ศาลฯรับคำฟ้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หลังกสทช.ไฟเขียวให้ 'ทรูควบดีแทค'

ศาลฯรับคำฟ้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค หลังกสทช.ไฟเขียวให้ 'ทรูควบดีแทค'

ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้รับคำฟ้องมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยื่นฟ้องกสทชปมไฟเขียวให้ทรู-ดีแทคควบรวมได้ ยันการใช้ดุลยพินิจของบอร์ดส่อไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ ( 30 ต.ค.) เวลา 11.00 น. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา) ในคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค(ผู้ฟ้องคดี) ยื่นฟ้องขอเพิกถอนมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) กรณีรับทราบรายงานการควบรวมธุรกิจระหว่าง "ทรู" และ "ดีแทค" โดยมติเสียงข้างมากของกสทช.เห็นว่า การรวมธุรกิจดังกล่าวไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน

สำหรับคดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) มีมติในการประชุมนัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 รับทราบการควบรวมธุรกิจระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทคโดยมติเสียงข้างมากเห็นว่า การรวมธุรกิจดังกล่าวไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน ซึ่งผู้ฟ้องคดีเห็นว่า เป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบ ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันกิจการโทรคมนาคม จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล

โดยวันนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำสั่งและมีการเผยแพร่เอกสารมีใจความตอนหนึ่งระบุว่า

อย่างไรก็ตาม มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีต่อไปว่าการฟ้องคดีนี้จะเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมตามนัยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ที่ศาลจะรับไว้พิจารณาได้ตามมาตรา 53 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว หรือไม่ เห็นว่า

"บริการโทรคมนาคมเป็นบริการสาธารณะขั้นพื้นฐานที่มีผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชน และด้วยข้อจำกัดเกี่ยวกับปริมาณคลื่นความถี่ที่มีจำนวนจำกัด อีกทั้งการลงทุนในการประกอบกิจการต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก ตลาดหรืออุตสาหกรรมโทรคมนาคมจึงมีผู้ประกอบการจำนวนน้อยราย จึงทำให้มีลักษณะเป็นการกึ่งผูกขาดโดยธรรมชาติ การที่ผู้ประกอบการในกิจการโทรคมนาคมจะควบรวมธุรกิจกันหรือไม่ จึงกระทบต่อการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม มีผลทำให้ผู้ใช้บริการได้รับผลกระทบในวงกว้าง จึงถือได้ว่าการฟ้องคดีนี้เป็นไปเพื่อประโยชน์อันเกิดแก่การจัดทำบริการสาธารณะโดยตรง กรณีจึงเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมตามนัยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครองพ.ศ. 2542"

ดังนั้น ศาลปกครองสูงสุดจึงมีอำนาจรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณได้ตามมาตรา 52 วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวการที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณา และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ นั้น ศาลปกครองสูงสุดไม่เห็นพ้องด้วยจึงมีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น เป็นให้รับคำฟ้องนี้ไว้พิจารณาพิพากษาตามรูปคดีต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่อนุญาตให้มีการควบรวมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมา มีผู้บริโภคได้ร้องเรียนมายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคว่า ความเร็วสปีดอินเทอร์เน็ตที่ได้ลดลง คุณภาพต่ำลง สวนทางการราคาที่ให้บริการรวมทั้งราคาของ 2 รายที่เหลือในตลาดคือ ทรู และ เอไอเอส กลับเท่าที่ทุกแพคเก็จ ทั้งๆที่ เอกชนที่ขอควบรวมกิจการอ้างว่า การควบรวมจะช่วยลดต้นทุนด้านโครงข่ายที่เป็นที่เป็นการลงทุนซ้ำซ้อน และก็ยินยอมในมาตรการเยียวยาที่มติกสทช.กำหนดให้ต้องมีการลดค่าบริการเฉลี่ย 12 % ตามเงื่อนไขมาตรการเฉพาะของผู้ประกอบการในการควบรวมธุรกิจ แต่ก็กลับไม่มีการปรับลดราคาแต่อย่างใด