เปิดโมเดลธุรกิจ Letterboxd ทำไมถึงครองใจคอหนัง Gen Z ?

เปิดโมเดลธุรกิจ Letterboxd ทำไมถึงครองใจคอหนัง Gen Z ?

จากแอปบันทึกการดูหนังธรรมดา สู่แพลตฟอร์มที่ครองใจคนดูทั่วโลก “Letterboxd” เติบโตจาก 1.8 ล้านเป็น 17 ล้านผู้ใช้งานในเวลาเพียง 4 ปี เจาะโมเดลธุรกิจที่ทำให้แอปนี้ถูกเรียกขานว่าเป็น “อินเทอร์เน็ตยุคคลาสสิก”

“ทำไม Gen Z ถึงนิยมใส่ลิงก์ Letterboxd ในไบโอโซเชียลมีเดีย?” คำถามนี้ผุดขึ้นในใจผู้เขียนหลังจากสังเกตเห็นว่าโปรไฟล์บน X (อดีต Twitter) และ Instagram ของคนรุ่นใหม่ รวมถึงคอหนังทั้งหลาย มักจะมีลิงก์ boxd.it ตามด้วยชื่อโปรไฟล์ Letterboxd ของพวกเขาติดอยู่เสมอ 

จากการค้นคว้าข้อมูลอย่างจริงจัง จึงเกิดเป็นบทความที่จะพาไปทำความรู้จักกับแอปพลิเคชันที่พัฒนาจาก “สมุดบันทึกหนังออนไลน์” จนเรียกได้ว่ากลายเป็น “เครื่องมือการตลาดสำคัญของค่ายหนังระดับโลก”

เปิดโมเดลธุรกิจ Letterboxd ทำไมถึงครองใจคอหนัง Gen Z ?

แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นนักวิจารณ์หนังได้

Letterboxd เริ่มต้นในปี 2011 ในฐานะสมุดบันทึกออนไลน์สำหรับคนรักหนัง ที่ผู้ใช้สามารถจดบันทึกหนังที่ตนได้ชม ให้คะแนนดาว และเขียนรีวิวสั้นๆ ได้ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ การเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงการระบาดของโควิด-19 จากผู้ใช้เพียง 1.8 ล้านคนในปี 2020 พุ่งทะยานขึ้นเป็น 17 ล้านคนในปัจจุบัน โดย 6 ล้านคนเพิ่งเข้าร่วมในปี 2024 เท่านั้น

จุดเด่นที่ทำให้ Letterboxd โดดเด่นกว่าแพลตฟอร์มรีวิวหนังอื่นๆ คือ การสร้างชุมชนที่อบอุ่นและเป็นกันเอง ผู้ใช้สามารถติดตามกันได้เช่นเดียวกับ Instagram และมีฟีเจอร์อย่าง “Four Favorites” ที่อนุญาตให้ผู้ใช้เลือกหนังที่ชื่นชอบ 4 เรื่องมาแสดงบนโปรไฟล์ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นคำถามยอดนิยมบนพรมแดง ถึงขนาดที่นักแสดงระดับโลกอย่าง นิโคล คิดแมน ถึงกับเอ่ยปากชื่นชมว่า “เรารัก Letterboxd มากจริงๆ”

การเติบโตของ Letterboxd เกิดจากการบอกต่อแบบปากต่อปากของผู้ใช้ที่ประทับใจ หลายคนบรรยายว่าแพลตฟอร์มนี้ให้ความรู้สึกเหมือน “อินเทอร์เน็ตยุคคลาสสิก” จากจำนวนผู้ใช้ 4 ล้านบัญชีในปลายปี 2021 เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 14 ล้านบัญชีในเวลาเพียงไม่ถึงสามปี นับเป็นความสำเร็จสำหรับแพลตฟอร์มที่เริ่มต้นจากการเป็นคู่แข่งเล็กๆ ของ IMDb

เปิดโมเดลธุรกิจ Letterboxd ทำไมถึงครองใจคอหนัง Gen Z ?

โมเดลธุรกิจของ Letterboxd

Letterboxd มีทางเลือกการใช้งานทั้งแบบฟรีและแบบสมาชิก โดยสมาชิกพรีเมียมจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษ เช่น การใช้งานแบบไม่มีโฆษณา การเพิ่มโปสเตอร์ภาพยนตร์ และการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกส่วนบุคคล

แพลตฟอร์มนี้สร้างรายได้จากหลากหลายช่องทาง ทั้งการแสดงโฆษณาในแอปพลิเคชัน รายได้จากสมาชิกพรีเมียมที่มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษอย่างการปรับแต่งภาพพื้นหลังโปรไฟล์เป็นฉากจากภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ ค่าคอมมิชชันจากการแนะนำบริการสตรีมมิ่ง รวมถึงความร่วมมือกับค่ายภาพยนตร์ในการทำการตลาด โดยนำรีวิวจาก Letterboxd ไปใช้ในสื่อประชาสัมพันธ์

นอกเหนือจากการสร้างรายได้แล้ว Letterboxd ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนและการสร้างคุณค่าผ่านเนื้อหาพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์ บทความ และพอดแคสต์ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่แตกต่างจากรูปแบบการโฆษณาแบบดั้งเดิม

