เปิด 'ธรรมนูญ AI' กลุ่มทรู หนุน ‘โอกาส’ สกัด ‘ความเสี่ยง’

เปิด 'ธรรมนูญ AI' กลุ่มทรู  หนุน ‘โอกาส’ สกัด ‘ความเสี่ยง’

กลุ่ม “ทรู คอร์ปอเรชั่น” เปิดมุมมองสำคัญ จากผลกระทบ 'เอไอ’ ทำให้การกำกับดูแลเอไอถือเป็นประเด็นร้อนแรง และอภิปรายกันกว้างขวางในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป พร้อมจัดทำ 'ธรรมนูญ AI' ฉบับกลุ่มทรู หนุน ‘โอกาส’ สกัด ‘ความเสี่ยง’

Key Points : 

  • ส่องโอกาส-ความเสี่ยงจากปัญญาประดิษฐ์ กับทักษะและทางรอดในยุคทองของ Generative AI
  • เปิด“ธรรมนูญปัญญาประดิษฐ์” (True’s AI Charter) ไว้เป็นแนวทางกำกับดูแลการใช้เอไอภายในองค์กร
  • ชี้ บทบาทเอไอ ที่มีมากขึ้นจะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ
  • เจเนอเรทีฟ เอไอ (Generative AI) อย่าง Llama, ChatGPT หรือ Bard จะส่งผลต่อการลดชั่วโมงการทำงานถึง 40%

เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟท์ พร้อมด้วย ‘แซม อัลต์แมน’ ซีอีโอ โอเพ่นเอไอ ผู้นำทางการเมืองคนสำคัญและนักวิชาการชื่อดังของโลก ร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึก Statement on AI Risk ส่งเสียงเตือนถึง “ความเสี่ยงในการสูญพันธุ์ของมวลมนุษยชาติ” จาก เอไอ ซึ่งต่างเล็งเห็นการให้ความสำคัญกับปัญหาดังกล่าวเทียบเท่ากับโรคระบาดและสงครามนิวเคลียร์

สอดคล้องกับการคาดการณ์ของบริษัทที่ปรึกษาเอคเซนเชอร์ ที่ระบุว่า เจเนอเรทีฟ เอไอ (Generative AI) อย่าง Llama, ChatGPT หรือ Bard จะส่งผลต่อการลดชั่วโมงการทำงานถึง 40%

กลุ่ม “ทรู คอร์ปอเรชั่น” เปิดมุมมองสำคัญ จากผลกระทบเชิงลบจาก ‘เอไอ’ ดังกล่าว ทำให้การกำกับดูแลเอไอถือเป็นประเด็นร้อนแรง และอภิปรายกันกว้างขวางในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป

เปิด \'ธรรมนูญ AI\' กลุ่มทรู  หนุน ‘โอกาส’ สกัด ‘ความเสี่ยง’

เชื่อ เอไอ คือโอกาส

‘ชารัด เมห์โรทรา’ รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เทคโนโลยี เอไอ แท้จริงแล้วถูกพัฒนามาแล้วกว่า 10 ปี แต่ด้วยความก้าวหน้า และศักยภาพที่เติบโตขึ้นรวดเร็วก็นำมาซึ่งโอกาสและความท้าทายใหม่

“เราเชื่อว่า เอไอ จะช่วยเปลี่ยนโลกในทิศทางบวกได้ ด้วยเป้าหมายสู่การผู้นำ Telecom-Tech Company ในภูมิภาค เราขอแสดงจุดยืนสนับสนุนการใช้ เอไอในภาคธุรกิจเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้บริโภค"

ทรู ยกตัวอย่างการนำ เอไอ มาใช้ภายในองค์กร เช่น ใช้เอไอเพื่อบริหารจัดการการใช้พลังงานโครงข่าย ส่งผลให้ลดการใช้พลังงานได้ถึง 10-15% ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ ทรู คอร์ปอเรชั่น ที่ 42% ภายในปี 2573 ซึ่ง เอไอ มีบทบาทสำคัญในการคำนวณข้อมูลการใช้พลังงานที่ผ่านมา ทั้งยังสามารถคาดการณ์แนวโน้มปริมาณพลังงานที่ต้องใช้ในอนาคต รวมถึงการปิดอุปกรณ์ส่งสัญญาณในพื้นที่ที่ไม่มีการใช้งาน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า

นอกจากนี้ ยังใช้ เอไอ ในระบบลงทะเบียนลูกค้าเพื่อตรวจสอบตรวจตนจากแอปพลิเคชันโดยตรง นั่นหมายถึงความเสี่ยงจากการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลจากงานเอกสารเป็น “ศูนย์” ขณะเดียวกัน ยังได้พัฒนาเครื่องมือที่ช่วยป้อนข้อมูลที่ “จำเป็น” กับคอลเซ็นเตอร์ผ่านเอไอ เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวและบริการที่รวดเร็วยิ่งขึ้น

ขณะที่ 'ทรู ดิจิทัลกรุ๊ป' ใช้ เอไอ วิเคราะห์อาการป่วยของหมูในฟาร์มผ่านเซนเซอร์ ที่ติดกับตัวหมู ทำให้ผู้เลี้ยงสามารถตรวจจับอาการไม่พึงประสงค์และยับยั้งโรคระบาดในสัตว์ได้อย่างทันท่วงที เช่นเดียวกับ Lotus’s Pick & Go by True Digital ร้านค้าอัจฉริยะไร้พนักงานที่นำ เอไอ เข้ามาพัฒนางานค้าปลีก สร้างประสบการณ์ชอปปิงให้สมาร์ท รวดเร็วและง่าย เพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน และจัดการสต็อกสินค้าอย่างเรียลไทม์

3 หลัก 4 แนวทางใช้ AI

ท่ามกลางศักยภาพของ เอไอ ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มทรู ตระหนักถึงความจำเป็นในการกำกับดูแลการใช้เอไออย่างยิ่งยวด เพื่อการันตีถึงการใช้ เอไอภายในองค์กรให้ดำเนินอย่างถูกต้อง ปลอดภัย และมีจริยธรรม

“ความเสี่ยงที่แท้จริงคือ การโอบรับเทคโนโลยีที่ล่าช้าของประเทศไทย หากภาครัฐและเอกชนเมินเฉย ประเทศไทยจะถุกทิ้งไว้ข้างหลังในทุกสมรภูมิแข่งขัน” ชารัด ให้มุมมอง

พร้อมกล่าวเสริมว่า "ผู้ใช้งานจำเป็นต้องหา สมดุล การใช้ เอไอ ที่มาพร้อมกับความเสี่ยง เช่น ความผิดพลาด การละเมิดความเป็นส่วนตัว และความลำเอียง"

ทรู เป็นหนึ่งบิ๊กคอร์ปใหญ่ ที่ได้กำหนดหลัก 3 ประการ ใช้ เอไออย่างมีประสิทธิภาพ

  1. การใช้ เอไอ ต้องมีการกำหนดเป้าหมายอย่างเป็นรูปธรรม
  2. บุคลากรของ ทรู ทุกคนจะต้องมีความรู้ด้านเทคโนโลยี เพื่อเตรียมพร้อมสู่องค์กรแห่ง Data-First และ AI-First ต่อไป
  3. การใช้เอไอต้องยึดหลักจริยธรรมเป็นแก่นสำคัญ

นอกจากนี้ ยังได้ร่าง “ธรรมนูญปัญญาประดิษฐ์” (True’s AI Charter) ไว้เป็นแนวทางกำกับดูแลการใช้เอไอภายในองค์กร ด้วยมีทั้งหมด 4 ข้อ 

“ธรรมนูญปัญญาประดิษฐ์” (True’s AI Charter) ของ ทรู ประกอบด้วย

  1. เจตนาดี (Good Intent) เอไอ ต้องถูกใช้เพื่อประโยชน์ของลูกค้าเป็นที่ตั้ง ไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น
  2. เป็นธรรม ปราศจากอคติ (Fairness and Bias Mitigation) AI ต้องไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สะท้อนถึงการเลือกปฏิบัติ
  3. ความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและการทำงานของ เอไอ (Data Privacy and AI Functionality) ผลลัพธ์การใช้เอไอ เป็นไปตามหลักความเป็นส่วนตัว ยึดจากระดับการเข้าถึงข้อมูลที่ลูกค้าให้ไว้
  4. ความโปร่งใส (Transparency) แม้ เอไอ จะมีการทำงานที่ซับซ้อน แต่ผลลัพธ์จากการประมวลของ เอไอ จะต้องสามารถอธิบายได้ โดยคำนึงถึง “สิทธิ” ผู้บริโภคเป็นสำคัญ

ทางรอดเมื่อ เอไอ คุกคาม

ขณะที่ ดร.ชนนิกานต์ จิรา ผู้อำนวยการ ทรู ดิจิทัล อคาเดมี กล่าวว่า บทบาทเอไอ ที่มีมากขึ้นจะเข้ามาเปลี่ยนภูมิทัศน์ตลาดแรงงานอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของไทย ขณะเดียวกัน การเตรียมความพร้อมด้านเอไอจำต้องอาศัยปัจจัยสนับสนุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล ความพร้อมทางเทคโนโลยี กลยุทธ์ธุรกิจ และที่สำคัญที่สุดคือ “คน” เช่นเดียวกัน

ขณะที่ รายงานจาก เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม เรื่อง The Future of Jobs Report 2023 ระบุว่า 44% ของทักษะการทำงานคาดว่าจะเปลี่ยนไปภายใน 5 ปีข้างหน้า สอดรับกับแนวโน้มของโลกและบทบาทของเอไอที่เพิ่มขึ้น และจากแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ เพื่อการพัฒนาประเทศไทย (พ.ศ.2565-2570) หรือเอไอแห่งชาติ ระบุว่าบุคลากรไทยเพียง 39% เท่านั้นที่มีความพร้อมด้านเอไอ

เวิลด์ อีโคโนมิค ฟอรั่ม ยังระบุอีกว่า 3 ทักษะที่สำคัญในยุคดิจิทัล และเอไอ ประกอบด้วย

  1. ความรู้เท่าทันเทคโนโลยี (Technology Literacy) ความเข้าใจการทำงานของเอไอ
  2. การคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) บูรณาการเข้ากับการทำงานกับเอไอ
  3. การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) เพื่อแยกแยะความถูกต้องของข้อมูลโดยเอไอ