‘จีเอเบิล’ เปิดสมการโตปี 67 ท้าทายจุดเปลี่ยน 'ยุคแห่งเอไอ’

‘จีเอเบิล’ เปิดสมการโตปี 67 ท้าทายจุดเปลี่ยน 'ยุคแห่งเอไอ’

“จีเอเบิล” โชว์แผนปี 67 ชูสมการกลยุทธ์ “Sustain = Smart + Secure” ขับเคลื่อนการเติบโต ปักธงลุย “เอไอ” เต็มสูบ หวังสร้างความพร้อมภาคธุรกิจ รับมือความท้าทายยุคแห่ง “AI FIRST”

ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางธุรกิจปี 2567 มุ่งพัฒนาศักยภาพดิจิทัลโซลูชันควบคู่ไปกับการสร้างความพร้อมในการรับมือทุกความท้าทายให้ภาคธุรกิจ

ก้าวสู่เป้าหมาย “AI Ready Organization” พร้อมขยายธุรกิจใหม่ “Business Application” กับพันธมิตรระดับโลกด้าน HCM

ในฐานะ “Tech Enabler” จีเอเบิลมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจผ่านสมการกลยุทธ์ “Sustain = Smart + Secure” ช่วยยกระดับธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลในทุกมิติ พร้อมผลักดันให้องค์กรธุรกิจสามารถอยู่รอดและก้าวสู่ความสำเร็จแบบยั่งยืนในยุค “AI First”

โดยเชื่อมั่นว่ามีฐานความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและเงินทุน รวมถึงเป้าหมายหลักในการใช้เทคโนโลยีและดิจิทัลโซลูชันที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจองค์กรในอนาคต (Smart)

ขณะเดียวกัน สามารถปกป้องทุกข้อมูลสำคัญขององค์กรให้ปลอดภัย (Secure) เพื่อเพิ่มขีดสามารถในการทำกำไรและต่อยอดการเติบโตของลูกค้าได้อย่างยั่งยืน (Sustain)

‘เอไอ’ ตัวจักรขับเคลื่อนรายได้

กลยุทธ์ปี 2567 ของจีเอเบิล ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ 1. การนำ Core Businessในส่วน Enterprise Solutions and Services ที่มี 5 พอร์ตหลัก ได้แก่ Data analytics, Cloud, Cybersecurity, Application Development และ Managed Tech Services รวมกับ IP platform เข้าไปช่วยเตรียมความพร้อมเรื่อง AI Ready Data และ AI Ready Security ยิ่งเทรนด์เอไอและไซเบอร์ซิเคียวริตี้มีความต้องการสูง ก็จะสร้างการเติบโตให้กับจีเอเบิลมากขึ้น

ขณะที่ 2. การขยาย Capability ด้วยโอกาสใน Business Application ที่มีศักยภาพด้าน HCM และ ERP ผ่านการเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทระดับโลกและเฟ้นหา Smart Business Applications อื่นๆ ที่น่าสนใจเข้ามาช่วยธุรกิจของลูกค้า และ 3. มุ่งเน้นลงทุนในบริษัทที่ตอบโจทย์ สามารถทำให้ฐานธุรกิจเดิมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งในแผนจะนำเงินทุนจาก IPO ราวๆ 600 ล้านบาทไปต่อยอดเพื่อการเติบโตในอนาคต

ชัยยุทธเผยว่า เห็นโอกาสการเติบโตจากเทรนด์เอไอที่มีบทบาทกับองค์กรธุรกิจมากขึ้น เนื่องจากทุกธุรกิจองค์กรจะต้องพัฒนาระบบให้เป็น “AI Ready Organization” ทั้งระบบ ตั้งแต่การวางโครงสร้างพื้นฐานไอทีบนคลาวน์ การทำระบบ Data Analytics ผ่านซอฟต์แวร์ Big Data Platform

รวมไปถึงการวางระบบไซเบอร์ซิเคียวริตี้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ทุกระบบในองค์กรทั้ง Front Office และ Back Office มีความพร้อมในการทำงานร่วมกับเอไอในอนาคต

เชื่อว่าเอไอจะเข้ามาสร้างโอกาสการเติบโตให้กับจีเอเบิล และอีกหนึ่งโอกาสการเติบโตที่สำคัญ คือ การสร้าง Smart Organization ผ่าน Business Application โดยเฉพาะ Human Capital Management Software (HCM) เพราะทรัพยากรที่สำคัญ คือ “คน”

ข้อมูลโดยการ์ทเนอร์ เผยถึงการเติบโตเฉลี่ยของตลาด HCM ในอีก 3 ปีข้างหน้าว่าอยู่ที่ 18% เนื่องจากองค์กรต้องการสร้างความสามารถทางการแข่งขันผ่านการสร้างและพัฒนา Talent ซึ่งซอฟแวร์แพลตฟอร์มจะช่วยยกระดับองค์กรในการเอาบิ๊กดาต้าและเอไอมาใช้ทำ Talent Analytics, Skill Management และ สร้าง Productivity และ Efficiency ของพนักงานแต่ละส่วนงาน

ไอทียังมีสัญญาณบวก

ทั้งหมดนี้ จะทำให้จีเอเบิลสะสม Backlog เพิ่มขึ้นเพื่อเดินหน้า All Time High ต่อในปีนี้ ประมาณ 4,500-5,500 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าปีนี้ผลประกอบการจีเอเบิลจะเติบโตได้ราว 5-15% สามารถรักษาระดับ Gross Profit Margin ไว้ได้ที่ 20-22%

เช่นเดียวกับปี 2566 ที่ผ่านมาซึ่งรายได้จากการดำเนินการเติบโตอยู่ที่ 5,338 ล้านบาท สูงกว่าปี 2565 ถึง 13% แม้มีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ ทั้งความผันผวนของปัจจัยระดับมหภาคและอุตสาหกรรมมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น แต่จีเอเบิลยังคงเติบโตได้แบบสวนกระแส และสามารถเร่งการเติบโตของรายได้เป็นดับเบิลดิจิตได้ในทุกส่วนธุรกิจ

บริษัทวิจัยการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่า ระหว่างปี 2564 - 2570 ภาพรวมการใช้จ่ายด้านไอทีในประเทศไทยจะเติบโตโดยเฉลี่ยประมาณ 10.24%

จากปี 2564 ที่สัดส่วนมาจากบริการไอที 30% ไอทีคอมมูนิเคชัน 27% เอนเตอร์ไพรส์ซอฟต์แวร์ 20% ไอทีดีไวซ์ 16% และ ดาต้าเซ็นเตอร์ 7% 

เมื่อถึงปี 2570 จะมาจากบริการไอที 36% เอนเตอร์ไพรส์ซอฟต์แวร์ 28% ไอทีคอมมูนิเคชัน 17% ไอทีดีไวซ์ 12% และดาต้าเซ็นเตอร์ 7% จากเทรนด์ดังกล่าวเชื่อว่าธุรกิจไอทียังอยู่ในช่วงขาขึ้นและจีเอเบิลเดินหน้ามาได้ถูกทาง