จากการสำรวจพบว่า ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 34 ปี โดย 85% ของผู้ใช้ยังคงนิยมไปชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ในขณะที่ 89% เป็นสมาชิกบริการสตรีมมิ่งอย่างน้อย 2 แพลตฟอร์ม ส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตภาพยนตร์หันมาใช้ Letterboxd เป็นช่องทางในการโปรโมทผลงานมากขึ้น

ทีมบริหารเนื้อหาของ Letterboxd ไม่ได้มุ่งเน้นแต่ภาพยนตร์ที่เข้าถึงยากหรือทำตัวเป็นผู้คัดกรองรสนิยม แต่นำเสนอข้อมูลที่หลากหลาย ทั้งคะแนนรีวิวเฉลี่ย ระบบกรองภาพยนตร์ที่เพื่อนดูแล้วหรือเพิ่งเพิ่มเข้าลิสต์ รวมถึงการแสดงรายชื่อภาพยนตร์ยอดนิยมจากทั้งชุมชน พร้อมตัวกรองที่ช่วยให้ผู้ใช้เช็กลิสต์ได้ว่าตนเองได้ดูเรื่องใดไปแล้วบ้าง คล้ายๆ กับการบันทึกความทรงจำนั่นเอง

การเติบโตอย่างก้าวกระโดดในกลุ่มผู้ใช้ Gen Z

Letterboxd ประสบความสำเร็จในการดึงดูดผู้ใช้ Gen Z ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งของผู้ใช้ทั้งหมด โดยเฉพาะในกลุ่มอายุ 16-24 ปี ความสำเร็จนี้เกิดจากหลายปัจจัยสำคัญ เริ่มจากการมีส่วนต่อประสานผู้ใช้ที่เรียบง่ายและใช้งานสะดวกบนมือถือ การมีฟีเจอร์ที่หลากหลายตอบโจทย์คนรักหนัง ทั้งการสร้างรายการภาพยนตร์ การติดตามผู้ใช้คนอื่น และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพยนตร์

การสร้างชุมชนที่แข็งแกร่งผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดฉายภาพยนตร์ การสัมภาษณ์ผู้กำกับ และการผลิตเนื้อหาออนไลน์ สอดคล้องกับพฤติกรรมของเจนซีที่มองว่าโซเชียลมีเดียเป็นแหล่งค้นหาคำแนะนำเกี่ยวกับภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ที่ดีกว่าบริการสตรีมมิ่ง 

ข้อน่าสังเกตอีกอย่างคือ การที่ผู้ใช้อย่าง Gen Z นิยมเขียนรีวิวภาพยนตร์แบบสั้นกระชับและสอดแทรกอารมณ์ขันก็สอดคล้องกับวัฒนธรรมการสื่อสารของคนรุ่นใหม่ ทำให้ Letterboxd กลายเป็นพื้นที่แสดงความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างจากจุดประสงค์เดิมที่เน้นการวิจารณ์ภาพยนตร์อย่างจริงจัง

ข้อมูลจาก SimilarWeb ยังแสดงให้เห็นว่ายอดการเข้าชมเว็บไซต์ Letterboxd เพิ่มขึ้น 12.54% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน สะท้อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของแพลตฟอร์ม

Letterboxd ยังโดดเด่นในการสร้างคอนเทนต์วิดีโอที่น่าสนใจ เช่น ซีรีส์ Four Favorites ที่เชิญดาราและผู้กำกับมาแบ่งปันภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ 4 เรื่อง ซึ่งเชื่อมโยงกับฟีเจอร์สำคัญของแพลตฟอร์มที่ให้ผู้ใช้เลือกหนังโปรดแสดงบนโปรไฟล์ 

นอกจากนี้ ยังมีซีรีส์ที่ให้ผู้กำกับและนักแสดงอ่านรีวิวจริงจากผู้ใช้งาน สร้างความรู้สึกว่าความคิดเห็นของสมาชิกมีความสำคัญ แม้จะเป็นเพียงรีวิวสั้นๆ ก็อาจได้รับการอ่านโดยคนดังในวงการภาพยนตร์ เช่น เอ็มมา สโตน หรือมาร์ติน สกอร์เซซี ที่เพิ่งเข้าร่วมเป็นสมาชิกและกลายเป็นบัญชีที่มีผู้ติดตามมากที่สุดบนแพลตฟอร์ม

ปัจจุบัน Letterboxd กำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ เช่น การแสดงรอบฉายในโรงภาพยนตร์ใกล้บ้าน ระบบแนะนำภาพยนตร์ที่ตรงกับรสนิยมผู้ใช้ และการเพิ่มเนื้อหาประเภทซีรีส์โทรทัศน์

มีการคาดการณ์ว่าในอนาคต Letterboxd อาจถูกซื้อกิจการโดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon เพื่อผนวกรวมกับ IMDb เนื่องจากมีฐานข้อมูลและข้อมูลพฤติกรรมผู้ใช้งานที่มีมูลค่าทางธุรกิจสูง

แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร ความสำเร็จของ Letterboxd ล้วนเกิดจากการสร้างพื้นที่ให้คนรักหนังได้แบ่งปันความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และทำให้การวิจารณ์ภาพยนตร์กลายเป็นกิจกรรมสนุกๆ ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้

อ้างอิง: Letterboxd Marketing Strategy และ Medium