เปิดเบื้องลึก ดีลมิตรภาพ ‘โรบินฮู้ด' รับไม้ต่อ 'ฟู้ดแพนด้า’ ปลุกสมรภูมิแอปฟู้ดเดือด

'โรบินฮู้ด' รับช่วงต่อดูแล ‘ไรเดอร์ - ร้านค้า’ ฟู้ดแพนด้า เดินหน้าขยายอีโคซิสเต็มส์ในไทย ชูจุดแข็งซูเปอร์แอปสัญชาติไทยเพื่อคนไทย ยึดโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม สร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีให้ ‘ไรเดอร์’ ย้ำเก็บค่าจีพีต่ำสุดในตลาด มั่นใจหลังจากนี้ ‘โรบินฮู้ด’ จะทำกำไรได้ภายใน 1 ปี
KEY
POINTS
- ดีลมิตรภาพ 'โรบินฮู้ด' รับช่วง 'ฟู้ดแพนด้า' แบบไม่เทคโอเวอร์ แต่เป็นข้อตกลงเชิงกลยุทธ์ (Redirect Agreement)
- ธุรกิจเพื่อสังคม ค่า GP ต่ำ ดูแลไรเดอร์-ร้านค้า ยกระดับคุณภาพชีวิต
- ขยายฐานทั่วไทย ใช้โอกาสนี้เสริมเครือข่ายในต่างจังหวัด
- เป้าหมายกำไรปี 2568 พัฒนาแอปด้วย AI รองรับลูกค้าต่างชาติ
- ซูเปอร์แอปไทย มุ่งเติบโตยั่งยืนแบบ “ต้นสน” ขับเคลื่อนด้วยหลัก ESG
‘โรบินฮู้ด' รับช่วงต่อดูแล ‘ไรเดอร์-ร้านค้า’ ให้ 'ฟู้ดแพนด้า' ซีอีโอ 'ยิบอินซอย' เร่งเกมรุก ปลุก 'โรบินฮู้ด' เร่งขยายอีโคซิสเต็มส์ในไทย ชูจุดแข็งซูเปอร์แอปสัญชาติไทยเพื่อคนไทย ยึดโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม สร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตที่ดีให้ ‘ไรเดอร์’ ย้ำเก็บค่าจีพีต่ำสุดในตลาด มั่นใจหลังจากนี้ ‘โรบินฮู้ด’ จะทำกำไรได้ภายใน 1 ปี มุ่งเจาะตลาดต่างชาติเพิ่ม ดึง 'เอไอ' พลิกรูปแบบแอป ตอบโจทย์ผู้ใช้งาน หวังเป็นพอร์ตธุรกิจใหญ่เสริมแกร่ง 'ยิบอินซอย'
‘โรบินฮู้ด’ ประกาศ ‘ข้อตกลงเชิงกลยุทธ์’ หรือ Redirect Agreement กับ ‘ฟู้ดแพนด้า’ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Delivery Hero จากประเทศเยอรมนี เป็นที่เรียบร้อย ข้อตกลงนี้ มีเป้าหมายเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นของ ลูกค้า ร้านอาหาร และไรเดอร์ของฟู้ดแพนด้าในประเทศไทยสู่ ‘โรบินฮู้ด’
เปิดเบื้องลึก ดีลแบบมิตรภาพ วิน-วิน
ภายหลังการประกาศยุติการดำเนินงานในประเทศไทยของ ฟู้ดแพนด้า (Foodpanda) ‘มรกต ยิบอินซอย’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยิบอินซอย จำกัด และ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส ผู้ให้บริการแอปพลิเคชัน โรบินฮู้ด (Robinhood) เปิดเผย “สื่อเครือเนชั่น” ถึงการรับไม้ต่อจากฟู้ดแพนด้า และใช้โอกาสนี้ในการขยายฐานผู้ใช้งาน โดยระบุว่า ได้พูดคุยกับ ผู้บริหาร ดิลิเวอรี ฮีโร่ เจ้าของแบรนด์ “ฟู้ดแพนด้า” โดยตรงที่ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่สัปดาห์แรกที่มีการประกาศปิด แม้หลายฝ่ายมองว่า เป็นเรื่องที่ยาก และน่ากลัวในการเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจขนาดใหญ่นี้

ความร่วมมือที่ไม่ใช่การซื้อขาย
ความร่วมมือระหว่าง โรบินฮู้ด และ ฟู้ดแพนด้า ไม่ใช่การซื้อกิจการ หรือ เทคโอเวอร์ เนื่องจากข้อจำกัดด้านกฎหมาย พีดีพีเอ (PDPA) ทำให้ ฟู้ดแพนด้า ไม่สามารถถ่ายโอนข้อมูลลูกค้าให้ โรบินฮู้ด ได้โดยตรง รูปแบบความร่วมมือคือ ฟู้ดแพนด้า จะเป็นผู้สื่อสารไปยังฐานลูกค้าเดิมของตนเอง เพื่อเชิญชวนหรือแนะนำให้มาใช้งานแอปพลิเคชัน โรบินฮู้ดแทน โดยโรบินฮู้ดอาจใช้งบประมาณไม่มากในการตกลงครั้งนี้ ซึ่งไม่ใช่จำนวนมหาศาลเหมือนดีลซื้อขาย
“เราคุยกันแบบเป็นเพื่อน เป็น friendship talk เพราะเราอยากดูแลไรเดอร์ หรือร้านอาหารที่อยู่ในเครือข่ายฟู้ดแพนด้า ในฐานะที่โรบินฮู้ด เป็นแบรนด์ของคนไทยเราอยากช่วยในเรื่องนี้ ไม่ใช่การเทคโอเวอร์ หรือการซื้อกิจการ เราบอกว่าเป็นแอปที่เปิดกว้างพร้อมช่วยเหลือไรเดอร์ หรือร้านค้าจากฟู้ดแพนด้าแต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจว่าอยากมาอยู่กับเราไหม”
‘โรบินฮู้ด’ ยึดโมเดลธุรกิจเพื่อสังคม
มรกต ย้ำว่า โรบินฮู้ด เน้นย้ำจุดยืนในการดำเนินธุรกิจแบบ “สังคมเกื้อกูล” (sharing society) และการสร้างอีโคซิสเต็ม ที่ดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ทั้งร้านค้า ไรเดอร์ และลูกค้า จุดเด่นที่สำคัญ คือ การเก็บค่า GP จากร้านค้าในอัตราที่ต่ำที่สุดในตลาดที่ 28% บวก VAT (รวมประมาณ 29% กว่าๆ) ซึ่งต่ำกว่าคู่แข่งบางรายที่อาจเก็บสูงถึง 45% ความตั้งใจในการเก็บ GP ต่ำนี้เพื่อช่วยเหลือร้านค้า
นอกจากนี้ โรบินฮู้ด ยังให้ความสำคัญกับการดูแลไรเดอร์ โดยให้ “ค่ารอบดีที่สุด” และไม่พ่วงออร์เดอร์ เพื่อให้ลูกค้าได้รับอาหารอย่างรวดเร็ว มีคุณภาพ มีการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของไรเดอร์อย่างเข้มงวด เพื่อสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ ขณะที่ โรบินฮู้ด เชื่อว่า การทำเช่นนี้ช่วยให้ไรเดอร์มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
สิ่งที่สำคัญ คือ โรบินฮู้ด เป็นแพลตฟอร์มของคนไทยเพื่อคนไทย การเป็นแพลตฟอร์มของคนไทยจะช่วยหมุนเวียนเศรษฐกิจในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการไทย มีความยืดหยุ่นในการปรับตัว และสร้างสรรค์บริการใหม่ๆ ที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ และความต้องการเฉพาะของคนไทย เช่น บริการส่งอาหารสำหรับกิจกรรมทางศาสนา (ตักบาตร, ถวายเพลพระ) ซึ่งถือเป็นไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจที่เกิดขึ้น
ตั้งเป้ากำไร - โอกาสจาก‘ฟู้ดแพนด้า’
การเข้ามาดูแลฐานลูกค้า ร้านค้า และไรเดอร์ของ ฟู้ดแพนด้า ยังเปิดโอกาสให้โรบินฮู้ด ขยายฐานผู้ใช้งาน และเครือข่ายทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว ฟู้ดแพนด้า มีเครือข่ายครอบคลุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งเติมเต็มจุดที่ โรบินฮู้ดยังต้องการเสริมความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
ตลาดฟู้ดดิลิเวอรี ถูกมองว่าเป็น เรด โอเชียน (Red Ocean) ที่แข่งขันสูง และมีการ “เบิร์นเงิน” จำนวนมาก แต่ โรบินฮู้ด เลือกที่จะสร้างความแตกต่างด้วยการเน้นเรื่องคุณค่าด้านสังคม และความเป็นธรรม ไม่เน้นการแข่งขันด้วยโปรโมชันเพียงอย่างเดียว แม้ตลาดยังคงมีโอกาสเติบโตหลังช่วงโควิด
ปัจจุบัน เธอ ยอมรับว่า โรบินฮู้ด ยังคงขาดทุนอยู่ โดยค่าใช้จ่ายหลักมาจากการให้เงินอุดหนุนไรเดอร์ (subsidize rider) อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้าหมายที่จะสามารถดำเนินธุรกิจให้มีกำไรได้ภายในปี 2568 ซึ่งการบรรลุเป้าหมายนี้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากผู้ใช้งานทุกคน
ในด้านเทคโนโลยี โรบินฮู้ด ได้พัฒนาแอปพลิเคชันอย่างต่อเนื่อง และได้นำเทคโนโลยี เอไอ มาช่วยในการแปลเมนูอาหารจากภาษาไทย เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อรองรับฐาน “ลูกค้าชาวต่างชาติ” รวมถึงผู้ใช้งานจากฟู้ดแพนด้าเดิม โดยเฉพาะร้านอาหารที่เป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ ที่อาจยังไม่เคยอยู่ในระบบของโรบินฮู้ดมาก่อน นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสในการนำเอไอมาใช้ประโยชน์อื่นๆ ในระบบนิเวศนี้อย่างต่อเนื่อง และมีเป้าหมาย
“ตลาดฟู้ดดิลิเวอรีช่วงโควิดเติบโตมากกว่านี้ แต่หลังจากนั้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดหดตัวลง แต่ด้วยเทรนด์ที่คนยังอยากสั่งอาหาร มาส่งที่บ้าน และไปกับกระแส living ที่เติบโตขึ้น ตลาดยังไปได้ อาจไม่ได้โตก้าวกระโดด ซึ่งส่วนตัวมองว่า อย่าคาดหวังให้ตลาดโตตลอดเวลา แต่อยากมีการเติบโตได้อย่างยั่งยืน โตไปกับความเหมาะสมทางสังคมดีกว่า”
ซูเปอร์แอป และเป้าหมายอนาคต
วันนี้ โรบินฮู้ด นับเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท ยิบอินซอย ที่มีประวัติยาวนานเกือบ 100 ปี และมีความเชื่อมโยงผู้คนผ่านเทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัย มีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวไปสู่การเป็น ซูเปอร์แอป สำหรับคนไทย มีแผนขยายบริการจาก ฟู้ดดิลิเวอรี ไปยังบริการอื่นๆ เช่น เรียกรถ (Ride-hailing), การส่งของ (Express/Logistic)
นอกจากนี้ยัง มองเห็นโอกาสในการต่อยอดแพลตฟอร์มเพื่อช่วยผู้ประกอบการไทยส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ และให้ความสำคัญกับหลักการ ESG โดยเฉพาะด้าน Social (ดูแลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย) และ Environmental (สิ่งแวดล้อม)
ความท้าทายที่เผชิญ คือ การดึงร้านค้า และไรเดอร์เข้าสู่ระบบ โดยเฉพาะร้านที่อาจติดสัญญากับแพลตฟอร์มอื่น และการสร้างการรับรู้ให้ผู้ใช้งานหันมาสนับสนุนแอปพลิเคชันของไทย อย่างไรก็ตาม โรบินฮู้ด เชื่อมั่นในโมเดลธุรกิจที่เน้นการช่วยเหลือเกื้อกูล และหวังว่าการสนับสนุนจากผู้ใช้งานชาวไทยจะช่วยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
“ช่วงที่ผ่านมาเรามีการซ่อมบ้าน (โรบินฮู้ด) ปรับเปลี่ยนตลอด หาย่านร้านอาหารเข้ามาเพิ่ม มีการฝึกอบรม เอาตำรวจจราจร มาอบรมไรเดอร์ เข้าห้องเทรนนิ่งสด ส่วนร้านอาหาร มีการอบรมให้รู้ถึงการทำมาร์เก็ตติ้ง นำเอาเอไอเข้ามาช่วยในการกระบวนการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ในอนาคตเราอยากทำให้โรบินฮู้ด เป็นแอปที่ดูแลสุขภาพคนในอีโคซิสเต็มส์ มีการแนะนำร้านอาหารเพื่อสุขภาพ หรือ มีแนะนำเมนูสุขภาพด้วย”
เป้าหมายในระยะยาวของ ‘ยิบอินซอย’ ผ่าน ‘โรบินฮู้ด’ คือ การเป็นบริษัทที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืนเปรียบเหมือน “ต้นสน” ไม่ใช่ “ต้นไผ่” ที่โตเร็วแต่เปราะบาง และทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับประเทศชาติ และสังคมมากขึ้นเรื่อยๆ
มรกต ทิ้งท้ายว่า ข้อตกลงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมฟู้ดดิลิเวอรีในประเทศไทย ที่สะท้อนว่าแบรนด์ระดับสากล และแพลตฟอร์มท้องถิ่นสามารถร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรม และความต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
"เราพร้อมต้อนรับลูกค้า และพันธมิตรของฟู้ดแพนด้าทุกท่าน และจะดำเนินการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น โดยเน้นหลักความเป็นธรรม คุณภาพการบริการ และความใส่ใจ"
อนาคตข้างหน้า โรบินฮู้ด ยังคงมุ่งพัฒนาโมเดลธุรกิจ เทคโนโลยี และบริการต่างๆ ยึดหลักของการดูแลทุกพันธมิตรในระบบนิเวศอย่างดีและจริงใจ (Human-centric) และจะไม่เพียงแค่เป็นแพลตฟอร์มฟู้ดดิลิเวอรีเท่านั้น แต่โรบินฮู้ดยังมุ่งสู่การเป็นกลไกขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจระดับชุมชนอย่างแท้จริง ภายใต้แนวคิด Good Business Ecosystem ที่การเติบโตอย่างยั่งยืนจะต้องส่งผลดีต่อทุกฝ่ายในระบบนิเวศการสั่ง และส่งอาหารออนไลน์ (Food Delivery System) นี้ตลอดไป
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







