Spotify ไม่รู้จักพอ! คำแถลงเปิดศึก 'App Store' vs 'Spotify' สงครามเพลงดิจิทัล

Spotify ไม่รู้จักพอ! คำแถลงเปิดศึก 'App Store' vs 'Spotify' สงครามเพลงดิจิทัล

ตลาดเพลงดิจิทัลร้อนระอุอีกครั้ง หลัง Apple ออกคำแถลงเรื่อง App Store, Spotify และตลาดเพลงดิจิทัลที่กำลังเฟื่องฟูในยุโรป ปมการตัดสินจาก EU ระบุ "App Store" เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันในตลาดเพลงดิจิทัล โดยมีคู่กรณีเป็น "Spotify"

KEY

POINTS

  • สงครามตลาดเพลงดิจิทัลระอุอีกครั้ง หลัง Apple ออกคำแถลงเรื่อง App Store, Spotify และตลาดเพลงดิจิทัลที่กำลังเฟื่องฟูในยุโรป ปมการตัดสินจาก EU ระบุ App Store เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันในตลาดเพลงดิจิทัล
  • Apple ระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา App Store ได้ช่วยให้นักพัฒนาทั้งรายใหญ่และรายย่อยสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและเข้าถึงผู้คนทั่วโลก และ Spotify ก็เป็นหนึ่งในนั้น
  • Apple บอกว่า Spotify ไม่เคยจ่ายค่าตอบแทนใดๆ แก่ Apple เลย นั่นเป็นเพราะว่า Spotify มีสิทธิ์เลือก เช่นเดียวกับนักพัฒนาหลายๆ รายใน App Store
  • Apple เชื่อว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปีและในการประชุมกับ Spotify มากกว่า 65 ครั้ง คณะกรรมาธิการยุโรปได้พยายามสร้างข้อกล่าวหาที่แตกต่างกันสามข้อ โดยในทุกๆ ประเด็นที่ยกมา พวกเขาได้จำกัดขอบเขตการกล่าวอ้างของตนให้แคบลง และแต่ละทฤษฎีก็มีคุณสมบัติสองประการที่เหมือนกัน

ตลาดเพลงดิจิทัลร้อนระอุอีกครั้ง หลัง Apple ออกคำแถลงเรื่อง App Store, Spotify และตลาดเพลงดิจิทัลที่กำลังเฟื่องฟูในยุโรป ปมการตัดสินจาก EU ระบุ "App Store" เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันในตลาดเพลงดิจิทัล โดยมีคู่กรณีเป็น "Spotify"

Apple ออกคำแถลงการณ์ หลังจากวันที่ 4 มีนาคม 2567 คณะกรรมาธิการยุโรปได้แถลงผลการตัดสินที่ระบุว่า App Store เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันในตลาดเพลงดิจิทัล แม้จะมีคำแถลงดังกล่าวออกมา แต่คณะกรรมาธิการยังเปิดเผยหลักฐานที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับอันตรายต่อผู้บริโภคไม่ได้ และเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าตลาดเพลงดิจิทัลในยุโรปกำลังเฟื่องฟู มีการแข่งขัน และเติบโตอย่างรวดเร็ว

โดยผู้สนับสนุนหลักสำหรับการตัดสินในครั้งนี้และผู้ที่ได้รับประโยชน์มากที่สุดคือ Spotify แอปสตรีมเพลงที่ใหญ่ที่สุดในโลก และได้เข้าพบคณะกรรมาธิการยุโรปกว่า 65 ครั้งในระหว่างการสืบสวน

คำแถลงระบุว่า Spotify ไม่เคยจ่ายค่าตอบแทนใดๆ แก่ Apple สำหรับบริการที่ช่วยให้พวกเขากลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก ความสำเร็จส่วนใหญ่ของ Spotify มาจาก App Store รวมถึงเครื่องมือและเทคโนโลยีทั้งหมดที่ Spotify ใช้ในการสร้าง อัปเดต และแชร์แอปกับผู้ใช้ Apple ทั่วโลก

