ยกใหม่ของศึกมหาอำนาจ (จบ)

ยกใหม่ของศึกมหาอำนาจ (จบ)

ต่างฝ่ายต่างเสียหายและส่งผลกระทบถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก

นอกเหนือจากความโดดเด่นด้านโครงการพัฒนาระบบ Infrastructure ของจีนที่ขยายอิทธิพลไปยังประเทศอื่นทั่วโลก กับความสำเร็จของโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และบทบาทของเงินหยวนที่เพิ่มขี้นในเวทีโลกอย่างต่อเนื่องทำให้สหรัฐอเมริกายอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้จีนเติบโตเป็นมหาอำนาจแข่งกับประเทศตัวเอง

เพราะจุดเด่นสำคัญประการสุดท้ายของจีนที่อเมริกาไม่อาจเทียบได้แน่นอนนอนนั่นคือ จำนวนประชากรมหาศาลกว่า 1,425 ล้านคน ทิ้งห่างจากอเมริกาที่มีจำนวนประชากรเพียง 340 ล้านคน

แม้ว่าปัจจุบันสหรัฐฯ จะยังครองอันดับหนึ่งในฐานะตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยจีดีพีถึง 28 ล้านล้านดอลลาร์แต่จีนก็ตามติดด้วยตัวเลข 18 ล้านล้านดอลลาร์ส ซึ่งช่องว่างนี้ก็จะลดลงเรื่อย ๆ

เพราะอุตสาหกรรมสมัยใหม่เช่นรถไฟฟ้า อุปกรณ์ดิจิทัล ฯลฯ ล้วนอาศัยการเติบโตในจีนเป็นหลัก ลำพังแค่การใช้บริโภคภายในประเทศเพียงอย่างเดียวก็มีอุปสงค์และอุปทานมากเพียงพอแล้ว แม้กระทั่งแอ๊ปเปิ้ลก็ยังมียอดขายในจีนเป็นสัดส่วนสูงถึง 20% ของตลาดโลก

สงครามการค้าครั้งล่าสุดนี้จึงไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบแบบเบ็ดเสร็จ แต่ต่างฝ่ายต่างเสียหายและส่งผลกระทบถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย และนโยบายของทรัมป์ก็ทำให้เราเห็นแนวคิดลึกๆ ของโลกตะวันตกที่ต้องการแผ่อิทธิพลไปยังประเทศอื่นเพื่อเน้นการเข้าถึงทรัพยากรเพื่อตอบโจทย์ของตัวเองเป็นหลัก ในขณะที่จีนนั้นเน้นการร่วมกันเติบโต

ด้านเทคโนโลยีดิจิทัลนั้น ก็อยู่ในภาวะสงครามไม่แตกต่างกันเพราะการมาถึงของเอไอทำให้ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างทุ่มสุดตัวเพื่อครองตลาดนี้ให้มากที่สุด เพราะทั้งคู่รู้ว่าชัยชนะในสมรภูมิเอไอนั้นจะสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองได้อีกหลายสิบปี

รวมไปถึงด้านอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและเครือข่าย 5G เพื่อรองรับการใช้งานเอไอก็จะพบว่าจีนมีโครงข่าย 5G ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและขยายอิทธิพลไปยังประเทศต่างๆ ด้วยจำนวนสิทธิบัตรมากถึง 42% จากจำนวนสิทธิบัตรด้าน 5G ของทั้งโลก เช่นเดียวกับรากฐานสำคัญอย่างพลังงานไฟฟ้า จีนก็เป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์มากถึง 80% ของตลาดโลก

การเปลี่ยนศูนย์กลางเศรษฐกิจการค้าของโลกจึงขยับเข้าสู่จีนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเราก็ต้องเข้าใจการตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่ต้องหาทางชะลอหรือหยุดความก้าวหน้าของจีนลงเพื่อคงสถานะการเป็นมหาอำนาจแต่เพียงหนึ่งเดียวให้ยาวนานที่สุด

ประเทศอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบไปด้วยจึงต้องประเมินสถานการณ์ให้ดี หากเป็นประเทศใหญ่ที่สายป่านยาวก็อาจไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นประเทศเล็กและสายป่านสั้นอย่างไทยก็ต้องปรับตัวให้ดีที่สุด

และอย่าหวังว่าจะมีหมัดเด็ดที่ใช้แก้ปัญหาได้ในระยะสั้น เพราะไม่มีอะไรง่ายแบบนั้น และเราต้องรับแรงกดดันแบบนี้อีกหลายครั้งเพราะนี่เป็นเกมระยะยาว

สำคัญที่สุดคือเราต้องรักษาสมดุลของประเทศให้ดีที่สุด แม้สหรัฐฯ จะมีเงื่อนไขมากมายแต่ไม่จำเป็นต้องยอมปฏิบัติตามทุกข้อ เช่นเดียวกับฝั่งจีนที่เราก็ต้องเลือกต่อรองกับเขาเพิ่มขึ้น และขยายประเทศพันธมิตรที่จะเจรจาเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กันเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง

สงครามการค้าครั้งนี้เราอาจจะยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ แต่ไทยเราหากสร้างสมดุลได้ดีย่อมมีสิทธิ์ที่จะอยู่ข้างผู้ชนะได้เสมอ ดังเช่นยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เราผ่านมาได้โดยไม่ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้แพ้สงครามโดยอาศัยบทบาทของเสรีไทยที่ช่วยให้เราผ่านวิกฤติครั้งนั้นมาได้

ครั้งนี้ผมก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะฝ่าอุปสรรคนี้ไปได้อีกครั้ง...