“AI PC ยังคือฮีโร่!” จากปากคำผู้จัด "COMMART" โค้งสุดท้ายหนักหน่อยแต่ไปต่อ
สัมภาษณ์พิเศษ "พรชัย จันทรศุภแสง" ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี หนึ่งในหัวเรือใหญ่งาน "COMMART TECHXPRO" มหกรรมสินค้าเทคโนโลยีส่งท้ายปี มองตลาด AI PC และโอกาสของนักพัฒนาไทยในเวทีสินค้าไอทีระดับนานาชาติ
เข้าโค้งสุดท้ายงาน COMMART TECHXPRO ไปพร้อมๆ กัน กับบทสัมภาษณ์พิเศษ พรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี ผู้จัดงาน COMMART ที่ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 24 แล้ว และเป็นงานคอมมาร์ตครั้งที่ 66 บนถนนของงานสินค้าเทคโนโลยีที่ใหญ่สุดของไทย ตกตะกอนเป็นมุมมองถึงเทรนด์และอนาคตของตลาดนี้
ในยุคที่ AI PC กำลังเป็นเมนสตรีม ส่งผลอย่างไรกับตลาดสินค้าไอที และยังมีเทรนด์อะไรที่สร้างสีสันให้วงการนี้บ้าง
อะไรเป็น Hero Products ของงาน COMMART ครั้งนี้?
“Hero Product ของงานคอมมาร์ตอย่างไรก็เป็นโน้ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์เช่นเคย เพียงแต่ว่าตัวกระแสหรือเทรนด์เกิดขึ้นจะหันเหมาที่ AI PC และ AI Notebook หรือจริงๆ ก็คือทุกอุปกรณ์ที่ใส่ AI ได้ เราจึงได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่เป็น AI มากยิ่งขึ้นในงานคอมมาร์ตรอบนี้”
ตลาดของ AI PC โตเต็มที่หรือยัง?
“ยังครับ น่าจะยังอยู่ในช่วงเริ่มๆ คงได้เห็นนวัตกรรมความเป็น AI เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ ถามว่าจาก AI สมัยก่อนที่เราใช้บน Cloud บนออนไลน์ บนแพลตฟอร์มต่างๆ ตอนนี้เข้ามาสู่ยุคที่เป็น AI ที่ถูกใส่เข้าไปในฮาร์ดแวร์ แน่นอนแหละว่าการใส่เข้าไปในฮาร์ดแวร์ก็จะช่วยเรื่องความปลอดภัย เพราะบางทีข้อมูลที่เรากรอกเข้าไป สิ่งที่เราใส่พรอมพ์เข้าไปมันก็อาจจะมีข้อมูลบางอย่างที่ละเอียดอ่อน แต่พอเป็น AI ในฮาร์ดแวร์ มันก็จะช่วยป้องกันตรงนี้
อีกส่วนคือเรื่อง Speed การทำงานที่เร็วขึ้นเพราะไม่ต้องส่งผ่านออนไลน์วิ่งไปวิ่งมา”
การพัฒนาชิปประมวลผล จะส่งผลให้ AI PC มีโอกาสเติบโตมากขึ้นแค่ไหนอย่างไร?
“มันต้องมีผล เพราะเป็นกระบวนการทางการตลาดที่แต่ละบริษัทในธุรกิจนี้ต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่มาจะมีทั้ง Minor Change กับ Mega Change แต่ส่วนมากเราจะเห็นเป็น Minor Change แหละ เพื่อเป็นการขยับสเตป บางทีก็มองว่าผู้ผลิตเองก็คงจะแบ่งเฟสอยู่แล้วว่าสุดท้ายเขามองไทม์ไลน์ว่าจะไปทางไหน ก็คงทยอยปล่อยออกมาที่ละสเตปๆ ครับ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็คงส่งผลให้ตลาดใหญ่เคลื่อนไหว ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนี้ Minor Change ที่ออกมามีผลในแง่ความรู้สึกของคนให้อยากได้อยากซื้อแค่ไหน ก็คงไปบวกกับแคมเปญการตลาด โปรโมชันต่างๆ ด้วย”
มองเทรนด์ AI PC ปีหน้าเป็นอย่างไร?
“ถ้าในฐานะคนจัดงานคอมมาร์ตก็มองว่าเทรนด์ของ AI PC ปีหน้าก็คงเดินต่อ แต่อาจยังไม่ถึงขนาดหวือหวามากนัก เพราะผมมองว่านวัตกรรมความเป็น AI เนี่ย มันทำให้ทำอะไรก็ดูง่าย ไอ้ความง่ายตรงนี้มันเลยทำให้เราไม่รู้ว่ามันมีอะไรแปลกออกไป จะไม่เหมือนยุคสมัยก่อนที่จากมือถือปุ่มๆ แล้วมาเป็นจอทัชสกรีน ไม่ต้องมีปุ่มแล้ว หรือการที่เคยต้องทำอะไรหลายขั้นตอนในคอมพิวเตอร์ เดี๋ยวนี้แค่คลิกเดียวก็ทำอะไรได้หลายอย่าง หรือการรีทัชภาพสมัยก่อนสักภาพหนึ่งยากมาก เดี๋ยวนี้มี AI ที่เอาแบ็คกราวด์ออกแล้ว พอเราเจอความง่ายเรื่อยๆ เราก็เริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างดูจะชินๆ ไป อาจจะไม่รู้สึกกระแทกแรงเหมือนสมัยก่อน แต่ก็เชื่อว่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ ในตลาดแน่นอน”
อะไรใหม่ๆ เช่นอะไร?
“ตอนนี้ก็คงเดายาก แต่ในมุมผมมันก็คงจะมีความเป็น AI ที่ฉลาดขึ้น อย่างตอนนี้เราจะพบว่ามันฉลาดแหละ แต่ก็ยังกว้างๆ เราอาจได้เห็นความจำเพาะเจาะจงมากขึ้น ยกตัวอย่างมีคนเคยบอกพี่ว่าต่อไปเวลคิดคอนเซปต์งาน เราให้ AI ช่วยคิดได้ ก็ลองดูนะ ลองใส่พรอมพ์หลายๆ แบบ ก็ยังพบว่ามันเป็นการตอบเชิงทฤษฎี มันไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดเหมือนเราระดมสมองคนจริงๆ มันไม่มีความครีเอทีฟ แต่อนาคตเราก็คงได้เห็นว่ามันมีความครีเอทีฟหรือความจำเพาะเจาะจงได้มากขึ้น”
ถ้าเทียบปลายปีที่แล้วไปจนถึงปีหน้า กราฟการเติบโตเป็นอย่างไร?
“ถ้าในแง่ของความก้าวหน้าเทคโนโลยีมันก็เพิ่มขึ้นอยู่แล้วแหละ ส่วนในแง่ของการซื้อของตลาดตรงนี้ช่วงแรกของ AI PC อาจด้วยราคาก็ยังเป็นปัจจัยหลักให้รอตัดสินใจก่อน จะมีเฉพาะกลุ่มคนที่ตามทฤษฎีว่ากลุ่มคนที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ ก็จะยอมควักเงินซื้อ แต่พอผ่านมาถึงปีนี้ราคาก็ดูเบาลง จับต้องได้มากขึ้นจากที่เมื่อก่อนเราเห็นแต่รุ่นท็อปๆ แต่เดี๋ยวนี้มีทุกรุ่น รุ่นกลางๆ ก็มี AI ด้วยความที่อุปกรณ์ที่อยู่ข้างในมันประกอบด้วยอะไรหลายอย่างมารวมกัน ตอนนี้พวก CPU ก็มี AI การ์ดจอก็มี AI ทุกอย่างมี AI หมดเลย พอมันมารวมกันก็เลยดูเหมือนราคาไม่ได้โหดเหมือนสมัยก่อน จับต้องได้มากขึ้น และปีหน้าราคาก็คงเบาลงแต่ความสามารถก็อาจจะเพิ่มขึ้น แต่คำว่าราคาเบาลงก็ไม่ได้ถึงขนาดถูกมาก รุ่นเก่าก็จะถูกลง ส่วนของใหม่ก็อาจจะเแพงขึ้น”
คาดการณ์ยอดขายงาน COMMART รอบนี้เป็นอย่างไร?
“เราก็ยังหวังแบบ Conservative นะ เมื่อกลางปีเราคาดไว้ที่ 3,300 ล้าน ซึ่งสุดท้ายก็ดีขึ้นมากกว่าที่คาดไว้นิดหนึ่งคือ 3,400 ล้าน เราก็คาดหวังว่างานปลายปีซึ่งปกติแล้วงานที่มียอดขายสูงสุดคือกลางปี แต่เราก็ยังหวังว่าด้วยแคมเปญ ด้วยโปรโมชันที่เราอัดลงไปก็น่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ รวมถึงแต่ละเจ้าเองก็ขนของที่มีทั้งหมดมาเทขายส่งท้ายปี ก็ทำโปรโมชันค่อนข้างแรง หวังว่ารอบนี้ก็น่าจะปิดได้ใกล้ๆ กันกลางปีคือ 3,400 ล้าน”
คิดว่าอะไรเป็นปัจจัยบวกของงาน COMMART ครั้งนี้?
