'ดีอี' สั่งเอ็นทีทำแผนเยียวยาลูกค้ามือถือ หาโมเดลอยู่รอดหลังหมดไลเซ่น

'ประเสริฐ' ระบุสั่งเอ็นทีเร่งทำโมเดลธุรกิจมือถือหลังคลื่นความถี่ 4 ย่านหมดสัมปทานต้องส่งคืนกสทช.ก่อนส.ค.นี้ ยันแต่งตั้ง ‘วิสิษฐ์’ นั่งประธานบอร์ดคนใหม่หวังให้สางคคีข้อพิพาทแสนล้านกับคู่สัญญา
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวภายหลังมีการแต่งตั้งนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดีอีนั่งตำแหน่งประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที แทนที่นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ ว่าเพื่อการทำงานของเอ็นทีต่อไปจากนี้ ที่ต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายมีความรัดกุมรอบคอบมากขึ้น เนื่องจากนายวิศิษฏ์มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายเป็นอย่างดีเพราะมาจากกระทรวงยุติธรรม
อีกทั้ง ยังมีประเด็นที่เอ็นทีต้องเร่งสะสางปัญญาคดีข้อพิพาทกับคู่สัญญาสัมปทานทั้งบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีหลายคดีกำลังดำเนินการขั้นตอนพิจารณาในชั้นของคณะอนุญาโตตุลาการ
โดยเท่าที่มีการรายงานมานั้น พบว่ามีมูลค่าความเสียหายมากเกิน 100,000 ล้านบาท ซึ่งประเด็นนี้ถือเป็นความเสี่ยงของเอ็นทีควบคู่ไปกับการสิ้นสุดใบอนุญาต (ไลเซ่น) การถือครองความถี่ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 3 ส.ค.นี้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้พ.อ.สรรพชัยย์ หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็นที เปิดเผยว่า ปี 2568 บริษัทจะยังไม่ขาดทุน เพราะรายได้จากคลื่นมือถือจะหายไปเพียง 3,000 ล้านบาท เนื่องจากคลื่น 850 MHZ 2300 MHz และ 2100 MHz หมดอายุอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในเดือน ส.ค.2568 ซึ่งแต่ละปีเอ็นทีมีรายได้ประมาณ 10,000 ล้านบาท
ส่วนแผนการย้ายลูกค้าจากคลื่น 850 MHz ไปใช้งานคลื่น 700 MHz จำนวน 1.6 ล้านเลขหมาย จะเริ่มทยอยโอนย้ายแบบอัตโนมัติ (OTA) ไปยังโครงข่าย 700 MHz จำนวน 3 แสนเลขหมายภายในสิ้นปี ส่วนลูกค้าที่ไม่มีเครื่องรองรับคลื่น 700 MHz บริษัทกำลังอยู่ระหว่างหารือกับพันธมิตรเพื่อหาทางออกให้ลูกค้า
เมื่อมีการย้ายลูกค้าไปยังคลื่น 700 MHz ซึ่งเอ็นทีมีแบนด์วิธ ในการให้บริการ จำนวน 5MHz จะทำให้ต้นทุนการโรมมิ่งลดลง 30% โดยเอ็นทีจะโฟกัสการให้บริการแค่ 4G จึงไม่ต้องมีต้นทุนสูงในการโรมมิ่ง 5G เนื่องจากตนเองมองว่า บริการ 4G เพียงพอแล้วกับการใช้งานของลูกค้า ทั้งการโทร และการใช้งานอินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันในส่วนของบุคลากรที่ดูเรื่องบริการมือถือประมาณ 400 คน ก็จะมีการปรับลดเพื่อลดต้นทุนด้วย
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 3 ส.ค. 2568 คลื่นโทรคมนาคม ของบริษัท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นทีจำนวน 4 คลื่น ได้แก่ คลื่น 850 MHz จำนวน 2x15 MHz ,คลื่น 1500 MHz จำนวน 91 MHZ, คลื่น 2100 MHz จำนวน 2x15 MHz และ คลื่น 2300 MHz จำนวน 60 MHz ต้องสิ้นสุดการอนุญาตใช้งาน เพื่อนำคลื่นคืนมายังกสทช.ดำเนินการประมูลในวันที่ 29 มิ.ย. 2568 นี้
นายประเสริฐ เสริมอีกว่า ที่ผ่านมาเอ็นทีได้ส่งรายละเอียดแผนเยียวยารองรับการสิ้นสุดใบอนุญาตมาให้ดูแล้ว แต่รายละเอียดยังไม่ชัดเจน จึงขอให้กลับไปทำใหม่เพื่อนำเสนอที่ประชุม (บอร์ด) เอ็นที ใหม่อีกครั้ง เพื่อสรุปโมเดลธุรกิจหาท่งรอดขององค์กรให้ได้
เอกชนทั้ง ทรู และ เอไอเอส ต่างก็เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอ็นทีในการทำสัญญาเพื่อสร้างสถานีฐาน ซึ่งโครงสร้างพื้นฐานต่างๆได้ลงทุนไปหมดแล้ว ใช้งานเพียง 3-5 ปี เท่านั้น จึงต้องการคลื่นความถี่ดังกล่าวเพื่อให้บริการลูกค้าต่อเนื่อง ดังนั้น ต้องไปดูว่าจะหารายได้เพิ่มจากตรงนี้อย่างไร







