จับกระแส ‘เอไอ’ เปลี่ยนโฉม การพัฒนา ‘ซอฟต์แวร์องค์กร’

จับกระแส ‘เอไอ’ เปลี่ยนโฉม  การพัฒนา ‘ซอฟต์แวร์องค์กร’

ก้าวมาถึงปี 2567 “เอไอ” ยังคงเป็นเมกะเทรนด์ทางเทคโนโลยีที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ซึ่งจับตามองอย่างมากว่าในปีนี้จะยิ่งมีพัฒนาการการเติบโตที่มากขึ้นและเป็นไปในทิศทางใด...

Keypoints :

  •  อิทธิพลเอไอผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ตลอดปี 2567
  • เอไอจะยังคงความสำคัญในลำดับต้นๆ สำหรับทุกธุรกิจ
  • ภายในปี 2568 เอไอจะเข้ามาแทนที่งาน 85 ล้านตำแหน่ง แต่จะสร้างตำแหน่งงานใหม่ถึง 97 ล้านตำแหน่ง

ลีโอนาร์ด ตัน ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคสิงคโปร์และภูมิภาคจีนแผ่นดินใหญ่ เอาท์ซิสเต็มส์ (OutSystems) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Low-Code ระดับโลก เปิดมุมมองว่า ความโดดเด่นของเอไอที่มีต่อเทคโนโลยีระดับองค์กรจะยังคงร้อนแรงต่อเนื่องในปี 2567 จับกระแส ‘เอไอ’ เปลี่ยนโฉม  การพัฒนา ‘ซอฟต์แวร์องค์กร’ โดยจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ และเอไอจะยังคงความสำคัญในลำดับต้นๆ ที่แทบทุกธุรกิจต่างมองหาโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้เพื่อนำไปพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ซับซ้อนและมีความก้าวล้ำ รวมถึงแอปพลิเคชั่นอัจฉริยะที่ใช้ประโยชน์จากข้อมูล และนำการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์และเชิงกำหนดมาใช้ เพื่อส่งมอบประสบการณ์ส่วนบุคคล (personalized) โดยเฉพาะ

ท้าทายการจัดการ ‘ข้อมูล’

ที่น่าสนใจ การบริหารจัดการข้อมูลจะกลายเป็นเรื่องที่องค์กรต่างๆ ต้องจัดให้อยู่ในความสำคัญลำดับแรกและลงทุนในเรื่องนี้

เป้าหมายของการนำเอไอไปใช้และการสร้างแอปพลิเคชั่นอัจฉริยะ จะต้องใช้ข้อมูลปริมาณมาก เพื่อส่งมอบข้อมูลเชิงลึกและช่วยในการตัดสินใจ ธุรกิจต้องตรวจสอบข้อมูลปัจจุบันของตน เพื่อให้แน่ใจว่าพร้อมสำหรับงานเอไอ

พร้อมกันนี้ ปลูกฝังความเข้าใจที่ครอบคลุมเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ เช่น การรวบรวมข้อมูล การจัดระเบียบข้อมูล การติดฉลากข้อมูล การรักษาความปลอดภัยข้อมูล และการกำกับดูแลข้อมูล

ที่น่าสนใจ ยังคงเห็นแนวโน้มที่คล้ายคลึงกันในประเด็นของ “Tech Talent” โดยที่เอไอกำลังเข้ามาแทรกแซงวิธีการใช้เวลาในที่ทำงาน

ขณะที่ 40% ของชั่วโมงทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากโมเดลภาษาขนาดใหญ่ โครงสร้างการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปนี้จะบรรเทาความตึงเครียดที่เกิดจากการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะในภาคส่วนต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ภายใต้การพัฒนาซอฟต์แวร์เอไอที่มีความสามารถในการสร้างโค้ด การทดสอบ และกระบวนการปรับใช้อัตโนมัติ ดังนั้นแทนที่จะใช้เวลากับงานที่ซ้ำซากจำเจ นักพัฒนาสามารถใช้พลังและความสามารถของตนในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนด้วยแอปพลิเคชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่

นอกจากนี้ ด้วยความสามารถในการป้อนข้อมูลด้วยภาษาที่เป็นธรรมชาติ เพื่ออธิบายแอปพลิเคชั่นที่ต้องการสร้าง จะช่วยดึงกลุ่มผู้มีความสามารถหลากหลายด้านให้มีโอกาสเข้าร่วมในการพัฒนาแอปได้มากขึ้น

กระทบภูมิทัศน์ ‘จ้างงาน’

ลีโอนาร์ดบอกว่า ปีนี้ระบบเอไอจะส่งผลกระทบต่อภูมิทัศน์งานที่กว้างขึ้น โดยคาดว่าจะเข้ามาแทนที่งาน 85 ล้านตำแหน่ง แต่จะสร้างตำแหน่งงานใหม่ถึง 97 ล้านตำแหน่งภายในปี 2568

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักวิเคราะห์คาดว่า จำนวนผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอและแมชีนเลิร์นนิงจะเพิ่มขึ้น 40% ภายในปี 2570 ซึ่งงานใหม่จะรวมถึงวิศวกรรมพรอมพ์ (ความเชี่ยวชาญในการสื่อสารกับเอไอ) การเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอสำหรับงานออกแบบ พัฒนา และปรับแต่งข้อความพรอมพ์ (Generative AI) สำหรับแอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมีเครื่องมือประมวลผลภาษาธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น

ในทิศทางเดียวกันเครื่องมือแบบ "Low-code" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้การออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ออกมาได้เร็วที่สุด ภายใต้การเขียนโค้ดที่น้อยที่สุดจะก้าวไปในทิศทางที่ส่งเสริมให้องค์กรต่างๆ สามารถสร้างแอปพลิเคชั่นเอไอมากขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ

“แพลตฟอร์มแบบ Low-code มุ่งไปสู่การบูรณาการระบบเอไอ โดยองค์กรต่างๆ จะสามารถสร้างแอปพลิเคชั่นที่ซับซ้อนมากขึ้น และควบคุมทักษะของนักพัฒนาที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

นอกจากนี้ เพื่อดึงดูดความสนใจที่เกี่ยวข้องกับโอกาสของการนำเอไอมาใช้ แพลตฟอร์ม Low-code จำนวนมากจึงพยายามสร้างแบรนด์ให้ตลาดรับรู้ว่า เขาคือเครื่องมือในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ

คาดด้วยว่าการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอในระยะต่อไป จะช่วยยกระดับงานของนักพัฒนามากขึ้น โดยที่พวกเขาจะส่งต่องานที่เป็นลักษณะรูทีนและงานที่ทำซ้ำๆ ให้กับตัวช่วยที่ขับเคลื่อนด้วยระบบเอไอซึ่งจะช่วยลดภาระของงานกิจวัตรทั่วไป และนักพัฒนาสามารถใช้เวลากับการเขียนโค้ดที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญระดับสูง 

โดยผู้ช่วยเอไอของเขาสามารถจัดการกับงานคัดลอกโค้ด การทดสอบด้วยตนเอง การสร้างและอัปเดตองค์ประกอบและเค้าโครง UI สำหรับหน้าจอที่หลากหลาย และการกำหนดค่าการสร้างสคริปต์ ฯลฯ

โดยสรุป อิทธิพลที่ยั่งยืนของเอไอในด้านเทคโนโลยีระดับองค์กรจะผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ตลอดปี 2567