ความสุขกำหนดได้ด้วยตัวเอง (จบ)

ความสุขกำหนดได้ด้วยตัวเอง (จบ)

ความคิดบวกทำให้เรามองเห็นโอกาสและกล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ ความเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ย่อมทำให้เราตระหนักรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ 

เกริ่นไว้ใน “Think out of The Box ” ฉบับที่แล้วถึงความสุขของคนในยุคนี้ที่ดูจะลดลงเพราะเรามักปล่อยให้ความสุขของตัวเราเองต้องขึ้นอยู่กับผู้อื่น 

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว ความสุขควรสร้างจากภายในตัวเราเอง ซึ่งมีแนวทางง่ายๆ ข้อแรกคือต้องทำให้ชีวิตมีทางเลือกที่อิสระเสรีเสมอ และข้อสองต้องฝึกตัวเองไม่ให้ขึ้นกับผู้อื่นมากเกินไป

ต่อกันในข้อที่สาม ต้องทำดีกับผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เพราะมนุษย์อยู่ร่วมกันเป็นสังคมขนาดใหญ่ โดยที่ต่างคนต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน จึงมีโอกาสสูงมากที่จะมีผู้อื่นต้องการความช่วยเหลือจากเราไม่ว่าจะเป็นในหน้าที่การงานหรือชีวิตส่วนตัวก็ตาม

การทำดีกับผู้อื่นควรเป็นสิ่งที่เราทำตามปกติวิสัย อย่าเก็บมาคิดว่าการกระทำนั้นต้องได้รับผลตอบแทน เพราะเมื่อไรก็ตามที่เราคาดหวังว่าคนที่เราช่วยจะต้องตอบแทนอะไรบางอย่างกลับมาให้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอยู่บนความคาดหวังจากผู้อื่นทันที

และที่สำคัญการคาดหวังว่าจะต้องได้รับผลตอบแทนนั้นจะเป็นการรอคอยที่อาจไม่มีวันสิ้นสุด เพราะคนที่เราช่วยเหลือเขาอาจไม่ได้จดจำเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หรืออาจไม่ได้ใส่ใจเพราะเหตุผลบางประการ แต่เราเองกลับเป็นฝ่ายที่เฝ้าจดจำและรอคอยให้เขาตอบแทนกลับมาแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม

การรอคอยในลักษณะนี้จึงเป็นการอยู่ในวังวนของทัศนคติเชิงลบและทำให้เราจมอยู่ในความทุกข์เพราะมัวแต่หวังผลตอบแทนซึ่งไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่ และจะได้รับเมื่อไร ซึ่งแก้ได้ง่าย ๆ ด้วยการไม่หวังสิ่งใดตอบแทนแล้วตัดตัวเองออกจากวังวนดังกล่าว

ข้อสี่ หมั่นคิดบวกแต่ก็ต้องเตรียมตัวรับผลกระทบเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ การเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดก็คือการคิดถึงผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุด เพราะแต่ละปีมีคนเห็นโอกาสใหม่ทางธุรกิจจึงก่อตั้งบริษัทขึ้นมาเป็นจำนวนมาก แต่บริษัทเหล่านี้เมื่อผ่านไป 5 ปีอาจหายไปกว่าครึ่งเพราะไม่ได้คิดเผื่อไว้ว่าเมื่อได้รับผลเชิงลบแล้วจะรับมือกับมันอย่างไร

ความคิดบวกทำให้เรามองเห็นโอกาสและกล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ แต่การคิดถึงผลกระทบเชิงลบที่ร้ายแรงที่สุดจะทำให้เรามองเผื่อไปถึงตัวแปรอื่นๆ ที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ในตอนแรก เช่นสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนไป และเตรียมพร้อมเพื่อรองรับมันให้ได้

ยกตัวอย่างธุรกิจยอดนิยมในทุกวันนี้อย่างร้านกาแฟ ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละคนย่อมมองหาโอกาสจากลูกค้าที่สัญจรไปมา ซึ่งนั่นคือข้อมูลเบื้องต้น แต่คนที่เดินผ่านไปในแต่ละวันนั้นจะมีสักกี่คนที่มองเห็นและรู้จักร้านของเรา ทำอย่างไรให้เขาได้เข้ามาลองใช้บริการ และเมื่อลองแล้วทำอย่างไรให้เขากลับมาซื้ออีก ฯลฯ

การคิดอย่างละเอียดจะทำให้เรามีความรอบคอบและเตรียมรับสถานการณ์ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย เช่นจำนวนลูกค้าไม่เข้าเป้า จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการตลาด ระหว่างนี้หากเราเตรียมการไว้แล้วก็อาจประคองตัวเองให้อยู่รอดไปได้สัก 3-6 เดือนเพื่อรอผลเชิงบวก

แต่ถ้าไม่ได้วางแผนไว้ เมื่อไม่มีลูกค้าก็แทบจะต้องปิดกิจการทันทีเพราะไม่มีอะไรเผื่อเอาไว้เลย การคิดถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด จึงเป็นการทำให้เราเตรียมพร้อมกับทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้น อย่าคิดทุกอย่างเป็นบวกไปหมดโดยไม่ได้ดูการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้

ข้อสุดท้าย แม้ล้มลงด้วยเหตุสุดวิสัยก็ต้องยืนหยัดกลับมาในจุดเดิมให้ได้ เพราะหนทางในชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถึงเราจะคิดบวกและรีบคว้าโอกาสเอาไว้ รวมถึงคิดอย่างรอบคอบเพื่อเตรียมพร้อมสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้แล้ว แต่โลกแห่งความเป็นจริงอาจเลวร้ายกว่าที่เราคาดคิด

วิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นเป็นตัวอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครจินตนาการได้ว่ามันจะเกิดขึ้น เช่นเดียวกับภัยธรรมชาติและสงครามที่เกิดขึ้นอาจบานปลายได้อย่างที่เราคิดไม่ถึง การลุกขึ้นอีกครั้งจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เราก้าวต่อไป และเป็นการล้มไปข้างหน้าด้วยการเก็บเกี่ยวประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากความล้มเหลวที่ได้รับมาทั้งหมด

แต่การจะลุกขึ้นมาได้สำเร็จนั้นต้องเข้าใจในบริบทของสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นสถานการณ์ที่เกินความคาดคิด แต่เราก็ต้องเรียนรู้ว่ามีอะไรที่เราพลาดไปและมีอะไรที่เราจะทำให้ดีขึ้นได้หากเกิดสถานการณ์คล้ายๆ เดิมขึ้นอีก

การล้มไปข้างหน้าจะไม่เกิดขึ้นหากเราเอาแต่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วโทษทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว โทษรัฐบาล โทษลูกค้า โทษคู่แข่ง ฯลฯ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วก็ยังมีหลายคนที่ปรับตัวและอยู่รอดต่อไปได้สำเร็จ

ความเข้าใจทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ย่อมทำให้เราตระหนักรู้ว่าอะไรเป็นสิ่งที่เราปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ถึงแม้จะไม่สำเร็จในวันนี้ แต่มันจะเป็นต้นทุนให้เราแข็งแกร่งขึ้นและมีโอกาสที่จะสร้างความสำเร็จได้

ในอนาคต ความสำเร็จและความสุขของเราจึงต้องขึ้นอยู่กับตัวเราเท่านั้น อย่าปล่อยให้อยู่ในความควบคุมของผู้อื่นเด็ดขาด