‘อาลีบาบา’ แนะกลยุทธ์ลงทุน ปูทางติดปีกธุรกิจยุค ‘AI’

AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกวงการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่แข็งแกร่ง ปรับขนาดได้ และปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบันสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้โซลูชันที่เป็น AI อย่างประสบความสำเร็จ
KEY
POINTS
- AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกวงการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
- GenAI มีอัตราการเติบโตที่น่าทึ่งถึง 59.2% ต่อปี
- การใช้ AI ในประเทศไทยนับว่ากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก
- การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่แข็งแกร่ง ปรับขนาดได้ และปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญ
- AI ต้องไม่เพียงเพื่อประสิทธิภาพ แต่ยังต้องมีความปลอดภัย
- คลาวด์-เนทีฟ คือฐานรากที่รองรับการนำ AI มาใช้
ไอดีซี คาดการณ์ว่า การใช้จ่ายด้าน AI ทั่วโลกจะสูงถึง 6.32 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2571 โดย generative AI (GenAI) มีอัตราการเติบโตที่น่าทึ่งถึง 59.2% ต่อปี
ฌอน หยวน รองประธานฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ ผู้จัดการทั่วไปภูมิภาคแปซิฟิกใต้และญี่ปุ่น อาลีบาบา คลาวด์ อินทิลิเจนซ์ แสดงทัศนะว่า AI กำลังเปลี่ยนแปลงทุกวงการอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทว่าความสามารถที่สูงขึ้นของ AI ทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่ต้องใช้รองรับความสามารถเหล่านั้นมีภาระหนัก และส่งผลต่อความรวดเร็วที่องค์กรจะใช้ประโยชน์จาก AI
นอกจากนี้พบด้วยว่ามีหน่วยงานที่นำ AI มาใช้แล้ว 17.8% สูงกว่าปีที่ผ่านมาเล็กน้อย องค์กร 73.3% มีแผนที่จะนำมาใช้ในอนาคต โดยเป้าหมายสามอันดับแรก คือ เพื่อบริหารจัดการภายในองค์กร (69.6%) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (59.8%) และ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ (56.8%)
อินฟราฯ เดิม รับมือไม่ได้
อาลีบาบา ประเมินว่า GenAI เป็นเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างมาก แต่ GenAI ต้องการพลังการประมวลผลมหาศาล ต้องการพื้นที่สตอเรจขนาดใหญ่ และอัลกอริธึมที่มีความสามารถระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้พลังงาน ค่าใช้จ่าย ความยั่งยืน และประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก
ดังนั้นโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมไม่เหมาะที่จะรองรับความต้องการเหล่านี้ การจะทำกระบวนการใดๆ จะต้องทำควบคู่กับการปรับโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัยเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนด้าน AI รวมถึง GenAIซึ่งไอดีซีประเมินไว้ว่าโครงสร้างพื้นฐาน AI จะมีอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 14.7% จนถึงปี 2571
ที่ผ่านมา 24% ของการใช้จ่ายด้าน AI ทั้งหมด เป็นการใช้จ่ายด้านฮาร์ดแวร์ AI และ Infrastructure-as-a-Service (IaaS) ดังนั้นฮาร์ดแวร์ AI และ IaaS จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อความสามารถด้านต่างๆ ของ AI
การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่แข็งแกร่ง ปรับขนาดได้ และปลอดภัย เป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบันสำหรับธุรกิจที่ต้องการใช้โซลูชันที่เป็น AI อย่างประสบความสำเร็จ
‘ความปลอดภัย’ ไม่อาจละเลย
ต่อคำถามที่ว่า แล้วโครงสร้างพื้นฐาน AI นั้นควรมีลักษณะอย่างไร AI ต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ และธุรกิจต่างๆ จะสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามความต้องการเหล่านั้นได้อย่างไร
อันดับแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ ความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เป็นมาตรฐาน : โมเดล AI ประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ดังนั้นความปลอดภัยของข้อมูลและการรักษากฎระเบียบตามมาตรฐานต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ธุรกิจ
โดยต้องมั่นใจว่ามีอยู่ในทุกกระบวนการการใช้โซลูชัน AI โครงสร้างพื้นฐานที่ปลอดภัยที่รวมถึงการเข้ารหัส การควบคุมการเข้าถึงอย่างรัดกุม และปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านการปกป้องข้อมูลระดับโลก เช่น GDPR
การออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน AI ต้องไม่เพียงเพื่อประสิทธิภาพและการปรับขนาดได้เท่านั้น แต่ยังต้องมีความปลอดภัยด้วย
เพราะความล้มเหลวในการรักษาความปลอดภัยให้กับแอปพลิเคชัน AI หรือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับแอปฯ อาจทำให้ข้อมูลถูกละเมิด ต้องเสียค่าปรับจากการไม่ปฏิบัติตามกฎ และสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้า ซึ่งเมื่อลูกค้าหมดความไว้วางใจไปแล้ว การจะกลับมาเชื่อมั่นอีกเป็นไปได้ยากมาก
‘คลาวด์-เนทีฟ’ ฐานรากสำคัญ
คลาวด์-เนทีฟ คือฐานรากที่รองรับการนำ AI มาใช้ : ธุรกิจต้องนำโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์-เนทีฟ มาใช้เพื่อตอบสนองความต้องการ AI ที่เพิ่มมากขึ้น
โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์-เนทีฟ ประกอบด้วยการประมวลผลที่ทรงพลัง เน็ตเวิร์กและสตอเรจที่มีประสิทธิภาพสูง คอนเทนเนอร์และระบบบริหารจัดการข้อมูล ทั้งยังมอบความยืดหยุ่นและการปรับขนาดที่จำเป็นต้องใช้เพื่อรองรับความต้องการด้านการประมวลผลและสตอเรจที่ AI ต้องใช้เพิ่มมากขึ้น
ต่างจากโครงสร้างพื้นฐานแบบเดิมมีความยุ่งยากในการจัดการกระแสข้อมูลจำนวนมาก และไม่รองรับความต้องการประสิทธิภาพสูงในด้านต่างๆ ที่แอปพลิเคชัน AI สมัยใหม่ต้องการ
คลาวด์-เนทีฟ ช่วยให้ธุรกิจปรับขนาดโครงสร้างพื้นฐานขององค์กรได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือกับความต้องการต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และทำให้มั่นใจได้ว่าองค์กรมีพลังการประมวลผลที่จำเป็นต้องใช้กับโมเดล GenAI และการใช้ AI ที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี สภาพแวดล้อมคลาวด์-เนทีฟ ไม่เพียงรองรับการทำงานด้านการประมวลผลที่หนักหน่วงที่ AI ต้องการ แต่ยังมอบความคล่องตัวอย่างมากซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจใช้ จัดการ และอัปเดทแอปพลิเคชัน AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถผสานรวมกับเวิร์กโฟลว์การพัฒนา AI ได้อย่างราบรื่น ซึ่งนั่นหมายความว่า ธุรกิจจะสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องติดอยู่กับข้อจำกัดด้านโครงสร้างพื้นฐาน
เดินบนถนน ‘ความยั่งยืน’
สุดท้าย ประสิทธิภาพด้านพลังงาน และความยั่งยืน มีความสำคัญมากขึ้น : การใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามเวิร์กโหลด AI ที่เพิ่มขึ้น โมเดล AI โดยเฉพาะ GenAI ใช้พลังงานมาก ทำให้เกิดความกังวลด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จากการเติบโตของ AI ธุรกิจต่างตระหนักถึงความจำเป็นที่ต้องใช้โครงสร้างพื้นฐานที่ประหยัดพลังงานมากขึ้น เพื่อรองรับการใช้ AI ขององค์กร โดยไม่เพิ่มการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ดาต้าเซ็นเตอร์สีเขียว แหล่งพลังงานหมุนเวียน และฮาร์ดแวร์ประหยัดพลังงาน กำลังกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ด้านโครงสร้างพื้นฐาน AI
เขากล่าวว่า การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการลงทุนกับแนวทางด้านความยั่งยืน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ไปพร้อมๆ กับบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน ทั้งการโฟกัสไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่ประหยัดพลังงานจะกลายเป็นความต่างที่สำคัญของธุรกิจที่ต้องการนำนวัตกรรมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับความรับผิดชอบต่อสังคม
โดยสรุปแล้ว AI ยังคงพัฒนาต่อเนื่อง ดังนั้นองค์กรธุรกิจไม่เพียงต้องจัดการความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐานที่มีในปัจจุบัน แต่ยังต้องคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านภูมิทัศน์ของ AI ในอนาคต ซึ่งควรรวมถึงความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ความต้องการด้านเทคนิค และความยั่งยืน