'ดีอี' เผย OPPO-realme ฝังแอปฯเถื่อนไป 4 ล้านเครื่อง จ่อลงโทษปกครองใน 1 เดือน

'ดีอี' ออก 10 ไกด์ไลน์หวังเป็นมาตรฐานให้แบรนด์มือถือ หากมีการติดตั้งแอปฯล่วงหน้าจากโรงงาน ชี้ต้องให้ผู้ใช้งานเข้าจัดการข้อมูลของตัวเองและถอดแอปฯเองได้เลย ระบุผลสอบล่าสุด OPPO -realme สอดไส้แอปฯเถื่อนกว่า 4 ล้านเครื่อง และมีประชาชนร้องเรียนแล้ว 28 ราย
นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม วางแนวปฏิบัติเพื่อป้องกันอุปกรณ์ที่วางจำหน่ายมีการละเมิดข้อมูล หรือ แอปพลิเคชั่นผิดกฎหมาย ที่ติดตั้งมากับเครื่องล่วงหน้า
พร้อมชี้กรณีของแบรนด์ OPPO และ realme โดยมีตัวแทนหน่วยงานรัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุมกว่า 28 หน่วยงาน อาทิ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), กรมบัญชีกลาง, กระทรวงการคลัง, กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และกระทรวงยุติธรรม
ขณะที่ภาคเอกชน อาทิ ตัวแทนแบรนด์มือถือ ตัวแทนจำหน่าย ผู้ให้บริการโครงข่าย ผู้บริการระบบปฏิบัติการ และ มาร์เก็ต เพลส เช่น บริษัท โพสเซฟี่ กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ OPPO , บริษัท โปรทา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ realme, บริษัท โนเกีย (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ในเครือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โซนี่ ไทย จำกัด โดยการหารือเพื่อทำความเข้าใจร่วมกัน
หลังการประชุมจบ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อชี้แจงภาคเอกชน ให้ป้องกันไม่ให้มี การลงแอปพลิเคชั่นผิดฎหมาย ที่จะกระทบสิทธิผู้บริโภค โดนชี้แจงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต่างๆ ทั้ง กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ กฎหมายการเงิน ฯลฯ เพื่อไม่ให้กระทบกับสิทธิผู้บริโภคจะต้องได้เมื่อซื้ออุปกรณ์มาใช้งาน โดยที่ประชุมได้มีการออกข้อแนะนำหรือไกด์ไลน์ 10 ข้อ เพื่อขอความร่วมมือกับผู้ผลิตและจำหน่ายมือถือปฎิบัติตามในการใช้ลงแอปฯล่วงหน้า นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือในการแสดงรายชื่อแอปฯที่ลงล่วงหน้าของเครื่องนั้นๆว่ามีแอปฯอะไรบ้างตอนที่ขออนุญาตนำเครื่องเข้าจำหน่ายในประเทศไทยกับทาง สำนักงาน กสทช. ในระหว่างที่ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุม โดยให้เริ่มดำเนินการได้ทันที
ขณะที่พ.ต.อ.ณัทกฤช พรหมจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กล่าวว่า
คำแนะนำ 10 ข้อ ในการติดตั้ง แอปพลิเคชั่นล่วงหน้าผู้ผลิต/จำหน่ายโทรศัพท์มือถือ โดยประกอบด้วย
1.ผู้ผลิตควรมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกแอปฯ ต้องไม่กระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
2.เปิดทางเลือกให้ผู้ใช้งานสามารถปิดใช้งาน (Disable) หรือ ถอนการติดตั้ง (Uninstall) ได้
3.ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ หากติดตั้งแอปฯ ของบุคคลที่ 3 ล่วงหน้า
4.ควรหลีกเลี่ยงแอปฯที่มีพฤติกรรมสอดแนม (Spyware)
5.มีนโยบายอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Bloatware และระบบปฏิบัติการ
6.หลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปฯที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เช่น แอปฯโฆษณา แอปฯเกม และอนาคตจะมีการพิจารณารับรองความปลอดภัยของแอปฯ ก่อนจำหน่ายในไทย
7.ให้คำแนะนำสำหรับประชาชนในการป้องกันความเสี่ยงจาก Bloatware
8.การให้สิทธิ์แก่ผู้ใช้ในการเข้าควบคุมแอปฯ โดยผู้ใช้ต้องสามารถเลือกเปิดหรือปิดฟีเจอร์ได้
9. การจำกัดการทำงานของแอปฯในระบบหลังบ้าน (Back Door) หรือใช้พลังงานแบตเตอรี่และดาต้ามากเกินไป
10. ข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัวของแอปฯ ต้องมีตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถดูแลข้อมูลของตนเองและห้ามข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก โดยไม่ได้รับความยินยอม
ด้าน พ.ต.อ.สุรพงศ์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบและกำกับดูแล สคส. กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานจาก OPPO และ realme ที่มีการติดตั้งแอป ชื่อ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ มีประมาณ 4 ล้านเครื่องในไทย ซึ่งต้องสองบริษัทได้แจ้งยุติการติดตั้งทั้งหมดในโทรศัพท์มือถือ และได้ทยอยส่ง โอทีเอ ให้ลูกค้าเพื่อลบแอปฯได้เองแล้ว สำหรับผู้เสียหายที่ได้เข้ามาร้องกับ สคส. จำนวน 11 ราย และ ร้องกับ สคบ. 17 ราย รวมมีการร้องเรียนแล้ว 28 ราย โดยในส่วนของ สคศ.จะมีการสอบสวนผู้เสียหายก่อนที่จะนำเสนอข้อมูลให้กับ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พิจารณาลงโทษทางปกครองภายใน 1 เดือน
ด้านนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงาน สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า ในวันที่ 21 ม.ค. เวลา 9.00 น.ทางสภาองค์กรของผู้บริโภค จะนำผู้เสียหายบางส่วน ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับทางตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ดำเนินการสืบสวนผู้กระทบความผิดในกรณีนี้ ว่าจะต้องมีผู้ใดต้องรับผิดชอบที่ละเมิดสิทธิผู้บริโภคในครั้งนี้
กฏหมายและบทลงโทษสำหรับผู้ขายมือถือและแท็บเล็ต หรือ การลง แอปฯ สรุปได้ดังนี้
1. กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- กรณีไม่แจ้ง Privacy notice ผิด ม.23 (ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท)
- กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ได้ให้ความยินยอมอาจผิด ม.24 เก็บรวบรวมข้อมูลโดยไม่ได้รับคำยินยอม(ปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท)
- กรณีไม่ลบ อาจผิด ม.21 เก็บรวบรวมใช้หรือเปิดเผย แตกต่างจากวัตถุประสงค์ (ปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท)
- กรณีเข้าถึงข้อมูลอื่นๆ อาจเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลเกินความจำเป็น ม.22 (ปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท)
- กรณีมีการส่งโฆษณาเข้ามาอาจผิด ม.27 ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับคำยินยอม (ปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท)
- กรณีผู้ควบคุมอยู่นอกราชอาณาจักร ต้องแต่งตั้งตัวแทนผู้ควบคุมข้อมูลในราชอาณาจักร ม.37(5) (ปรับไม่เกิน 3 ล้านบาท)
2. กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
- กรณีติดตั้งแอปฯ เพื่อยิงโฆษณา อาจเป็นความผิดฐานเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อเป็นเครื่องมือในการส่งสแปม(พรบ.คอม ม.11 ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท)
- กรณีติดตั้งแอปฯ ซึ่งมี virus malware อาจเป็นความผิดฐานเผยแพร่ชุดคำสั่งเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมฯ ม.13 จำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท)
- กรณีหลอกลวง บิดเบือน หรือนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ผ่านแอปฯ (พ.ร.บ.คอมฯ ม.14 จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท)
3. กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค
- ไม่ได้ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องและเพียงพอ (พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ม.39)
- ไม่ได้ทำสัญญาการกู้ยืม ไม่ได้ให้สิทธิที่จะได้รับความเป็นธรรมในการทำสัญญาหรือการทำสัญญาโดยไม่ถูกเอาเปรียบ (พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ม.35 ทวิ ม.35 เบญจ ม.35 อัฏฐ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท)
- การแจ้งความ กองบังคับการการกระทำความผิดการคุ้มครองผู้บริโภค
- กรณีที่มีการกู้ยืมโดยไม่ทำสัญญาอาจมีความผิด
4. กฎหมายเกี่ยวกับบริการทางการเงิน การคิดดอกเบี้ย
- ประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต (ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 5(7) และข้อ 16 จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท)
- การคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา 15% (พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 ม.4(1) จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท)
- พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ กรณีที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่ 2 แสนบาท