ธุรกิจจะอยู่ได้ต้องมีกำไร แต่วันนี้เราอยู่ในยุคที่ 'เป้าหมาย' ยิ่งใหญ่กว่า 'ผลกำไร'

เชื่อไหมว่าที่ “แกร็บ ประเทศไทย” มีเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานกับเราเป็นที่แรกๆ จนเติบโต ตอนนี้กลายเป็นผู้บริหารระดับสูงกันหลายคน สวนกระแสกับที่คนมักพูดว่าเด็กรุ่นใหม่เปลี่ยนงานบ่อย ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ทุกคน รวมถึงดิฉันเองมีพลังอยากขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตในทุกๆ วัน คือ การที่เรามีความเชื่อ และเป้าหมายเดียวกับองค์กร ที่อยากจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกให้กับสังคม
ถ้าคุณลองสังเกตจากบริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจมานาน และยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง จะพบว่าสิ่งที่บริษัทเหล่านี้มีเหมือนกันคือ การตั้งเป้าหมายความสำเร็จที่ไม่ใช่แค่ผลกำไร แต่เป็นการสร้างสมดุลระหว่างองค์กรกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า คู่ค้า พนักงาน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ให้ได้รับประโยชน์ และผลตอบแทนที่เหมาะสม
แน่นอนว่าธุรกิจจะอยู่ได้ต้องมีกำไร แต่ในปัจจุบันที่ผู้คนหันมาใส่ใจ และให้ความสำคัญกับความเป็นไปของโลก และเพื่อนมนุษย์กันมากขึ้น
การกำหนดจุดยืนที่ชัดเจนว่า ธุรกิจ และองค์กรมีเป้าหมายที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก (Impact) ให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างไร จึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภค โดยผลสำรวจ จาก Ipsos ระบุว่า 70% ของผู้บริโภคเลือกที่จะใช้สินค้า และบริการจากแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องที่ตรงกับความสนใจ และความเชื่อของพวกเขา ในมุมของพนักงานที่มองหาความหมายในการทำงานมากกว่าผลตอบแทนทางการเงิน
โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทำงานในองค์กรที่มีเป้าหมายชัดเจน และสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคม และทางฝั่งนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลมากขึ้น
หนึ่งในตัวอย่างขององค์กรที่มีจุดยืนที่ชัดเจนคือ พาทาโกเนีย (Patagonia) แบรนด์แฟชั่น และอุปกรณ์กีฬากลางแจ้งที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสาเหตุที่ทำให้พาทาโกเนียเป็นที่ได้รับความนิยมมายาวนานกว่า 50 ปีมาจากเป้าหมายของธุรกิจที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่การสร้างผลกำไร แต่ยังยึดมั่นที่จะผลิตสินค้าคุณภาพที่คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อชุมชน และสิ่งแวดล้อม
นอกจากสินค้าที่มีระบบการค้าที่เป็นธรรม (Fairtrade) และใช้วัสดุรีไซเคิลแล้ว พาทาโกเนีย ยังมีโครงการ “1% for the Planet” ที่บริจาค 1% ของยอดขายประจำปีให้กับโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงในปี 2565 ผู้ก่อตั้งอย่างอีวอง ชูนาร์ด (Yvon Chouinard) ยังได้ตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์บริษัทให้กับกองทุนที่มุ่งเน้นการแก้ปัญหาสภาพอากาศ เพื่อตอกย้ำเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการจะต่อสู้กับปัญหาสิ่งแวดล้อม
อีกหนึ่งองค์กรที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำด้านความยั่งยืนระดับโลกคือ ยูนิลีเวอร์ (Unilever) เครือบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีพันธกิจที่จะส่งเสริมสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนในสังคม ควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม อย่างในประเทศไทย ยูนิลีเวอร์ได้ริเริ่ม
โครงการมากมายเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้กับผู้คน อาทิ โครงการ “บ้านอยู่สุข” ที่ร่วมกับองค์กรต่างๆ ในการสร้างบ้านจำนวน 80 หลัง เพื่อมอบให้กลุ่มผู้ขาดโอกาสที่ผ่านการคัดเลือกทั่วประเทศไทย โครงการ “กินดีได้ดี” จากคนอร์ เพื่อเป็นการส่งเสริมคุณค่าทางโภชนาการอย่างยั่งยืนของคนไทยให้มีสุขภาพดีขึ้น โครงการเสริมพลังความภาคภูมิใจในตนเองของโดฟ ที่ช่วยให้ผู้หญิงหลายล้านคนมีความมั่นใจในแบบของตัวเอง และโครงการของวอลล์ที่มุ่งมั่นสร้างรอยยิ้ม และความสุขให้กับคนไทยเสมอมา เป็นต้น
สำหรับ แกร็บ (Grab) ก็เช่นกัน เรามีพันธกิจที่ชัดเจน นั่นคือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแอปพลิเคชันแกร็บเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงผู้คนให้เติบโตไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้คนขับ และร้านค้ากว่าหลายล้านคนใช้แพลตฟอร์มในการหารายได้ การอำนวยความสะดวกให้กับผู้คนผ่านบริการเรียกรถผ่านแอป และบริการเดลิเวอรี ที่มีคุณภาพ โปร่งใส และปลอดภัย
รวมไปถึงการมีส่วนลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมผ่านโครงการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าให้กลุ่มคนขับ และฟีเจอร์ชดเชยคาร์บอนที่ชวนผู้บริโภคร่วมบริจาคเงิน 1-2 บาทเพื่อนำไปชดเชยคาร์บอนที่เกิดจากการใช้บริการ ด้วยการให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์ และแก้ปัญหาให้ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นในอีโคซิสเต็มนี้เอง ทำให้การทำงานในทุกๆ วันของพนักงานทุกคนมีความหมาย และช่วยนำพาธุรกิจของเราให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน
เราได้เดินมาทางยุคที่ความสำเร็จของธุรกิจไม่ได้ถูกชี้วัดแค่เพียงตัวเลขหรือผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่ธุรกิจในปัจจุบันต้องสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้คน และความคาดหวังของสังคมได้อย่างแท้จริง ดิฉันเชื่อว่าองค์กรที่มีเป้าหมายชัดเจน กล้าก้าวข้ามแนวคิดธุรกิจแบบเดิมๆ และให้ความสำคัญกับการสร้างคุณค่าที่แท้จริง จะเป็นองค์กรที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า พนักงาน พันธมิตรทางธุรกิจ และนักลงทุน ซึ่งถือเป็นรากฐานที่แข็งแกร่ง และนำไปสู่การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์