‘บลูบิค’ เจาะเทรนด์เทคโนโลยีทรงอิทธิพล ยุค “Digital First World”

‘บลูบิค’ เจาะเทรนด์เทคโนโลยีทรงอิทธิพล ยุค “Digital First World”

เทคโนโลยีและนวัตกรรมจะมีอิทธิพลต่อการทำธุรกิจและการดำเนินชีวิตของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องเป็น Digital First Company

พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)เปิดมุมมองว่า ปัจจุบันการพึ่งพาเทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกันมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความยั่งยืนให้กับชีวิตของมนุษย์

กล่าวได้ว่า ภาพรวมของ “Technology Landscape” ยังคงพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งผ่านการลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง สะท้อนผ่านคาดการณ์ของ Gartner ที่ระบุว่าเม็ดเงินลงทุนด้านเทคโนโลยีทั่วโลกจะแตะ 5.1 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2567 เพิ่มขึ้น 8% จากปี 2566

อย่างไรก็ดี ปี 2567 ทั้งสถานการณ์ดอกเบี้ย สภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงกำลังซื้อที่ลดลง ยังคงเป็นปัจจัยที่มีโอกาสส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการจับจ่ายด้านเทคโนโลยีของภาคธุรกิจ และเชื่อว่าจะส่งผลกระทบอย่างแน่นอนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ต้องเป็น ‘Digital First Company’

พชรบอกว่า อิทธิพลของเทคโนโลยีและนวัตกรรมกำลังขยายวงกว้างจากระดับธุรกิจไปสู่วิถีชีวิตของผู้คนทั่วไป ที่น่าสนใจคือ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ “เอไอ” ที่กำลังกลายเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจยุค “Digital-First World” ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม

ที่ต้องระมัดระวังธุรกิจจะถูกท้าทายจากทั้งธุรกิจไร้พรมแดนที่นำมาซึ่งโอกาส ความเสี่ยง และการแข่งขันที่รุนแรง รวมไปถึงไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการใช้จ่ายที่แตกต่างกันของผู้บริโภคแต่ละช่วงวัย และการทำงานแบบ Gig Worker ที่รับค่าตอบแทนตามจำนวนงานที่ทำ 

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเศรษฐกิจ แรงกดดันด้าน Environmental, Social and Corporate Governance - ESG และความเสี่ยงจากเทคโนโลยี อาทิ จริยธรรมของปัญญาประดิษฐ์ และภัยคุกคามไซเบอร์ ที่กำลังกดดันให้องค์กรต้องเร่งยกระดับขีดความสามารถของตนเอง

เขากล่าวว่า คนรุ่นใหม่ซึ่งเป็น “ดิจิทัล เนทีฟ” มีลักษณะ พฤติกรรม บุคลิก การจับจ่าย และการใช้ชีวิตที่แตกต่าง จากคนรุ่นก่อน ธุรกิจที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องเป็น “Digital First Company” โดยที่โจทย์หลักไม่ใช่เพียงการประหยัดต้นทุน แต่เป็นการเพิ่มโอกาสและสร้างการเติบโต ขยายฐานไปสู่ตลาดและสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ๆ

ขณะเดียวกัน พยายามก้าวข้ามจากที่ผ่านมาที่ปัญหาและอุปสรรคของธุรกิจส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับบุคลากร การยึดติดกับแนวทางธุรกิจเดิมๆ และการวางกลยุทธ์ที่ไม่ชัดเจน

Gen AI ปฏิวัติวงการธุรกิจ

ด้วยเหตุนี้องค์กรยุคใหม่ที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจให้สอดรับกับสถานการณ์ มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

สำหรับ 4 แกนหลัก ประจำปี 2567 ที่จะช่วยยกเครื่องการทำธุรกิจ ผลักดันให้องค์กรสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงการวางรากฐานการเติบโตตามหลักความยั่งยืน ESG ที่จะเป็นข้อได้เปรียบทางธุรกิจในระยะยาว ประกอบด้วย

แกนที่ 1 Augmented Intelligence เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจแห่งอนาคต ภายใต้แนวคิดการผสานพลังเอไอ และมนุษย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้แก่กัน โดยขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีสำคัญที่จะเข้ามาสนับสนุนแนวคิดนี้ คือ Democratization of Generative AI

แกนที่ 2 Digital Ecosystem การสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่เชื่อมต่อหลายระบบและบริการเข้าด้วยกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับลูกค้า สามารถใช้งานได้หลากหลายผ่านช่องทางเดียว

แกนที่ 3 Digital Immunity and Trust สร้างภูมิคุ้มกันและความน่าเชื่อถือให้กับองค์กร รับมือภัยคุกคามไซเบอร์ที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แกนที่ 4 Sustainability Technologies การผสมผสานแนวคิดด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนซึ่งประกอบด้วย 1.เทคโนโลยีที่ออกแบบเพื่อแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงปัญหาสิ่งแวดล้อม และ 2. เทคโนโลยีที่สนับสนุนนโยบายด้าน ESG

บลูบิค พบเทรนด์ที่น่าจับตามองในปีหน้า คือ  AI for Sustainability ซึ่งเป็นการใช้เอไอช่วยปรับปรุงระบบการดำเนินงานและจัดการกระบวนการที่เป็นอุปสรรคต่อการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการปล่อยคาร์บอน

รวมถึง ESG Management and Reporting กระบวนการบริหารจัดการและจัดทำรายงานด้าน ESG ที่จะเข้ามาช่วยองค์กรรับมือกับแรงกดดันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม