ทักษะ ‘Generative AI’ เรื่องใหญ่ที่ ‘ซีอีโอ’ ต้องรู้

สิ่งที่ผู้นำควรรู้เกี่ยวกับทักษะ Generative AI และแนวโน้มการศึกษาในปี 2568 เพราะการลงทุนพัฒนาบุคลากรจะช่วยเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กรในอนาคต
KEY
POINTS
-
องค์กรเริ่มนำ Generative AI มาใช้เพื่อสร้างนวัตกรรม และพัฒนากระบวนการทำงานมากขึ้น
-
ปี 2568 ผู้บริหารองค์กรจึงต้องจัดฝึกอบรมทักษะด้าน AI ให้พนักงานต่อเนื่อง
-
การเรียนรู้โดยใช้ Generative AI กำลังเติบโตรวดเร็ว ภายในปี 2568 เทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของเราอย่างมีนัยสำคัญ
-
ไม่ว่าทิศทางธุรกิจจะเป็นอย่างไร การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
เจเนอเรทีฟ เอไอ (Generative AI) น่าจะเป็นเรื่องที่คนทั่วโลกให้ความสนใจตลอดทั้งปีนี้ โดยเฉพาะในแวดวงเทคโนโลยี ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็มีคนพูดถึงและพยายามทำความเข้าใจว่ามันจะส่งผลต่อธุรกิจอย่างไร เชื่อว่าแม้ก้าวข้ามผ่านไปปี 2568 เราจะยังคงได้ยินเรื่องนี้อยู่
หากประเด็นการพูดคุยอาจกำลังเปลี่ยนไป เนื่องจากหลายองค์กรสามารถเริ่มนำ Generative AI ไปใช้งานได้จริง รวมถึงการทดลองใช้งานมากขึ้น
ดังนั้นปี 2568 ผู้บริหารองค์กรจึงต้องจัดการฝึกอบรมทักษะด้าน AI ให้พนักงานต่อเนื่อง ในปี 2567 เราเห็นว่า ลูกค้าและพาร์ตเนอร์ของ AWS ต้องการช่วยให้พนักงานมีความรู้ด้าน AI มากขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้จัดการฝึกอบรมทักษะด้าน AI โดยไม่มีค่าใช้จ่ายให้แก่บุคลากรจำนวนสองล้านคนทั่วโลก ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ AI Ready ของ Amazon และความต้องการฝึกอบรมทักษะด้าน AI นี้จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป
เปิดแนวโน้ม 5 ทักษะอื่นที่ไม่ควรมองข้าม
ขณะที่ แนวโน้มทักษะอื่นๆ อีก 5 เรื่องที่คาดว่า จะส่งกระทบต่อองค์กร และกลยุทธ์ด้านบุคลากรในปี 2568 ได้แก่ 1.ทักษะด้าน Generative AI ยังคงความสำคัญ แต่อย่าละเลยทักษะในด้านอื่นๆ ปัจจุบัน องค์กรเริ่มนำ Generative AI มาใช้เพื่อสร้างนวัตกรรม และพัฒนากระบวนการทำงานมากขึ้น
ผู้บริหารจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับ Generative AI แต่ก็ต้องพัฒนาทักษะอื่นควบคู่กันไปด้วย
เช่น สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ การตัดสินใจ การฝึกสอนงาน และการบริหารการเปลี่ยนแปลง ความเปลี่ยนแปลงมักมาพร้อมความไม่แน่นอน ผู้บริหารจึงต้องช่วยให้พนักงานเตรียมพร้อมและเข้าใจแนวทางองค์กรเกี่ยวกับการใช้ Generative AI
พนักงานต้องการคำแนะนำที่ชัดเจนและการสนับสนุนให้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลง รวมถึงบรรยากาศที่เอื้อต่อการทดลองสิ่งใหม่ ๆ โดยไม่กลัวความผิดพลาด องค์กรควรพิจารณาว่า วัฒนธรรมองค์กรส่งเสริมการเรียนรู้ต่อเนื่อง การคิดวิเคราะห์ และการทดลองในทุกระดับหรือไม่ Generative AI มีศักยภาพสร้างประโยชน์อย่างมหาศาล เกินกว่าที่หลายคนคาดการณ์ไว้ และเพื่อใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้เต็มศักยภาพ องค์กรจำเป็นต้องพร้อมทั้งทักษะด้านสังคม การทำงานร่วมกับผู้อื่นและทักษะทางเทคนิค
2.การเรียนรู้โดยใช้ Generative AI กำลังเติบโตรวดเร็ว คาดว่า ภายในปี 2568 เทคโนโลยีนี้จะเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของเราอย่างมีนัยสำคัญ ความก้าวหน้าเทคโนโลยีช่วยลดข้อจำกัด ทำให้ผู้คนเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพมากขึ้น
การเรียนรู้ที่ใช้ Generative AI จะเปิดโอกาสสร้างความเท่าเทียมทางการศึกษาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แม้ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถมีครูสอนพิเศษแบบตัวต่อตัวได้ แต่ด้วย Generative AI ผู้เรียนจำนวนมากสามารถได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ในลักษณะนี้ผ่านระบบดิจิทัล
งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า การสอนแบบตัวต่อตัวช่วยพัฒนาผลการเรียนของนักเรียนได้มีประสิทธิภาพ ระบบการสอนที่ขับเคลื่อนด้วย Generative AI จะช่วยเหลือผู้เรียนตลอดกระบวนการเรียนรู้ โดยวิเคราะห์ระดับความรู้ และทักษะปัจจุบัน ระบุจุดที่ต้องการการสนับสนุนเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้คำแนะนำและการโค้ชที่ปรับให้เหมาะสมกับผู้เรียนแต่ละคนตลอดกระบวนการเรียนรู้
3.สนับสนุนการเรียนรู้แบบดิจิทัล ช่วยเร่งความสำเร็จขององค์กร ไม่เพียงแต่นักเรียนเท่านั้นที่จะได้รับประโยชน์จากผู้สอนหรือผู้ช่วยการเรียนรู้ที่ใช้ AI แต่พนักงานที่กำลังพัฒนาทักษะใหม่ก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน ในมุมผู้บริหาร การลงทุนในระบบฝึกอบรมด้วยดิจิทัลสำหรับพนักงานจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากขึ้น เนื่องจากช่วยให้พนักงานเรียนรู้ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่งผลให้องค์กรสามารถพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะสำคัญเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
กล่าวโดยสรุปคือเมื่อพนักงานสามารถเรียนรู้แนวคิดและทักษะใหม่ ๆ ได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย Generative AI พวกเขาก็จะสามารถช่วยองค์กรสร้างนวัตกรรมและขับเคลื่อนความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
4.การฝึกอบรมแบบกลุ่มสร้างคุณค่าทางธุรกิจในระยะยาว การก้าวทันเทคโนโลยีทำได้ดีที่สุดด้วยการพัฒนาทักษะของคนทั้งองค์กร วิธีนี้สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่น่าสนใจและกระตุ้นการมีส่วนร่วม แต่การเลือกว่าจะลงทุนอะไร ที่ไหน อย่างไร เพื่อสร้างนวัตกรรมที่องค์กรต้องการมากที่สุดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ในยุคที่ Generative AI กำลังมาแรง องค์กรต่าง ๆ มักจัดฝึกอบรมระยะสั้นที่เน้นเฉพาะด้าน
ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อ ส่วนงาน หรือทีมใดทีมหนึ่ง สิ่งสำคัญคือการจัดอบรมแบบกลุ่มที่ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน รวมถึงการระดมความคิด การลงมือปฏิบัติ และการพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม การฝึกอบรมลักษณะนี้มีประโยชน์หลายประการ พนักงานได้กรณีศึกษาที่นำไปใช้ได้จริง ช่วยให้ใช้ทักษะใหม่ได้เต็มที่ และได้โอกาสทำงานสำคัญที่อาจไม่เกิดขึ้นหากไม่มีการเรียนรู้แบบร่วมมือ
นอกจากนี้ ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้เร็วในการมอบหมายงานใหม่หรือพัฒนาทักษะเพิ่มเติมให้บุคลากร และด้วยลักษณะการฝึกอบรมที่สั้นและเฉพาะเจาะจง องค์กรจะเห็นผลลัพธ์ได้เร็วขึ้น ซึ่งตอกย้ำประโยชน์ของการพัฒนาทักษะและนำไปสู่การสนับสนุนจากผู้บริหารมากขึ้น จากความสำเร็จของการฝึกอบรม Generative AI แบบกลุ่ม คาดว่าผู้บริหารจะใช้วิธีนี้มากขึ้นในการพัฒนาทักษะบุคลากรในปี 2568 และต่อๆ ไป เนื่องจาก Generative AI พัฒนาเร็วมาก ความรวดเร็วจึงสำคัญกว่าที่เคยในโลกเทคโนโลยีและธุรกิจ
5.การวัดผลทางธุรกิจจากการฝึกอบรม ในการเริ่มต้นการฝึกอบรมด้าน Generative AI สำหรับองค์กรต่าง ๆ สิ่งสำคัญคือการกำหนดวิธีวัดคุณค่าและผลลัพธ์ของการฝึกอบรม ประสิทธิภาพการทำงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องประเมิน แต่ยังมีอีกหลายด้านที่ต้องพิจารณา และเป็นเรื่องของการลงทุนระยะยาว การสร้างทีมที่มีทักษะที่เหมาะสมสำหรับแต่ละโครงการหรือแผนงานใหม่ ช่วยให้องค์กรไม่ต้องสรรหาบุคลากรใหม่ จ้างงานจากภายนอก
หรือแย่กว่านั้น คือ ต้องยกเลิกโครงการทั้งหมด การประเมินผลลัพธ์ทางธุรกิจจากการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องวัดผลได้จากการสามารถทำสิ่งที่ไม่อาจทำได้ หากไม่มีการพัฒนาทักษะ การวัดผลนี้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของบุคลากร อัตราการรักษาบุคลากร ประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกัน และความกล้าในการริเริ่มสิ่งใหม่
อนาคตในปี 2568 ยังเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยาก เนื่องจาก AI มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะมีผลอย่างมากต่อรูปแบบการดำเนินธุรกิจและวิธีการทำงานของพนักงาน สิ่งที่ผู้นำองค์กรทำได้คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้พนักงานพร้อมรับมือกับความท้าทายและโอกาสใหม่ ๆ อย่างมั่นใจ
ที่สำคัญไปกว่านั้น การลงทุนพัฒนาบุคลากรจะช่วยเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กรในอนาคต ไม่ว่าทิศทางธุรกิจจะเป็นอย่างไร การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้องค์กรก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง