เมื่อความก้าวหน้า ‘เอไอ’ ถูกคุมโดยกลุ่มบริษัท‘ผู้ผลิตชิป’
เมื่อกล่าวถึงเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังกลายเป็นหัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การศึกษา หรือการใช้ชีวิต ที่หลายคนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้งานโปรแกรมเอไอต่างๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา
เมื่อกล่าวถึงเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังกลายเป็นหัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างรอบตัวเรา ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การศึกษา หรือการใช้ชีวิต ที่หลายคนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้งานโปรแกรมเอไอต่างๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของเรา ขณะเดียวกัน เราเห็นบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ต่างเร่งพัฒนาโมเดลเอไอใหม่ๆ ที่มีความสามารถมากขึ้นออกมา ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT 4o, Gemini 1.5 หรือ Claude 3.5
หลายคนคาดหวังว่า ผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในเวทีนี้จะต้องเป็นบริษัทที่สร้างโมเดลเอไอรายใหญ่ อย่างเช่น OpenAI, Google หรือ Microsoft แต่สิ่งที่หลายคนอาจแปลกใจ คือ จริงๆ แล้วเบื้องหลังการแข่งขันทางเทคโนโลยีเอไอ มีอีกกลุ่มบริษัทที่กลายเป็นผู้ควบคุมอำนาจเบื้องหลังการพัฒนาอย่างแท้จริง และบริษัทเหล่านี้ไม่ได้ทำโมเดลเอไอ แต่พวกเขา คือ ผู้ที่ควบคุมการผลิตชิปและหน่วยประมวลผลที่เป็นหัวใจการทำงานของโมเดลเอไอขนาดใหญ่ ซึ่งมีความสำคัญและทรงอิทธิพลในระดับที่ไม่อาจมองข้ามได้
การจะทำให้เอไอเก่งขึ้น ต้องทำให้โมเดลเอไอมีขนาดใหญ่ขึ้นกล่าวคือ มีข้อมูลมากขึ้น และมีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งต้องการทีมวิจัยด้านเอไอที่เก่งโดยคนเหล่านี้มักทำงานอยู่กับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เหล่านั้น แต่การที่ทำให้โมเดลขนาดใหญ่เหล่านั้นทำงานได้ ต้องอาศัยพลังประมวลผลมหาศาลในการฝึกฝนและปรับแต่งโมเดล ซึ่งก็ต้องการเซมิคอนดักเตอร์ประมวลผลที่เรียกว่า หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) จำนวนมาก ยิ่งโมเดลเอไอมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการ GPU ที่ทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น และการจะผลิตเซมิคอนดักเตอร์ออกมาจะมีห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนและกระบวนการบางช่วงขึ้นอยู่กับบริษัทเพียงไม่กี่ราย
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จึงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการแข่งขันด้านเอไอ ซึ่งไม่อาจแยกออกได้ระหว่างความก้าวหน้าของเอไอ และประสิทธิภาพของ GPU ซึ่งแน่นอนคนจะนึกถึงบริษัทผลิตที่ชื่อ Nvidia ที่ทุกวันนี้ผู้ผูกขาดตลาด GPU โดยมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 80%
Nvidia จึงกลายเป็นศูนย์กลางที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ในห่วงโซ่อุปทานของเทคโนโลยีเอไอ ความสามารถในการผลิต GPU ที่มีประสิทธิภาพสูงของ Nvidia ทำให้พวกเขากลายเป็นแรงผลักดันหลักในการพัฒนาเอไอที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ ดังนั้นการที่แทบทุกระบบเอไอทั่วโลกต้องพึ่งพา GPU ของ Nvidia ทำให้เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับการผูกขาดที่อาจส่งผลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต ซึ่งก็เริ่มเห็นว่าการจะหาซื้อ GPU ประสิทธิภาพสูงในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้แต่บริษัทใหญ่อย่าง OpenAI หรือ Teslaก็ประสบปัญหากับการหา GPU จำนวนมากมาพัฒนาโมเดลเอไอใหม่ๆ ของพวกเขาที่ยิ่งต้องการ GPU จำนวนมหาศาล
Nvidia เป็นผู้ออกแบบ GPU ไม่ได้ผลิตชิปเอง แต่จะพึ่งพาบริษัทอื่นในการผลิต ซึ่งส่วนแบ่งการตลาด 68% อยู่ที่ไต้หวัน และผู้คนจะนึกถึงบริษัท TSMC ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลก TSMC มีความสามารถในการผลิตชิปที่ละเอียดและซับซ้อนที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของตลาดเอไอได้อย่างทันท่วงที การผลิตชิปที่ซับซ้อนอย่าง GPU จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตที่แม่นยำอย่างสูง และก็มีเพียงไม่กี่บริษัทในโลกนี้ที่ทำได้ ปัจจุบัน TSMC ผูกขาดตลาดในการผลิตชิปขั้นสูงถึง 90%
นอกจากนี้ขั้นตอนหนึ่งของการผลิตชิปจำเป็นต้องใช้เครื่องจักร EUV lithography ซึ่งใช้แสงอัลตราไวโอเลตในการแกะสลักวงจรลงบนแผ่นซิลิคอน ซึ่งทำให้สามารถสร้างทรานซิสเตอร์ที่มีขนาดเล็กจิ๋วเพียงไม่กี่นาโนเมตรได้ ทรานซิสเตอร์เหล่านี้เป็นส่วนประกอบพื้นฐานของชิป ยิ่งทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กลง ก็ยิ่งสามารถบรรจุทรานซิสเตอร์จำนวนมากขึ้นลงบนชิปได้ ส่งผลให้ชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ในปัจจุบันบริษัท ASML ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้ผลิตเครื่องจักร EUV lithography เพียงรายเดียวในโลก ทำให้ ASML มีอำนาจผูกขาดในตลาด และมีอิทธิพลมากต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ความซับซ้อนเครื่องจักร EUV lithography ทำให้ยากต่อการลอกเลียนแบบเทคโนโลยี ท้ายที่สุด ทั้งหมดนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากขาด บริษัท ASML จากเนเธอร์แลนด์ที่ผูกขาดการผลิตเครื่องจักร EUV lithography ที่ใช้ในการผลิตชิปที่มีความละเอียดสูงสุดในปัจจุบัน
ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐ และจีน ตระหนักถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์เอไอ และพยายามเป็นผู้นำด้านนี้ การเข้าถึงเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงจึงกลายเป็นประเด็นสำคัญในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ แม้ว่าจีนจะเป็นหนึ่งในประเทศผู้นำทางด้านเอไอของโลก แต่จีนยังคงต้องพึ่งพาการนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์จำนวนมาก และกำลังเผชิญกับสงครามทางการค้าที่ทางสหรัฐอเมริกากีดกันการนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงโดยเฉพาะ GPU ขั้นสูงจากบริษัทNvidia และเครื่องจักร EUV lithography จาก ASML
แม้จีนจะมีความพยายามในการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ แต่เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนและการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้เกิดความท้าทายและความไม่แน่นอนอย่างมากต่ออุตสาหกรรมนี้ และจีนคงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะตามทันในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาโมเดลเอไอขนาดใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีในจีน
ทั้ง Nvidia, TSMC และ ASML จึงไม่ได้เป็นเพียงผู้เล่นในอุตสาหกรรมการผลิตชิปเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นเสาหลักที่หนุนให้เทคโนโลยีเอไอสามารถก้าวกระโดดไปได้ไกล หากขาดการผลิต GPU จาก Nvidia หรือจาก TSMC หรือขาดเครื่องจักรจาก ASML การพัฒนาโมเดลเอไอที่มีความซับซ้อนสูงขึ้นก็จะชะงักลง นี่คือการควบคุมอำนาจที่หลายคนอาจไม่เคยนึกถึง
การทำความเข้าใจถึงบทบาท Nvidia, TSMC และ ASML ในโลกเอไอ ทำให้เห็นถึงความซับซ้อนห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้ง ทุกขั้นตอนการพัฒนาเอไอ ตั้งแต่วิจัย ฝึกโมเดล ไปจนถึงการใช้งานจริง ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากเทคโนโลยีบริษัทเหล่านี้ การพัฒนาที่สำคัญและก้าวกระโดดของเอไอในอนาคต จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพียงแค่บริษัทผู้พัฒนาโมเดล แต่ขึ้นกับการที่บริษัทผู้ผลิตชิปสร้างหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงได้เพียงพอ ตอบสนองความต้องการอุตสาหกรรมเอไอที่โตอย่างรวดเร็วเพียงใด การเชื่อมโยงและการทำงานร่วมกันของบริษัทเหล่านี้ จึงเป็นกุญแจสำคัญทำให้เทคโนโลยีเอไอก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง