สดช.อ้อนรัฐอัดงบ ‘จีดีซีซี’ 2พันล. รับดีมานด์องค์กรเพิ่มเป็นแสนวีเอ็ม

สดช.อ้อนรัฐอัดงบ ‘จีดีซีซี’ 2พันล. รับดีมานด์องค์กรเพิ่มเป็นแสนวีเอ็ม

“สดช.”เร่งขับเคลื่อน "คลาว์ด เฟิร์ส" ตามนโยบายรัฐบาล เล็งของบกองทุนดีอีเพิ่มอีก 800 ล้านบาทปี 67 หลังสำรวจ พบว่าหน่วยงานรัฐ มีปริมาณความต้องการมากกว่า 100,000 วีเอ็ม

นายภุชพงค์ โนดไธสง เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เปิดเผยว่า  จากที่รัฐบาลมีนโยบาย คลาวด์ เฟิร์ส หรือนโยบายการใช้คลาวดเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายให้ทางหน่วยงานรัฐ มาใช้ระบบคลาวด์กลางภาครัฐ หรือ จีดีซีซี เพื่อให้ข้อมูลภาครัฐมีความปลอดภัย และ ช่วยลดงบประมาณที่ซ้ำซ้อนลง

ซึ่ง สดช.ได้สำรวจพบว่า หน่วยงานรัฐ มีปริมาณความต้องการมากกว่า 100,000 วีเอ็ม หรือ ระบบเสมือนเซิร์ฟเวอร์ แต่ปัจจุบันระบบสามารถรองรับการให้บริการได้แค่ 30,000 วีเอ็ม และมีหน่วยงานรัฐแจ้งความต้องการใช้งานเข้ามาอย่างเป็นทางการแล้วประมาณ 60,000 วีเอ็ม

“ตามมติคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 2,200  ล้านบาท แต่สำนักงบประมาณอนุมัติงบให้เพียง 1,100 ล้านบาท จึงได้ทำเรื่องของบเพิ่มเติมและได้อนุมัติเพิ่มมาอีกประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งก็ยังไม่ถึง 2,200 ล้านบาท ตามแผนที่วางไว้  จึงต้องจัดหางบประมาณเพิ่มเติมสำหรับปี 2567 นี้ ซึ่งอาจจะขอสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนดีอี เพิ่มเติมอีกประมาณ 700-800 ล้านบาท เพื่อให้สามารถบริการหน่วยงานรัฐได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และคาดว่าในปีหน้า จะได้รับการจัดสรร งบประมาณเพิ่มขึ้น” นายภุชพงค์ กล่าว

ทั้งนี้นโยบาย คลาวด์ เฟิร์ส ของภาครัฐบาล จะช่วยให้หน่วยงานต่างๆ มีระบบซีเคียวริตี้ที่ดีขึ้น และลดโอกาสเสี่ยงในการจะถูกแฮกข้อมูลสำคัญๆ ลดลง ซึ่งจากการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ บอร์ดดีอี ได้เห็นชอบแนวทางการ ขับเคลื่อนตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก ทั้งในส่วนของข้อกำหนด หน่วยงานรัฐผู้รับบริการ และแนวทางปฏิบัติข้อมูล (ดาต้า) มาตรฐานประเภทของบริการคลาวด์ ผู้ให้บริการคลาวด์ และการบริหารจัดการบริการ ซึ่งได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านบริการคลาวด์ในระยะ 5 ปี

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้จัดตั้ง คณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนตามนโยบายการใช้คลาวด์ เป็นหลัก เพื่อกำกับ ติดตาม และให้ข้อแนะนำในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน โดยได้มอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอี) ประสานงาน ในการส่งเสริมและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวต่อไป