เอ็นที ปัดข่าว AIS ขอซื้อฐานลูกค้า ชี้ยังแค่ข้อเสนอ-กระทรวงดีอีเน้นเปิดรับทุกฝ่าย

เอ็นที ชี้ข้อเสนอ AIS ยังไม่เป็นข้อเท็จจริง ต้องพิจารณารอบด้านเพื่อองค์กร ขณะกระทรวงดีอีเน้นเปิดรับทุกฝ่ายอย่างโปร่งใส ด้านสภาผู้บริโภคเตือนดีลนี้อาจนำไปสู่การผูกขาดตลาดมือถือ เหลือเพียง 2 รายใหญ่ เสี่ยงกระทบอุตโทรคมฯ
พันเอกสรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที กล่าวชี้แจงต่อผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างขององค์กร กรณีมีข่าวว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ยื่นข้อเสนอเพื่อเข้าร่วมดำเนินธุรกิจในกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ของ NT โดยอ้างอิงถึงบันทึกเลขที่ AIS-STP001/2025 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ว่า
ข้อเสนอดังกล่าวเป็นเพียงแนวคิดเบื้องต้นจากทางเอไอเอส เท่านั้น ยังไม่มีการตกลงหรืออนุมัติใดๆ โดยเอ็นทีจะต้องพิจารณาอย่างรอบด้านในทุกมิติเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร ทั้งนี้ ยังมีข้อเสนอจากภาคเอกชนรายอื่นที่แสดงความสนใจเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอ็นที ซึ่งองค์กรจะจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษาร่วมกันอย่างรอบคอบในทุกประเด็น
ฝ่ายบริหารจึงขอให้พนักงานอย่าตื่นตระหนก และขอย้ำว่าทุกคนยังคงมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร โดยภารกิจของ เอ็นทีจะยังเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง พร้อมเรียกร้องให้พนักงานร่วมมือกันอย่างเต็มที่เพื่อสร้างความยั่งยืนให้องค์กรในระยะยาว
ขณะเดียวกัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ เอไอเอส เสนอซื้อฐานลูกค้าโทรศัพท์มือถือและบรอดแบนด์ของเอ็นที ถือเป็นข้อเสนอทางธุรกิจที่สามารถทำได้ในทางหลักการ แต่ต้องเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายมีโอกาสเสนอความร่วมมือเช่นกัน เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของเอ็นทีและต้องไม่ลืมว่าหากมีการโอนฐานลูกค้าไปจริง พนักงานที่เกี่ยวข้องก็ควรต้องได้รับการดูแลและโอนย้ายอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ และต้องพิจารณาจากหลายปัจจัย โดยจะยังไม่มีข้อสรุปในเร็ววันนี้ รวมถึงต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการ(บอร์ด) เอ็นทีอย่างเป็นทางการ สำหรับธุรกิจบรอดแบนด์ รัฐมนตรีดีอีให้ความเห็นว่าควรรอดูผลประกอบการล่าสุด เนื่องจากยังมีแนวโน้มดีอยู่
ในด้านความเห็นจากภาคประชาชน สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการนโยบายจากสภาองค์กรของผู้บริโภค แสดงจุดยืนคัดค้านข้อเสนอของเอไอเอส
โดยมองว่าเป็นการควบรวมทางอ้อมภายใต้ชื่อการซื้อฐานลูกค้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของตลาดและอาจนำไปสู่การผูกขาดในตลาดโทรคมนาคมไทย โดยเฉพาะเมื่อตลาดมือถือเหลือเพียงผู้ให้บริการ 2 รายใหญ่คือ เอไอเอส และทรู (ที่ควบรวมดีแทคไปแล้ว) ส่วนอินเทอร์เน็ตบ้านก็มีการควบรวมระหว่างเอไอเอส และ 3บีบีแล้วเช่นกัน
ขอเตือนว่าการที่เอ็นที มีแนวโน้มจะไม่เข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ในรอบใหม่ที่จะจัดขึ้นในเดือนมิถุนายน และไม่มีความชัดเจนจากบอร์ดในประเด็นนี้ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่อาจทำให้เอ็นทีถอยออกจากการเป็นผู้เล่นในตลาดโทรคมนาคมอย่างถาวร
สุภิญญา ระบุว่า แม้เอ็นทีจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดน้อย แต่ยังมีผู้บริโภคบางกลุ่มที่เลือกใช้บริการเพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ การหายไปของเอ็นที จึงเป็นการลิดรอนสิทธิของผู้บริโภคในการมีทางเลือก และยังส่งผลกระทบต่ออธิปไตยด้านทรัพยากรคลื่นความถี่ ซึ่งควรอยู่ในการดูแลของรัฐเพื่อผลประโยชน์สาธารณะ
เธอยังตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการจัดทำกติกาการประมูลคลื่นความถี่โดย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ แฃะกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่ายังไม่มีหลักประกันที่เพียงพอในการเปิดโอกาสให้ผู้เล่นรายใหม่หรือรายเล็กเข้าสู่ตลาดได้ และยังขาดมาตรการควบคุมราคาหรือกลไกคุ้มครองผู้บริโภค
หากปล่อยให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ครอบงำตลาด ก็จะทำให้ผู้บริโภคไร้ทางเลือกและเสียสมดุลทางการแข่งขันโดยสิ้นเชิง จึงเห็นว่าข้อเสนอของเอไอเอส ควรถูกพิจารณาอย่างเข้มงวด และควรชะลอออกไปจนกว่ารัฐบาลจะมีจุดยืนที่ชัดเจนในเรื่องนี้