“ผมมองว่าปัจจัยบวกอาจจะไม่ใช่ปัจจัยบวกที่มาจากภายนอก คือไม่ได้มาจากเชิงนโยบายเหมือนครั้งก่อนๆ เช่น ช้อปดีมีคืน หรือการทำเรื่องภาษีอะไรทำนองนั้น ช่วงนี้ไม่มี อาจจะด้วยความที่เขาไปกระตุ้นที่เงินหมื่น ซึ่งตรงนั้นก็มีผลระดับหนึ่งนะ จะบอกว่าไม่มีผลเลยก็ไม่ได้ เพราะคนมีเงินหมื่นจะถูกเอาไปใช้อยู่สองสามปัจจัย บางคนเอามาดำรงชีวิต ข้าวปลาอาหาร แต่โดยธรรมชาติมนุษย์พอมีเงินประมาณนี้มักจะซื้อของที่เขาอยากได้ ก็พวกมือถือ คอมพิวเตอร์ แก็ดเจ็ต ที่เขาจะเอามาเติมเต็มบางอย่างที่เขาขาดหายไป หรือบางคนอาจมองว่าเป็นโอกาสที่จะเอามาลงทุน สมมติอยากเป็นครีเอเตอร์ ทำคอนเทนต์ เดี๋ยวนี้ทุกคนคิดว่าฉันก็เป็นครีเอเตอร์ได้ ก็อาจจะเอามาซื้อมือถือ ซื้อโน้ตบุ๊คที่เอามาทำคอนเทนต์ตรงนี้ได้ แต่ก็ไม่ใช่ปัจจัยแรงมาก
ส่วนปัจจัยบวกที่สำคัญคือจากภายใน ตัวผู้จัดเองหรือคนที่ออกบูธเอง ทุกคนก็สู้กันยิบตา เพราะมันเป็นช่วงโค้งสุดท้ายที่จะทำอะไรกับแคมเปญตรงนี้ได้ ซึ่งพอทำออกมาผมก็มองว่ามันน่าจะเป็นปัจจัยส่งเสริมซึ่งกันและกันที่กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย”
แคมเปญไฮไลต์ในงาน COMMART รอบนี้?
“อย่างที่ทราบว่าเราจัดงานคอมมาร์ตมา 66 ครั้ง ปีที่ 24 ก็เริ่มมีคำถามว่าคอมมาร์ตขายของอย่างเดียวเหรอ ก็คุยกันในทีมว่าเราน่าจะทำอะไรบางอย่างไหม จัดประกวดอะไรดี ก็เลยคิดว่าเราจะจับมือกับใครดี ก็มองไปที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เราก็คิดกันว่าจะไปคุยกันในมุมไหนที่ดูเป็นทั้งท่องเที่ยวและเป็นเทคโนโลยี เลยมาตกผลึกเป็นโซน Tech Tiew Thai by TAT และการประกวดออกแบบคีย์แคปซึ่งคีย์แคปกำลังเป็นกระแส บวกกับเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เป็นที่มาของการการประกวดออกแบบคีย์แคปในคอนเซปต์ซอฟต์พาวเวอร์
โจทย์ของเราคือคีย์แคปที่ส่งเข้ามานี้จะต้องช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้รู้สึกอยากไปเที่ยว อยากสัมผัสวัฒนธรรมเมืองไทย ตอนแรกยังแอบคิดว่าเขาจะคิดกันได้ไหมนะ ปรากฏว่าก็มีไอเดียแปลกๆ ที่เราคาดไม่ถึง เรื่องง่ายๆ ที่เรามองข้าม เช่น คีย์แคปหมูเด้ง หรือหมูกระทะ ผมชอบมากเลย เพราะหมูกระทะเป็นอะไรที่สะท้อนความเป็นประเทศไทยได้ หรือแนวไทยๆ เลย อย่างศิลปะวัฒนธรรมที่เอาดีไซน์เป็นคีย์แคป มีผลงานเกือบร้อยผลงาน เราก็คัดมาจนสุดท้ายเหลือ 9 ผลงานที่ได้รับรางวัล”
เทรนด์ของคีย์แคปเป็นอย่างไรบ้าง?
“เทรนด์คีย์แคปมาประมารสองปีแล้ว ส่วนหนึ่งที่เราดูสถิติจากคนที่ซื้อของจากในงานคอมมาร์ตเราก็เห็นว่าตลาดนี้โตขึ้นเยอะมาก อาจจะไม่ถึงกับใหญ่สุดหรอก แต่จากน้อยๆ เด้งมาจนเห็นได้ชัดว่าเปอร์เซ็นต์มันเติบโต เราก็เอาข้อมูลนี้มาวิเคราะห์กัน
อีกข้อมูลหนึ่งที่เราเก็บไว้ก็คือเรื่อง Smart Home มีคนพูดถึงว่าอยากให้มีเรื่อง Smart Home เข้ามา รอบนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เราทำให้เป็นรูปธรรม ที่โซน Smart Home ก็มีโชว์ เป็นความร่วมมือของคอมมาร์ตกับทางสมาคมไทย IoT ที่ช่วยเนรมิตพื้นที่ตรงนี้ โดยมีทาง ITan แบรนด์ Smart Home ของคนไทยมาเป็นสปอนเซอร์หลักของโซน ให้กลายเป็นบ้านจำลองที่ใช้เทคโนโลยี Smart Home อัจฉริยะ มีทั้งเทคโนโลยีที่มาจากเมืองนอกกับบางส่วนที่เป็นของนักประดิษฐ์ชาวไทยเลย”
ตลาดผู้พัฒนาสินค้าเทคโนโลยีของคนไทยเป็นอย่างไรบ้าง?
“ถ้าดูจากเปอร์เซ็นต์ของคนที่มาซื้อของในงานคอมมาร์ตมีส่วนของคนที่เริ่มเป็นนักพัฒนาหรือผู้ผลิตที่เป็นคนไทยเข้ามาในงานมากขึ้น ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่คนไทยออกมาทำอะไรแบบนี้ เราก็อยากสนับสนุน
ถึงแม้เราจะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ในแง่ของคุณภาพเราสู้แบรนด์ใหญ่ๆ ได้นะ เพียงแต่เราอาจจะยังอยู่ในหมวดผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ไฮเทคโนโลยีมาก ยังอยู่ในหมวดของ Gadget ซึ่งถามว่าจะไปสู้กับพวกแบรนด์ใหญ่ที่เขาทำการ์ดจอทำอะไรแบบนั้นก็คงใช้เวลาอีกนานกว่าจะก้าวถึงจุดนั้น แต่ผมก็มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เรามีคีย์แคปผลงานคนไทย หรือบริษัทไทยที่มีผลิตภัณฑ์พวกนี้ออกมาก็เป็นสิ่งดี”
ทำไมคนต้องมางานคอมมาร์ตส่งท้ายปีนี้?
“อย่างแรกคุณจะได้สัมผัสตัวเทคโนโลยี AI ที่จับต้องได้จริงๆ บางทีการจะซื้อสินค้าเทคโนโลยี แค่ดูทางออนไลน์ แค่ดูในคลิปรีวิว มันไม่ได้เท่ากับเราได้ลองมาเล่นจริง ซึ่งโอกาสที่คุณจะได้ลองเล่นของเหล่านี้ในที่เดียวมันไม่ได้ง่าย แต่คอมมาร์ตเรารวมไว้ให้ ลองแล้วค่อยตัดสินใจว่าชอบไม่ชอบ เหมาะกับเราหรือเปล่า เพราะการที่เหมาะกับคนในคลิปอาจจะไม่ได้เหมาะกับเรา
ส่วนที่สองคือเป็นการรวบรวมโปรโมชันที่แรงส่งท้ายปี บางคนบอกในออนไลน์ก็มีโค้ดส่วนลด แต่เราเชื่อว่าของเรามีโค้ดส่วนลดเยอะกว่า เพราะไม่ได้มีแค่ส่วนลดจากคนจัดงาน แต่เป็นโค้ดส่วนลดจากคนออกงาน เหมือนได้สองเด้ง
อย่างที่สามคือเรามีรางวัลให้คุณได้ร่วมลุ้น แน่นอนว่าทุกคนอยากได้ราคาพิเศษ สมมติได้ราคาพิเศษจากหน้าร้านแล้วคุณได้ Top Up Voucher จากงาน หรือซื้อครบ 3,000 บาท จะได้ลุ้นรับของรางวัล Big Bonus ทั้งแบบแจกรายวันและแบบที่เราให้คนสแกนใบเสร็จมาลุ้นรับรางวัลได้โดยที่ไม่ต้องมาต่อแถว เรามีหลายอย่างให้คนที่มางานนี้
และที่สำคัญการมาคอมมาร์ตมันได้คอมมูนิตี้ที่น่ารักๆ ในงานของเรา”
ใครยังไม่ได้ไปงานนี้ห้ามพลาด เพราะถึงโค้งสุดท้ายแล้วสำหรับงาน COMMART TECHXPRO ที่จะจัดถึงวันที่ 1 ธ.ค. 2567 เวลา 10.00 น. – 21.00 น. ณ EH 98 - 99 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา