'เมทเธียร์’ ดึงพลัง ‘AI-ดาต้า’ สร้างมิติใหม่ ‘Smart Facility Management’

"เมทเธียร์" เดินหน้าปั้น "Smart Facility Management" ชู "AI-ดาต้า" สร้างมิติใหม่การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ ดึงจุดแข็งการเป็น Tech Company สร้างจุดต่าง มั่นใจบริการครอบคลุม ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ทุกเซ็กเมนต์
KEY
POINTS
- เมทเธียร์ เดินหน้าปั้น Smart Facility Management
- พลิกโฉมการบริหารจัดการอาคารด้วยพลัง AI + Data
- ตั้งเป้าขึ้น Top 3 ธุรกิจ Smart Facility Management ในประเทศไทย
ยุคที่ทุกอุตสาหกรรมต้องเร่งปรับตัวสู่ดิจิทัล หนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่เริ่มพลิกโฉมอย่างเงียบๆ แต่ชัดเจน คือ “การบริหารจัดการอาคาร” หรือ Facility Management ซึ่งแต่เดิมมักถูกมองว่าเป็นเพียงงานหลังบ้านที่ต้องอาศัยแรงงานจำนวนมาก แต่วันนี้กำลังเปลี่ยนสู่ “Smart Facility Management” ที่ใช้ระบบอัจฉริยะเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน
วันนี้ “อาคาร” ไม่ได้เป็นเพียงแค่พื้นที่ แต่กลายเป็นระบบนิเวศดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI, ข้อมูล และเทคโนโลยีล้ำสมัย
ขยล ตันติชาติวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมทเธียร์ จำกัด (Metthier) ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และ Smart Facility Management ในเครือบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด(มหาชน) หรือ สกาย กรุ๊ป เผยว่า เมทเธียร์ กำลังเดินหน้าขยายธุรกิจ “Smart Facility Management (Smart FM)” โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวสร้างจุดต่างธุรกิจและพลิกโฉมการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ให้แตกต่างจากที่เคยเป็นมา
เมทเธียร์ วางตำแหน่งธุรกิจเป็น Smart Facility Management แบบครบวงจร อีกหนึ่ง New S-Curve ที่เกิดจากการต่อยอดจุดแข็งด้านนวัตกรรมและความแข็งแกร่งด้านเทคโนโลยีที่มีอยู่ โดยเฉพาะความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยอัจฉริยะ (Smart Security) สู่การบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ ผสานการพัฒนาโซลูชันจากขุมพลัง AI
ไม่ว่าจะเป็น AI CCTV, Smart Incident Management, Digital Twin, 3D Visualization, Indoor Mapping, AIoTand Robotics เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของบุคลากรและระบบภายในอาคาร
โดยควบคุมการทำงานผ่านศูนย์ปฏิบัติการอัจฉริยะเมทเธียร์ (Metthier Intelligent Operation Center: MIOC) พร้อมมี “METTRIQ” (Metthier Reformative IQ) แพลตฟอร์มการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะครบวงจรแพลตฟอร์มแรกในประเทศไทยที่รวม 12 ระบบเทคโนโลยีไว้ในแพลตฟอร์มเดียว
นอกจากนี้ ช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยจนถึงรายใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืน (ESG) เข้าถึงแพลตฟอร์มเปิดที่ทันสมัยในการจัดการอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและยั่งยืน
ปัจจุบันให้บริการดูแลอสังหาริมทรัพย์ครอบคลุม 8 ประเภท ได้แก่ ที่พักอาศัย, โรงพยาบาล, โรงเรียน, ห้างสรรพสินค้า, อาคารสำนักงาน , หน่วยงานภาครัฐ พื้นที่อุตสาหกรรมกรรมขนาดใหญ่, และการคมนาคมขนส่งมวลชน ด้วยแพลตฟอร์มการบริหารจัดการอาคารอัจฉริยะที่พัฒนาขึ้นมาจากเทคโนโลยี AI และ IoT เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผล
ผสาน ‘AI + Data + บุคลากร’
ผู้บริหารเมทเธียร์ เผยถึงแนวทางธุรกิจว่า การให้บริการทุกอย่างจะเป็นไปตามมาตรฐานสากล ใส่ใจสิ่งแวดล้อม อุปกรณ์มีมาตรฐาน บุคลากรมีทักษะความเชี่ยวชาญ และแน่นอนว่าที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนคือ“เทคโนโลยี”
ที่ผ่านมา สิ่งที่ยึดมั่นและมักพูดคุยกับพนักงานเสมอคือ การจะเหนือกว่าคู่แข่งได้ต้องมีเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อทรานส์ฟอร์มการบริการแบบเดิมๆ ไปสู่มิติใหม่บนดิจิทัล ขณะเดียวกันสามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่แตกต่างกันได้อย่างครอบคลุม
ผสานนวัตกรรมขั้นสูง “AI + Data + บุคลากร” เข้ากับบริการรักษาความปลอดภัยรูปแบบ “Security as a Service” บวกกับ “Pre Crime” ที่จะช่วยตรวจจับ ป้องกันแก้ปัญหา และลดความเสียหายที่มีมูลค่ามหาศาล ที่อาจเกิดในอนาคต ครบทั้งบริการแม่บ้าน รปภ. งานช่างอาคาร งานสวน รวมถึงงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษ เช่น การทำความสะอาดอาคารสูงในที่เดียว
ผมมองว่าตลาดนี้มีโอกาสรออยู่มหาศาล แรกเริ่มเมื่อลูกค้าได้ลองใช้บริการอาจเริ่มจากหนึ่งแต่เมื่อได้เห็นในส่วนอื่นๆ มักเกิดความสนใจและเลือกใช้บริการเพิ่มเติมเชื่อว่าหากทำได้ครอบคลุมการเติบโตหลักดับเบิลดิจิตก็เป็นไปได้
โดยภาพรวมได้เห็นว่า การเปลี่ยนผ่านไปใช้เทคโนโลยี AI ในประเทศไทยนับว่าตื่นตัวอย่างมากและถูกนำไปปรับใช้แล้วในหลากหลายมิติ อย่างการใช้ของนักเรียนนักศึกษาคนรุ่นใหม่คาดว่าเกิน 80% ใช้เป็นผู้ช่วยในการทำงานเกิน 50% และแนวโน้มยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนด้านซิเคียวริตี้ยังน้อยประมาณ 5%
แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีนักและความต้องการการบริหารต้นทุนที่เพิ่มมากขึ้น AI จะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในการสร้างยูสเคสและทำให้บริการด้านบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ก้าวสู่มิติใหม่ได้อย่างสมบูรณ์
หวังก้าวสู่ ‘ท็อป 3’ ในไทย
สำหรับความท้าทายด้านบุคลากร แม่ทัพเมทเธียร์ยอมรับว่า การหาคนเป็นงานที่ท้าทายอย่างมากทั้งมีข้อจำกัดหลายประการ ดังนั้นได้มีขยายทีมไปทั่วประเทศทั้งใน กทม. ชลบุรี และเชียงใหม่ พร้อมแก้ปัญหาด้วยการจัดอบรมทั้งด้านทักษะบริการและการใช้เทคโนโลยี รวมถึงสวัสดิการที่ดึงดูด ทำให้สามารถคัดสรรและรักษาคนคุณภาพได้อย่างต่อเนื่อง
ส่วนของการขยายฐานธุรกิจมั่นใจว่ามีศักยภาพที่จะให้บริการได้ในทุกรูปแบบ แต่จะมุ่งไปที่องค์กรขนาดใหญ่เป็นอันดับแรก เพื่อว่าจะได้สามารถใส่เทคโนโลยีเข้าไปได้เต็มรูปแบบ โดยที่ลูกค้าไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทุ่มงบการลงทุนจำนวนมากๆ สามารถใช้อุปกรณ์เดิมที่มีอยู่ได้ และในระยะยาวจะได้เห็นผลที่คุ้มค่าจากการลงทุน (ROI) ทั้งเชิงต้นทุน พลังงาน รวมถึงบุคลากรแน่นอน
เข้าใจดีว่ายุคนี้ “Security” และ “Sustainability” เป็นความต้องการพื้นฐานที่ต้องตอบโจทย์ลูกค้าให้ได้ ในฐานะ Tech Company สัญชาติไทย เมทเธียร์มั่นใจว่ามีความเข้าใจตลาดเป็นอย่างดี และจุดแข็งของการเริ่มต้นที่แตกต่างจากรายอื่นๆ
เป้าหมายของเมทเธียร์ คือ การก้าวขึ้นไปเป็นท็อป 3ในธุรกิจ Smart Facility Management ในประเทศไทยให้ได้











