คุยกับ 'จรัญพัฒณ์ บุญยัง' แห่ง 'Alisa AI' ไทยใต้เงา AI ใครอยู่ใครไป?

คุยกับ 'จรัญพัฒณ์ บุญยัง' แห่ง 'Alisa AI' ไทยใต้เงา AI ใครอยู่ใครไป?

ประเทศไทยใต้เงา AI ใครจะอยู่ใครจะไป? เปิดใจผู้สร้าง Alisa AI ชี้ทางรอด-ทางร่วง ของคนไทยในยุคที่เทคโนโลยีวิ่งเร็วปานจรวด

KEY

POINTS

  • จรัญพัฒณ์ บุญยัง พัฒนา Alisa AI ขึ้นมาโดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างทัดเทียม ผ่านแพลตฟอร์มที่เน้นภาษาไทยและใช้งานง่าย
  • เขามองว่า AGI คือคลื่นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึง ซึ่งประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือในฐานะผู้ใช้งานและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน มากกว่าจะเป็นผู้พัฒนาหลัก
  • การปรับตัวเรียนรู้ทักษะการใช้งาน AI เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนไทยทุกคนเพื่อความอยู่รอดในอนาคต โดย Alisa AI จะยังคงพัฒนาให้เข้าถึงง่ายและขยายบริการสู่ AIaaS เพื่อตอบโจทย์การใช้งานจริงในภาคธุรกิจให้สะดวกขึ้น

เทคโนโลยีที่เคยอยู่ในโลกนิยายวิทยาศาสตร์ กำลังแทรกซึมเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและการทำงานอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางกระแสธารแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้ ประเทศไทยก็มีผู้เล่นที่น่าจับตาอย่าง Alisa AI (อลิสา เอไอ) ผู้ช่วย AI สัญชาติไทย ที่พัฒนาขึ้นโดย บริษัท รุ่งเรืองตลอดไป จำกัด (มหาชน)

วันนี้กรุงเทพธุรกิจไอทีได้มีโอกาสพูดคุยกับ จรัญพัฒณ์ บุญยัง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนา Alisa AI ถึงจุดเริ่มต้น วิสัยทัศน์ และมุมมองต่ออนาคตของประเทศไทยภายใต้เงาของ AI ที่กำลังทวีความเข้มข้นขึ้นทุกขณะ

กำเนิด Alisa AI เดิมพันเพื่อความเท่าเทียมในยุคดิจิทัล

จุดเริ่มต้นของการพัฒนา Alisa AI ไม่ใช่แค่เรื่องของธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของการ "ปรับตัว" และ "ความเท่าเทียม" จรัญพัฒณ์เล่าว่า แรงผลักดันสำคัญเกิดจากความกังวลว่า สังคมไทยอาจปรับตัวไม่ทันกับการมาถึงของ AI ที่ช่วงแรกเน้นภาษาอังกฤษเป็นหลัก

"ผมคิดว่าควรจะมีเอไอของแต่ละประเทศ... เพราะว่าถ้าประเทศไหนมีเอไอก็เหมือนกับว่าเขามีไฟฟ้า มีไฟฟ้าแล้วเขาก็จ่ายไฟให้ที่อื่น ดังนั้นเราน่าจะต้องมีเอไอที่เป็นของตัวเองด้วย" จรัญพัฒณ์กล่าวถึงแนวคิดตั้งต้น

คุยกับ \'จรัญพัฒณ์ บุญยัง\' แห่ง \'Alisa AI\' ไทยใต้เงา AI ใครอยู่ใครไป?

เป้าหมายหลักจึงเป็นการสร้าง AI ที่คนไทยเข้าถึงได้ง่าย ใช้ภาษาไทยได้อย่างเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และมีราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อลดช่องว่างทางเทคโนโลยี

จรัญพัฒณ์ย้ำว่า "เป้าหมายหลักก็คือเพื่อให้ผู้คนเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่และปลอดภัย อันนี้คือเป้าหมายที่เรารีบสร้างอลิสาขึ้นมา"

ความคิดเรื่อง AI และการเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบ เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า และเป็นเหตุผลหนึ่งในการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้มีทรัพยากรเพียงพอสำหรับการปรับตัวและพัฒนาเทคโนโลยี AI ได้ทันท่วงทีเมื่อเวลานั้นมาถึงเร็วกว่าที่คิด

จาก Text สู่ Multi-Modal การเดินทางที่ไม่หยุดนิ่งของ Alisa AI

Alisa AI เริ่มต้นจากการเป็น AI ที่มีความสามารถทั้งด้านข้อความ (Text) และการสร้างรูปภาพ (Image) พร้อมกันตั้งแต่แรก แต่ไม่หยุดเพียงเท่านั้น ทีมงานพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขีดความสามารถให้หลากหลาย (Multi-modal AI) โดยไม่ได้จำกัดแค่โมเดลของตัวเอง

ปัจจุบัน Alisa AI จึงรวบรวมความสามารถไว้อย่างครบครัน ตั้งแต่การสร้างวิดีโอ, การมองเห็น (Vision), การได้ยิน (Hearing), การสร้างภาพตามโครงสร้าง (ControlNet) ไปจนถึงการเข้าถึงโมเดล AI ชั้นนำหลากหลายตัวผ่านแพลตฟอร์มเดียวในราคาที่เข้าถึงง่าย และเตรียมเพิ่มฟีเจอร์ AI ถอดความภาษาไทยที่แม่นยำ โดยทั้งหมดนี้ "ทุกฟีเจอร์จะใช้ภาษาไทยได้หมด" เพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์เดิมคือการสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงเทคโนโลยี

AGI คลื่นยักษ์ลูกต่อไป และตำแหน่งของประเทศไทย

จรัญพัฒณ์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ AGI (Artificial General Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ เขามองว่านี่คือจุดเปลี่ยนที่แท้จริง และเป็นการแข่งขันที่เดิมพันสูง

"ประเทศไหนมี AGI ก็เหมือนกับ Winner Take All เลยครับ"

CEO ผู้นี้ให้มุมมอง เขาเปรียบเทียบว่าการมี AGI ก็เหมือน "เราจะมีนักวิทยาศาสตร์ในประเทศเป็นล้านคน" ซึ่งจะนำความก้าวหน้าอย่างมหาศาลมาสู่ประเทศนั้น

เมื่อถามถึงตำแหน่งของประเทศไทยในการแข่งขันนี้ เขามองตามความเป็นจริงว่า ด้วยข้อจำกัดด้านการลงทุนมหาศาล บทบาทหลักของไทยน่าจะเป็นผู้ใช้และผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน

"ผมคิดว่าไทยน่าจะอยู่ในฐานะเป็นผู้ใช้งาน แล้วก็อาจเป็นผู้ให้บริการ เรื่องของพวกเซิร์ฟเวอร์ต่างๆ"

คุยกับ \'จรัญพัฒณ์ บุญยัง\' แห่ง \'Alisa AI\' ไทยใต้เงา AI ใครอยู่ใครไป?

ใครอยู่ ใครไป? อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน

ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงนี้ คำถามสำคัญคือใครจะอยู่รอด จรัญพัฒณ์ชี้ว่า หัวใจหลักคือ "ความสามารถในการใช้งาน AI"

"คนที่ใช้เอไอไม่เป็น อนาคตจะเหมือนกับคนที่ทุกวันนี้ใช้คอมไม่เป็นประมาณนี้ครับ" เขาเปรียบเทียบให้เห็นภาพ

เพราะฉะนั้นการปรับตัวจึงสำคัญที่สุด เขาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเรียนรู้การใช้ AI เป็นเครื่องมือ และการสร้าง AI Agent เพื่องานเฉพาะทาง การเตรียมพร้อมตั้งแต่ตอนนี้ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้คนไทยและประเทศไทยปรับตัวทันเมื่อ AGI มาถึง ซึ่งเขาคาดว่าอาจจะเกิดขึ้นใน 1-10 ปีข้างหน้า

อนาคต Alisa AI และทิศทาง AI Service

สำหรับอนาคต จรัญพัฒณ์ยังคงมุ่งมั่นพัฒนา Alisa AI ให้เป็น Multi-modal AI Hub ที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน โดยเฉพาะด้านการศึกษา วิสัยทัศน์คือให้คนเข้าถึงได้เท่าเทียมที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ควบคู่ไปกับการพัฒนา Custom AI และ AI as a Service (AIaaS) เพื่อแก้ปัญหาทางธุรกิจให้ง่ายยิ่งขึ้น

"ผมคิดว่าแบบนี้จะทําให้คนใช้เอไอเป็นง่ายกว่า เร็วกว่า" เขากล่าวถึงแนวคิด AIaaS ที่จะช่วยให้องค์กรต่างๆ นำ AI ไปใช้ได้จริง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความซับซ้อนทางเทคนิค เช่น AI ช่วยคัดกรองเรซูเม่ หรือ AI ช่วยสัมภาษณ์งานเบื้องต้น

มุมมองของผู้ให้กำเนิด Alisa AI ทำให้เห็นภาพความมุ่งมั่นในการพัฒนา Alisa AI เพื่อคนไทย และมุมมองที่ชัดเจนต่ออนาคตที่ AI กำลังจะเข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้น การมาถึงของ AI และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง AGI ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป การปรับตัวและเรียนรู้ทักษะ AI คือสิ่งจำเป็นเร่งด่วนสำหรับทุกคนและทุกองค์กรในประเทศไทย เพื่อให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง และคว้าโอกาสในยุคนี้ไว้ได้ ดังที่จรัญพัฒณ์ได้ย้ำเตือนไว้ ใครเตรียมพร้อม คือผู้อยู่รอดในสมรภูมิ AI ที่กำลังจะเปลี่ยนโลกนี้ไปตลอดกาล