สภาผู้บริโภคฯ หวั่นค่าโทรแพง! ยื่นจดหมายถึงกสทช.เบรกประมูลคลื่นมือถือ

สภาผู้บริโภคฯ หวั่นค่าโทรแพง! ยื่นจดหมายถึงกสทช.เบรกประมูลคลื่นมือถือ

จับตา! พรุ่งนี้สภาผู้บริโภคฯ เตรียมยื่นหนังสือถึง ประธาน กสทช. ชะลอออกประกาศหลักเกณฑ์ เบรกแผนประมูลคลื่นความถี่ เหตุเหลือผู้ให้บริการเพียง 2 ราย ชี้กระทบการแข่งขัน ประโยชน์ผู้บริโภคหายวับ ค่าโทรฯส่อแพงขึ้น

การประมูลคลื่นความถี่ครั้งใหม่ อาจไม่เป็นธรรมหรือไม่ สภาองค์กรผู้บริโภค ตั้งคำถาม เมื่อผู้ให้บริการเหลือเพียง 2 ราย แต่มีการเปิดประมูลคลื่นความถี่พร้อมกันถึง 6 ย่านความถี่ ระมูลคลื่นความถี่ พร้อมกัน 6 คลื่น รวม 450 MHz มูลค่า 120,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ย่าน 850 MHz 1500 MHz 1800 MHz 2100 MHz 2300 MHz และ 26 GHz 

ทำให้โอกาสในการแข่งขันจึงแทบไม่เหลือ ส่งผลให้ตลาดโทรคมนาคมอาจขาดแรงจูงใจในการแข่งขันและพัฒนา และผู้บริโภคอาจได้รับผลกระทบจากค่าบริการและคุณภาพที่ไม่เป็นธรรม เป็นเหตุให้ วันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) เวลา 08.30 น.สภาผู้บริโภค เตรียมยื่น หนังสือถึง นายแพทย์ สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ให้ชะลอออกประกาศหลักเกณฑ์ ประมูลคลื่นความถี่

โดยมองว่าการประมูลคลื่นกระทบการแข่งขัน – ประโยชน์ผู้บริโภค ณ สำนักงาน กสทช. นำโดย นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ประธานอนุกรรมการ ด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค และ นายอิฐบูรณ์ อันวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค

กำหนดประมูล 2 วัน 17-18 พ.ค.68

สำหรับกรอบระยะเวลาดำเนินการ (ไทม์ไลน์) และกรอบงบประมาณ ในการจัดสรรคลื่นสำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล หลังจากได้จัดให้มีการรับฟังความเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) เผยแพร่ (ร่าง) ประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล  กำหนดประมูลคลื่น 2 วัน คือวันที่ 17-18 พ.ค.2568 

-เสนอผลการรับฟังความคิดเห็นต่อคณะทำงานในวันที่  21-24 ก.พ.2568 

-เสนอผลการรับฟังความคิดเห็นต่อคณะอนุกรรมการ 25-28 ก.พ.2568 

-จากนั้นจะเสนอผลการรับฟังความคิดเห็นต่อที่ประชุม กสทช. 4 มี.ค.2568 

-ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา 6-13 มี.ค.2568

-การรับแบบคำขอใบอนุญาตฯ และการประมูลคลื่นความถี่ สำนักงาน กสทช. จะประกาศเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมการะมูลระหว่างวันที่ 15 มี.ค.- 13 เม.ย.2568 

-เปิดให้ยื่นคำขอเพื่อเข้าร่วมการประมูลคลื่นความถี่ในวันที่ 16 เม.ย.2568 

-สำนักงาน กสทช. จะตรวจสอบคุณสมบัติ  เสนอ กสทช. เพื่อพิจารณาในวันที่ 17-28 เม.ย.2568 

-เสนอ กสทช. เพื่อพิจารณาผลการตรวจคุณสมบัติในวันที่  28 เม.ย.- 2 พ.ค.2568 

-ประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติเข้าร่วมประมูลในวันที่ 6 พ.ค.2568

-เตรียมความพร้อมสำหรับผู้เข้าร่วมการประมูล (Mock Auction) 8 พ.ค.2568 

-กำหนดวันประมูล (Auction) ในวันที่ 17-18 พ.ค.2568 เป็นเวลา 2 วัน หลังจากนั้น จะมีการจัดประชุมบอร์ด กสทช. เพื่อพิจารณารับรองผลการประมูล จยยภายใน 7 วัน

กสทช.งบ 70 ล้านบาท ทำอะไรบ้าง

1.ค่าใช้จ่ายสถานที่จัดการประมูล ค่าระบบคอมพิวเตอร์ ค่าจ้างผู้บริการจัดการงานประมูลและค่าใช้จ่ายสำรองอื่นๆ

-ค่าจ้างเหมาบริการเพื่อจัดงานด้านสถานที่ อาหาร และสิ่งอำนวยความสะดวก 12 ล้านบาท

-ค่าใช้จ่ายด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบกล้องวงจรปิด 3 ล้านบาท

2.ค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษา/ผู้เชี่ยวชาญ

-จ้างผู้รับตรวจคุณสมบัติผู้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 5 ล้านบาท

-จ้างที่ปรึกษาดำเนินการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 20 ล้านบาท

3.ค่าใช้จ่ายในการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทั้งทั้งก่อนและหลังการประมูล 30 ล้านบาท

-จ้างผลิตและเผยแพร่ภาพยนตร์โฆษณาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการประมูล

-จ้างผลิตและเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสารออนไลน์คลิปประชาสัมพันธ์ข้อมูล (Infographic Motion clip)

-จ้างผลิตและเผยแพร่ภาพยนต์สั้นรูปแบบไวรัล ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการประมูลคลื่นความถี่

มองหลังควบรวมค่าบริการแพงขึ้น

ขณะที่ก่อนหน้านั้น สภาผู้บริโภคได้ออกมาให้ความเห็นว่า ตลาดโทรคมนาคมไทยกำลังเข้าสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ หลังการควบรวมของ ทรู-ดีแทค และ เอไอเอส-3บีบี ซึ่งถูกโฆษณาว่าจะช่วยลดค่าบริการและยกระดับคุณภาพเครือข่าย แต่ในความเป็นจริงกลับตรงกันข้าม ค่าบริการพุ่งสูง คุณภาพยังเป็นปัญหา แพ็กเกจราคาถูกเริ่มหายไป ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงบทบาทของ กสทช. ที่ยังไม่มีมาตรการกำกับดูแลที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ 

ก่อนหน้านั้น สภาผู้บริโภคได้เปิดเวทีเสวนา “ควบรวมโทรคมนาคม: ผลประโยชน์หรือภาระของผู้บริโภค?” เพื่อสะท้อนปัญหาที่แท้จริง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไข โดยหนึ่งในข้อเสนอที่ถูกหยิบขึ้นมา ได้แก่ การเปิดทางให้ผู้ให้บริการรายใหม่ (MVNO) แข่งขัน และ การสร้างระบบตรวจสอบค่าบริการที่เป็นธรรม หากยังปล่อยให้ตลาดถูกผูกขาดแบบนี้ อนาคตของผู้บริโภคอาจต้องจ่ายแพงขึ้น แต่ได้บริการที่ถดถอยลงเรื่อยๆ