เร่งรัดหรือเรียนรู้

เร่งรัดหรือเรียนรู้

หากเน้นเพียงแต่ความเร็วโดยละเลยความมั่นคง รอบคอบ ความเร็วก็อาจส่งผลร้ายมากกว่า

ธุรกิจในยุคดิจิทัลถูกทำให้เข้าใจผิดไปมากในแง่ของ “ความเร็ว” และ “ความรวย” นั่นคือคนทั่วไป มักเข้าใจว่าความสำเร็จในธุรกิจดิจิทัลนั้นขึ้นอยู่กับความเร็วเป็นหลัก เพราะเชื่อว่าในโลกเทคโนโลยีจะช่วยให้เห็นผลเร็วและต้องทำให้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็วเท่านั้น

เมื่อเริ่มต้นได้เร็วและสำเร็จได้อย่างรวดเร็วแล้ว คนทั่วไปก็มักจะคิดว่าความสำเร็จของธุรกิจในยุคดิจิทัลก็ต้องมีรายได้ดีตามมาทันที โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจสตาร์ตอัพที่เห็นตัวอย่างจากต่างประเทศ ก็เลยเชื่อว่าคนทำสตาร์ตอัพในบ้านเราก็ต้องรวยเร็วเหมือนกัน

ความอยากรวยเร็ว หรือประสบความสำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ จึงกลายเป็นค่านิยมสำหรับคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย หลายคนเพิ่งเริ่มต้นกิจการได้ไม่กี่เดือนก็มักจะถูกถามอยู่บ่อยๆ ว่าสำเร็จแล้วหรือยัง เช่นเดียวกับเด็กจบใหม่ ก็มักจะถูกถามเรื่องเงินเดือนว่าถึงเท่านั้นเท่านี้หรือยัง

ธุรกิจที่ค่อยเป็นค่อยไป คือเติบโตอย่างช้าๆ เน้นความมั่นคง จึงดูไม่ค่อยน่าสนใจในทุกวันนี้ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เรามองข้ามแก่นแท้ในการทำธุรกิจ เพราะความเร็วในการทำธุรกิจนั้นไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องไม่ดี แต่หากเราเน้นเพียงแต่ความเร็วโดยละเลยเรื่องความมั่นคงและรอบคอบ ความเร็วก็อาจส่งผลร้ายมากกว่า

นอกเหนือจากความเร็วแล้วเรายังพบความ “หลากหลาย” ในการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้ทำงานเพียงแค่อย่างเดียว ตำแหน่งที่ปรากฏบนนามบัตรจึงหลากหลายมาก เป็นทั้งผู้บริหาร/นักลงทุน หรือผู้บริหาร/นักสร้างสรรค์ ฯลฯ

ความหลายหลายเป็นสิ่งดี และการทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องผิดและยังเป็นความยอดเยี่ยมเสมอหากเรายังรักษาระดับการทำงานทุกอย่างเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วมีน้อยคนมากที่จะทำทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยมในเวลาเดียวกัน

เพราะโลกธุรกิจที่ความซับซ้อนมากขึ้นตลอดเวลานั้นทำให้เราทำงานยากมากขึ้นเรื่อยๆ การเน้นทำงานให้เร็ว หลากหลาย และต้องทำให้สำเร็จเพื่อความร่ำรวยในเวลาอันสั้นเป็นความท้าทายที่ยากมากสำหรับคนทั่วๆ ไป แต่ค่านิยมดังกล่าวกลับกลายมาเป็นสิ่งที่เราพยายามปลูกฝังให้กับเด็กรุ่นใหม่ 

พ่อแม่เด็กในยุคปัจจุบันจำนวนไม่น้อยจึงส่งเสริมให้ลูกเรียนเร็ว พยายามยัดเยียดกิจกรรมต่างๆ ให้ลูกมากเกินความจำเป็นจนอาจทำให้เด็กเครียด และอาจจะยิ่งเครียดมากขึ้นเมื่อเรียนจบเพราะพ่อแม่ก็มักจะคาดหวังว่าต้องได้งานดีๆ 

ซึ่งหมายถึง ได้เงินเดือนสูง ๆ แต่มองข้ามงานที่ลูกอยากทำเพราะมันอาจเติบโตช้าและรายได้ไม่มากเท่าที่พ่อแม่คาดหวัง จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เด็กยุคนี้ต้องเผชิญกับความเครียดจนกลายเป็นโรคซึมเศร้ากันตั้งแต่อายุยังน้อย

สิ่งที่อยากฝากไว้ให้คิดคือเราจำเป็นต้องมีมุมมองต่อชีวิตของเราที่ชัดเจน นั่นคือต้องมี Focus โดยไม่หลงไปตามกระแสความนิยมของคนบางส่วน การโฟกัสจะทำให้เรารู้ว่าอยากเป็นอะไร และเมื่อรู้ชัดเจนจนแน่ใจแล้วค่อยหาทางพัฒนาตัวเองให้ไปถึงจุดนั้น

การพัฒนาตัวเองหมายถึงการลงทุนกับตัวเองเพื่อให้เป็นอย่างที่จินตนาการไว้ว่าเราต้องการเป็นอะไร นั่นหมายความว่าเราต้องคิดให้หลุดจากกรอบความคิดเดิมๆ ที่มีคนขีดเส้นเอาไว้ แต่ต้องออกแบบชีวิตของเราเองว่าอยากเป็นอะไร และต้องหาคำตอบให้กับตัวเองให้ได้ว่า ทำไมเราถึงเป็นแบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ แล้วในอนาคตเราอยากเป็นอย่างไร 

โดยต้องตระหนักถึงคุณค่าในตัวของเราว่าคืออะไร และมีเรื่องราวอย่างไรที่หลอมรวมให้เป็นตัวเรา เช่นเรามีความฝันอย่างไร และอยากทำฝันให้เป็นจริงได้ด้วยอะไร

ปิดท้ายด้วยความตั้งใจจริงที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราเองให้ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ซึ่งต้องใช้ความพยายามเดินตามความคาดหวังของตัวเอง ไม่ใช่ผู้อื่น 

...ติดตามข้อคิดเพิ่มเติมได้ในฉบับหน้าครับ...