"เราภูมิใจที่ได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนความสำเร็จของ Spotify เช่นเดียวกับที่เราสนับสนุนนักพัฒนาทั้งรายใหญ่และรายย่อยนับตั้งแต่วันแรกๆ ของการเปิดตัว App Store"

สำหรับเนื้อหาในคำแถลงมีดังต่อไปนี้

เส้นทางของ App Store

"Apple" มีเป้าหมายอันเรียบง่ายสองประการนับตั้งแต่การเปิดตัว App Store เมื่อกว่า 15 ปีที่แล้ว นั่นคือการสร้างสื่อกลางที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้สำหรับผู้ใช้ของเรา และการสร้างโอกาสทางธุรกิจที่น่าทึ่งสำหรับนักพัฒนา แนวทางดังกล่าวอาจฟังดูเรียบง่ายก็จริง แต่ระบบเศรษฐกิจแอปที่เกิดขึ้นโดย App Store นั้นช่วยขับเคลื่อนหนึ่งในเส้นกราฟการเติบโตที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยี

ปัจจุบัน นักพัฒนาบน App Store มีการแข่งขันกันอย่างเท่าเทียม แอปต่างๆ ได้รับการตรวจสอบตามกฎที่ครอบคลุมซึ่งออกแบบมาเพื่อปกป้องผู้ใช้ของเรา และการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้หมายความว่านักพัฒนาทั้งรายใหญ่และรายย่อยสามารถเข้าถึงอุปกรณ์ได้มากกว่าพันล้านเครื่องทั่วโลก

ตลอดเวลาที่ผ่านมา App Store ได้มอบคุณค่าให้กับนักพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ แต่นักพัฒนาส่วนใหญ่ คิดเป็นประมาณ 86 เปอร์เซ็นต์ไม่เคยจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้แก่ Apple เลย

ในปัจจุบัน มีเพียงสองกรณีเท่านั้นที่นักพัฒนาใน App Store จะจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้แก่ Apple นั่นคือเวลาที่ผู้ใช้ซื้อแอปแบบมีค่าใช้จ่ายจาก App Store รวมถึงการซื้อสินค้าหรือบริการดิจิทัลในแอป เช่น การสมัครสมาชิกหรือการเพิ่มพลังในเกม

แต่หากนักพัฒนาขายสินค้าที่จับต้องได้ แสดงโฆษณาในแอปของพวกเขา หรือเพียงแค่แชร์แอปของตัวเองแบบฟรีๆ พวกเขาจะไม่ต้องจ่ายอะไรให้แก่ Apple เลย เช่นเดียวกับเวลาที่นักพัฒนาขายการสมัครสมาชิกบนเว็บเพื่อให้ผู้ใช้จ่ายเงินซื้อ ก่อนที่จะเข้าใช้แอปบนอุปกรณ์ของตน นักพัฒนาแอปเพลงยังสามารถใส่ข้อมูลเกี่ยวกับข้อเสนออื่นๆ ที่มีให้บริการนอกแอปของพวกเขา พร้อมลิงก์ที่จะนำผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์เพื่อสร้างและจัดการบัญชีของตนได้ด้วย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา App Store ได้ช่วยให้นักพัฒนาทั้งรายใหญ่และรายย่อยสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและเข้าถึงผู้คนทั่วโลก และ Spotify ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของเรื่องนี้

Spotify ไม่รู้จักพอ! คำแถลงเปิดศึก \'App Store\' vs \'Spotify\' สงครามเพลงดิจิทัล

ส่วนแบ่งการตลาดที่โดดเด่นของ Spotify

"Spotify" เริ่มต้นจากการเป็นสตาร์ทอัปเล็กๆ ในเมืองสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน และได้ขยายบริษัทจนกลายเป็นธุรกิจเพลงดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามีส่วนแบ่งมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ในตลาดยุโรป และยังมีส่วนแบ่งบน iOS ที่สูงกว่าบน Android อีกด้วย

