รู้จัก ‘Insta360 X5’ มีดีอะไรถึงทำให้ยืนหนึ่งในตลาดกล้อง 360?

ส่องสเปก “Insta360 X5“ กล้องรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว! ทำไมถึงเป็นกล้อง 360 ที่เหลือเพียงหนึ่งในตลาดที่ฉลาดและแกร่งที่สุด
KEY
POINTS
- Insta360 X5 ยกระดับคุณภาพวิดีโอ 360 องศาด้วยความละเอียดคมชัดระดับ 8K พร้อมเซนเซอร์ขนาดใหญ่และชิป AI อัจฉริยะที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้ยอดเยี่ยมแม้ในที่แสงน้อย
- กล้องรุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ทนทานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ด้วยเลนส์กระจกแบบใหม่ที่เปลี่ยนได้เอง กันน้ำได้ลึกขึ้น และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ยาวนานกว่าเดิม เหมาะสำหรับทุกการผจญภัย
- การใช้งานง่ายขึ้นด้วยฟีเจอร์อัจฉริยะอย่าง InstaFrame ที่บันทึกทั้งวิดีโอปกติและ 360 พร้อมกัน รวมถึงแอปพลิเคชันและระบบคลาวด์ที่ปรับปรุงใหม่ ทำให้การถ่ายทำและตัดต่อสะดวกสบายยิ่งขึ้น
เปิดตัวกันไปหมาดๆ กับ Insta360 X5 กล้อง 360 องศาเรือธงรุ่นล่าสุดจาก Insta360 แบรนด์ที่ครองตำแหน่งยอดขายอันดับหนึ่งของโลกในตลาดนี้ การมาถึงของ X5 ไม่ใช่แค่การอัปเกรดธรรมดา แต่มันคือการปฏิวัติวงการกล้อง 360 องศา ด้วยการผสมผสานคุณภาพระดับเทพ ความอึดถึกทน และความฉลาดของ AI เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว มาดูกันว่าเจ้า X5 มีดีอะไร ถึงกล้าประกาศตัวว่าเป็นกล้อง 360 ที่ชาญฉลาดและแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา
คุณภาพภาพระดับ 8K
หัวใจสำคัญของ Insta360 X5 คือคุณภาพของภาพที่ไม่เป็นรองใคร ด้วยการถ่ายวิดีโอ 360 องศาที่ความละเอียดสูงถึง 8K30fps ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/1.28 นิ้ว (ใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 144 เปอร์เซ็นต์) และระบบ Triple AI chip ที่รวดเร็วดุจสายฟ้า ผลลัพธ์คือภาพวิดีโอที่คมชัด สมจริง เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน แม้จะอยู่ในสภาพแสงน้อยก็ไม่หวั่น เพราะมีโหมด PureVideo ที่ใช้ AI ช่วยลด Noise และเพิ่มช่วงไดนามิก ทำให้ได้ภาพที่สว่างใสเหมือนถ่ายภาพยนตร์ นอกจากนี้ โหมด Active HDR ยังได้รับการอัปเกรดให้ถ่ายที่ 5.7K60fps ได้แล้ว ช่วยให้ภาพในฉากที่มีคอนทราสต์สูงๆ ดูนุ่มนวลและคมชัดยิ่งขึ้น
อึด ถึก ทน พร้อมลุยทุกการผจญภัย
Insta360 เข้าใจดีว่ากล้อง 360 องศามักถูกใช้งานในสถานการณ์สมบุกสมบัน X5 จึงถูกออกแบบมาให้เป็นกล้องที่ อึดถึกทนที่สุด เท่าที่เคยมีมา จุดเปลี่ยนสำคัญคือ เลนส์ที่ทำจากกระจกชนิดใหม่ ที่แข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วนเป็นพิเศษ และที่เด็ดกว่านั้นคือ สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ หากเกิดอุบัติเหตุเสียหาย ก็เปลี่ยนเองได้ง่ายๆ ด้วยชุดเปลี่ยนเลนส์ ไม่ต้องเสียเวลาส่งซ่อม นี่ถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการเลยทีเดียว
นอกจากนี้ X5 ยังมาพร้อมการอัปเกรดอื่นๆ ที่สายลุยต้องชอบ ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ป้องกันลมในตัว ที่ช่วยลดเสียงลมรบกวน, แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานขึ้น ถึง 3 ชั่วโมง (ถ่าย 5.7K ได้นาน 185 นาทีในโหมดประหยัดพลังงาน) พร้อมระบบชาร์จเร็ว, และ กันน้ำได้ลึกถึง 15 เมตร (49 ฟุต) โดยไม่ต้องใส่เคสกันน้ำเพิ่มเติม
ถ่ายง่าย ตัดต่อสะดวก
ความเจ๋งของกล้อง 360 คือการ "ถ่ายก่อน เลือกเฟรมทีหลัง" ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าจะจัดเฟรมพลาด หรือพลาดช็อตสำคัญไป Insta360 X5 ต่อยอดความง่ายนี้ไปอีกขั้นด้วยโหมด InstaFrame ที่บันทึกไฟล์วิดีโอปกติพร้อมกับไฟล์ 360 ไปเลย ทำให้สามารถแชร์วิดีโอแบบมุมมองปกติได้ทันที โดยเลือกได้ทั้งมุมมองแบบคงที่หรือแบบเซลฟี่ที่ติดตามตัวเราตลอด แต่ก็ยังคงมีไฟล์ 360 ต้นฉบับไว้ให้เลือกเฟรม หรือสร้างเอฟเฟกต์ ไม้เซลฟี่ล่องหน อันเป็นเอกลักษณ์ได้ในภายหลัง เรื่องการตัดต่อก็หายห่วง เพราะ แอป Insta360 ได้รับการปรับปรุงให้ใช้งานง่ายขึ้น มีเครื่องมือใหม่ๆ เช่น ปุ่ม Dewarp แก้ภาพโค้ง และตัวเลือก Export แบบแตะครั้งเดียวโดยไม่ต้องแก้ไขอะไรเลย หรือจะใช้ฟีเจอร์ ตัดต่อด้วย AI (AI Edit) และ Shot Lab ที่มีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกกว่า 40 แบบก็ได้ แถมยังรองรับ Insta360+ บริการคลาวด์ที่ช่วยสำรองไฟล์ แชร์ และตัดต่อบนคลาวด์ได้ทันที
ทำไม Insta360 X5 ถึงยืนหนึ่ง?
Insta360 X5 ไม่ใช่แค่กล้อง 360 ธรรมดา แต่เป็นคำตอบที่ลงตัวสำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์ยุคใหม่ที่ต้องการทั้งคุณภาพ ความทนทาน และความสะดวกในการใช้งาน ด้วยการอัปเกรดแบบจัดเต็มทั้งด้านฮาร์ดแวร์ (เซนเซอร์ใหญ่, ชิป AI, เลนส์เปลี่ยนได้, กันน้ำลึกขึ้น, แบตอึดขึ้น) และซอฟต์แวร์ (PureVideo, InstaFrame, แอปใช้ง่าย) ทำให้ X5 ก้าวขึ้นมาเป็นกล้อง 360 ที่น่าจับตามองที่สุดในตลาดตอนนี้ และพร้อมที่จะเป็นคู่หูพาคุณไปสร้างสรรค์ผลงานสุดปังในทุกการผจญภัย
ราคาและการจำหน่าย
Insta360 X5 วางจำหน่ายแล้วในราคา 18,900 บาทที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์ https://s.shopee.co.th/6KrRYmJ7ES