ใช่เพียงขยายจำนวนพัสดุหรือจุดบริการเท่านั้น

ผู้เล่นรายเล็กจำนวนมากอาจต้องทยอยหายไปจากตลาด หรือถูกควบรวมเข้าสู่กลุ่มทุนใหญ่ ขณะที่รายกลางอาจต้องมองหาพาร์ตเนอร์ใหม่ หรือเปลี่ยนบทบาทไปสู่นิชมาร์เก็ต เช่น การจัดส่งเฉพาะกลุ่มสินค้าเฉพาะทาง เช่น ยา อาหารสด หรืองานเอกสารที่ต้องการความรวดเร็วสูง

บิ๊กคอร์ปทิ้งธุรกิจขนส่งสินค้า

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่ม ปตท.จะเน้นดำเนินธุรกิจที่ถนัดและสร้างรายได้ให้องค์กร ล่าสุดกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ เช่น การขนส่งผลไม้โดยรถไฟเลิกหมดแล้ว กลุ่มปตท.จะเน้นเฉพาะที่มีความเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก และสร้าง Synergy ภายในกลุ่มได้

“กรุงเทพธุรกิจ” รายงานว่ากลุ่ม ปตท.ขยายธุรกิจโลจิสติกส์ก่อนหน้านี้ โดยเมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2565 บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ว่า คณะกรรมการบริษัท สยาม แมนเนจเมนท์ โฮลดิ้ง จำกัด (SMH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ปตท.มติอนุมัติตั้งบริษัท โกลบอล มัลติโมดัล โลจิสติกส์ จำกัด (GML) โดย SMH ถือหุ้นสัดส่วน 100% ด้วยทุนจดทะเบียน 230 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ เน้นเชื่อมโยงระบบเครือข่ายขนส่งทั้งหมดของไทย รวมถึงระบบขนส่งเชื่อมต่อระหว่างประเทศ

สำหรับการต่อยอดธุรกิจของ GML ช่วงปี 2566 ได้ลงนามความร่วมมือองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านระบบการขนส่งทางราง มุ่งสร้างเครือข่ายด้านโลจิสติกส์เชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ส่งเสริมให้สินค้าเกษตรไทยเข้าสู่ตลาดการค้าในภูมิภาค

“เอสซีจี”ปิดบริษัทขนส่งชี้ขาดทุนต่อเนื่อง

เช่นเดียวกับ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG ได้ตัดทิ้งธุรกิจที่ไม่ทำกำไร เช่น ธุรกิจขนส่งโดยบริษัท เอสซีจี เอ็กซ์เพรส จำกัด (SCG EXPRESS) ที่รู้จักกันในนาม “แมวดำ” นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG ระบุกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าแม้ธุรกิจจะเติบโตแต่ผลตอบแทนทางการเงินน้อยจึงไม่รู้ว่าจะต้องถมเงินไปอีกเท่าไหร่ และเมื่อลงทุนไปแล้วใครจะได้ประโยชน์

ทั้งนี้หากเทียบธุรกิจโลจิสติกส์กับธุรกิจรีไซเคิลโพลิเมอร์ที่มีความคุ้มค่ากว่า บริษัท ต้องทำในสิ่งที่ดีกว่าเพื่อให้ได้ความคุ้มค่าในระยะยาว พร้อมประกาศลดต้นทุนทั้งองค์กร ปิดกิจการที่ไม่กำไรและตัดขายสินทรัพย์

“กรุงเทพธุรกิจ” ตรวจสอบข้อมูล บริษัท เอสซีจี เอ็กซ์เพรส จำกัด ได้แจ้งต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า จดทะเบียนวันที่ 22 ก.ย.2559 ทุนจดทะเบียน 1,463 ล้านบาท ดำเนินการให้บริการขนส่งพัสดุด่วนทั้งแบบทั่วไปและพัสดุประเภทอาหารที่ต้องการการควบคุมอุณหภูมิเป็นพิเศษ เพื่อตอบโจทย์ขยายธุรกิจลูกค้าในตลาดอีคอมเมิร์ซ

ขณะที่ผลดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง โดยปี 2566 ขาดทุน 184 ล้านบาท , ปี 2565 ขาดทุน 247 ล้านบาท , ปี 2564 ขาดทุน 212 ล้านบาท , ปี 2563 ขาดทุน 216 ล้านบาท และปี 2562 ขาดทุน 305 ล้านบาท

จับตา ช้อปปี้ ลาซาด้า บุกขนส่งเต็มตัว

ปัจจัยแห่งความสำเร็จในธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนต่อจากนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องเงินทุน แต่คือ ความสามารถบริหารเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ข้อมูลลูกค้าวางแผนเส้นทาง ปรับบริการให้ตอบโจทย์เฉพาะกลุ่ม สร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ ไม่ใช่เพียงผ่านราคาถูก แต่คือบริการที่ตรงเวลาและโปร่งใส การอยู่รอดจากแรงกดดันของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่เริ่มพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของตนเอง เช่น Shopee Xpress หรือ Lazada Logistics ที่กลายมาเป็นคู่แข่งในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดขนส่งพัสดุยังคงดุเดือด ผู้ให้บริการแต่ละรายต้องหากลยุทธ์ แสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อมัดใจลูกค้าและรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดึงนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ รวมถึงพัฒนาบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น