แต่นั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ เนื่องจากตลาดเพลงดิจิทัลในยุโรปมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัทต่างๆ จึงแข่งขันกันเพื่อหาลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าเองก็มีตัวเลือกมากมาย โดยในปีที่แล้ว มีผู้สมัครสมาชิกบริการสตรีมเพลงเกือบ 160 ล้านราย จาก 25 ล้านรายในปี 2015 และคิดเป็นอัตราการเติบโต 27 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

บริษัทต่างๆ เช่น Google, Amazon, Deezer, SoundCloud และ Apple ต่างก็แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงลูกค้าอยู่เป็นปกติ แต่ Spotify ยังคงอยู่ในอันดับต้นๆ

Spotify ไม่เคยจ่ายค่าตอบแทนใดๆ แก่ Apple

แม้จะประสบความสำเร็จในระดับนั้นและ "App Store" เองก็มีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จของพวกเขา แต่ Spotify เองกลับไม่เคยจ่ายค่าตอบแทนใดๆ แก่ Apple เลย นั่นเป็นเพราะว่า Spotify มีสิทธิ์เลือก เช่นเดียวกับนักพัฒนาหลายๆ รายใน App Store โดยพวกเขาเลือกที่จะขายการสมัครสมาชิกบนเว็บไซต์ของตนแทนที่จะขายในแอป และ Apple จะไม่เก็บค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อเหล่านั้น

จากข้อมูลพบว่า แอป Spotify ได้รับการดาวน์โหลด ดาวน์โหลดซ้ำ หรืออัปเดตมากกว่า 1.19 แสนล้านครั้ง บนอุปกรณ์ Apple โดยแอป Spotify มีให้บริการบน App Store ในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก และยังมีอีกหลากหลายวิธีที่ Apple สร้างมูลค่าให้กับ Spotify โดยไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ จากบริษัท ตัวอย่างเช่น

  • การที่วิศวกรรมของเราช่วยให้แอปของ Spotify ทำงานร่วมกับ Siri, CarPlay, Apple Watch, AirPlay, วิดเจ็ต และอีกมากมายได้อย่างราบรื่น
  • และเช่นเดียวกับนักพัฒนาทุกราย Spotify สามารถเข้าถึง API ของ Apple ได้มากกว่า 250,000 รายการและใช้เฟรมเวิร์กของเราได้อีกกว่า 60 รายการ ดังนั้น แอปของพวกเขาจึงสามารถเชื่อมต่อกับบลูทูธ ส่งการแจ้งเตือน เล่นเสียงในเบื้องหลังของอุปกรณ์ผู้ใช้ และอื่นๆ อีกมากมาย
  • Spotify ได้ใช้เครื่องมือทดสอบเบต้าของเราหรือ TestFlight กับแอปเกือบ 500 เวอร์ชันเพื่อทดลองใช้คุณสมบัติและความสามารถใหม่ๆ ของแอป
  • ทีมตรวจสอบแอปของเราได้ตรวจสอบและอนุมัติแอป Spotify ไปแล้วกว่า 421 เวอร์ชั่น ซึ่งโดยปกติจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในวันเดียว และมักจะตรวจสอบให้อย่างเร่งด่วนตามคำขอของ Spotify

Apple ต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องและการลงทุนจำนวนมากเพื่อสร้างเครื่องมือ เทคโนโลยี และตลาดที่ Spotify ใช้อยู่ทุกวันนี้ หรือแม้กระทั่งการส่งวิศวกรของเราไปยังสตอกโฮล์มเพื่อช่วยเหลือทีมของ Spotify ด้วยตนเอง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยให้ผู้ใช้เปิดแอป Spotify ฟังเพลงระหว่างเดินทาง หรือขอให้ Siri เล่นเพลงจากคลังเพลงได้อย่างราบรื่น แต่ Spotify ก็ยังไม่เคยจ่ายค่าตอบแทนให้ Apple

เมื่อเป็นเรื่องของการทำธุรกิจ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ข้อตกลงที่ดีที่สุดเสมอไป แต่ถ้าเป็นของฟรี คงไม่มีใครไม่อยากได้

Spotify ต้องการมากกว่านั้น

การได้ประโยชน์แบบฟรีๆ ยังไม่เพียงพอสำหรับ "Spotify" พวกเขาต้องการเขียนกฎของ "App Store" ขึ้นใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองให้มากขึ้นอีก

Spotify ใช้อีเมล โซเชียลมีเดีย ข้อความ โฆษณาบนเว็บ และวิธีอื่นๆ อีกมากมายในการเข้าถึงผู้ที่อาจเป็นลูกค้าเช่นเดียวกับหลายๆ บริษัท และ Spotify ยังสามารถใส่ลิงก์ไว้ในแอปเพื่อนำผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บสำหรับสร้างหรือจัดการบัญชีได้ด้วยภายใต้กฎ Reader ของ App Store 

เราได้เปิดตัวกฎ Reader นี้เมื่อหลายปีก่อนเพื่อตอบสนองต่อคำติชมจากนักพัฒนาอย่าง Spotify และแอปประเภท Reader จำนวนมาก ตั้งแต่ผู้ให้บริการ e-reader ไปจนถึงบริการสตรีมวิดีโอต่างก็ใช้ตัวเลือกนี้เพื่อนำผู้ใช้ไปยังหน้าเว็บอื่น Spotify ก็สามารถทำแบบเดียวกันได้ แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ทำ

Spotify ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกฎนี้เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ตนเองด้วยการแทรกราคาสมัครสมาชิกไว้ในแอปของพวกเขาโดยไม่ใช้ระบบชำระเงินภายในแอปของ App Store พวกเขาต้องการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีของ Apple เผยแพร่แอปบน App Store และรับประโยชน์จากความเชื่อมั่นที่เราสร้างไว้กับผู้ใช้ โดยไม่ต้องจ่ายเงินให้ Apple เลยสักบาท

สรุปสั้นๆ ก็คือ Spotify ไม่รู้จักพอ

Spotify ไม่รู้จักพอ! คำแถลงเปิดศึก \'App Store\' vs \'Spotify\' สงครามเพลงดิจิทัล

ความร่วมมือของ Spotify กับคณะกรรมาธิการยุโรป

ในปี 2015 "Spotify" เริ่มทำงานร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรปในการสืบสวนเรื่องดังกล่าวโดยแทบไม่มีมูลความจริง พวกเขาอ้างว่าตลาดเพลงดิจิทัลได้หยุดชะงักแล้ว และ Apple กำลังรั้งคู่แข่งเอาไว้ แต่โชคร้ายตรงที่ Spotify เองยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและบดบังธุรกิจเพลงดิจิทัลอื่นๆ ในโลก ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ App Store

ตลอดระยะเวลา 8 ปีและในการประชุมกับ Spotify มากกว่า 65 ครั้ง คณะกรรมาธิการยุโรปได้พยายามสร้างข้อกล่าวหาที่แตกต่างกันสามข้อ โดยในทุกๆ ประเด็นที่ยกมา พวกเขาได้จำกัดขอบเขตการกล่าวอ้างของตนให้แคบลง และแต่ละทฤษฎีก็มีคุณสมบัติสองประการที่เหมือนกัน นั่นคือ

  • ไม่มีหลักฐานที่แสดงถึงอันตรายต่อผู้บริโภค: ผู้บริโภคชาวยุโรปมีทางเลือกมากกว่าที่เคยในตลาดเพลงดิจิทัลที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด ในเวลาเพียง 8 ปี มีสมาชิกในตลาดเพลงเพิ่มขึ้นจาก 25 ล้านคนเป็นเกือบ 160 ล้านคน โดยมีผู้ฟังที่ใช้งานอยู่มากกว่า 300 ล้านคน และ Spotify ก็เป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาโดยตลอด
  • ไม่มีหลักฐานของพฤติกรรมต่อต้านการแข่งขัน:การสืบสวนตลอดระยะเวลา 8 ปีไม่เคยเปิดเผยทฤษฎีที่พิสูจน์ได้ว่า Apple ขัดขวางการแข่งขันในตลาดที่กำลังเฟื่องฟูอย่างชัดเจนอย่างไรบ้าง

คณะกรรมาธิการยุโรปได้แถลงผลการตัดสินนี้ก่อนที่กฎระเบียบใหม่ของพวกเขาหรือ Digital Markets Act (DMA) จะมีผลบังคับใช้ Apple วางแผนที่จะปฏิบัติตาม DMA ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และแผนของเราครอบคลุมถึงการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่มีการโต้แย้งในที่นี่ด้วย สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือผลการตัดสินครั้งนี้ไม่ได้มีรากฐานมาจากกฎหมายการแข่งขันที่มีอยู่เดิม แต่เป็นความพยายามของคณะกรรมาธิการในการบังคับใช้ DMA ก่อนที่ DMA จะกลายเป็นกฎหมาย

ความจริงก็คือผู้บริโภคชาวยุโรปมีทางเลือกมากกว่าครั้งไหนๆ และถ้าวัดเรื่องการแข่งขันจริงๆ ผลการตัดสินในวันนี้ก็เป็นการตอกย้ำความมีอำนาจของบริษัทในยุโรปแห่งหนึ่งที่ประสบความสำเร็จและเป็นผู้นำในตลาดเพลงดิจิทัลตัวจริง

สิ่งที่เราจะทำต่อไป

"Apple" ดำเนินกิจการในยุโรปมานานกว่า 40 ปี และสนับสนุนงานมากกว่า 2.5 ล้านตำแหน่งทั่วทั้งทวีป เราช่วยให้ตลาดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยส่งเสริมการแข่งขันและนวัตกรรมในทุกย่างก้าว และ App Store ก็เป็นส่วนสำคัญของเรื่องราวนี้ แม้ว่าเราจะเคารพคณะกรรมาธิการยุโรป แต่ผลการตัดสินในครั้งนี้ไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุน Apple จึงตัดสินใจที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป

ตลาดเพลงดิจิทัลเป็นตัวอย่างที่ดีของเศรษฐกิจแอปที่กำลังเดินหน้า โดยตลอด 15 ปีที่ผ่านมา App Store ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า วลีง่ายๆ อย่างมีแอปสำหรับทุกเรื่องที่คุณต้องการเป็นความจริงอย่างที่สุด และเบื้องหลังของทุกๆ แอปในวันนี้ คือบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่หรือผู้ประกอบการที่มุ่งมั่นไล่ตามความฝันของตัวเอง

ในทุกๆ วัน ทีมงานของ Apple มุ่งมั่นที่จะรักษาความฝันนั้นให้คงอยู่ต่อไป โดยการทำให้ App Store เป็นประสบการณ์ที่ปลอดภัยที่สุดและดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ของเรา โดยการทำให้นักพัฒนามีหนทางในการสร้างแอปที่น่าทึ่ง ทั้งหมดนี้ เพราะเราเชื่อว่าแอปมีความสามารถอันเหลือเชื่อในการขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เสริมศักยภาพและยกระดับชีวิตให้กับผู้คน

...

ทั้งหมดนี้คือคำแถลงจากฝั่ง Apple ที่มีต่อกรณีพิพาทในสงครามเพลงดิจิทัลครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก บทสรุปของสงครามครั้งนี้จะเป็นอย่างไรหรือจบอย่างไร คงต้องติดตามกันต่อไป