‘เทคโนโลยี’ กับอนาคต ‘การทำงาน’ และ ‘การสร้างอาชีพ’

‘เทคโนโลยี’ กับอนาคต ‘การทำงาน’ และ ‘การสร้างอาชีพ’

ปัจจุบันอาจมีบางตำแหน่งงาน เริ่มถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร หรือ เทคโนโลยี แต่ขณะเดียวกัน ความก้าวหน้าเทคโนโลยีทำให้เกิดงานรูปแบบใหม่ หรือการจ้างงานบางประเภทเพิ่มขึ้น เช่น การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หนุนปริมาณความต้องการบุคลากรในการบริหารคลังสินค้าเพิ่มขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน และนำไปสู่การขับเคลื่อนของเศรษฐกิจโลก โดยที่ผ่านมาการพัฒนาของเทคโนโลยีดิจิทัล และความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงบริบทของการทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมายหลายธุรกิจ ได้นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้ปรับปรุงกระบวนการผลิตและการให้บริการ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทำงาน และขีดความสามารถในการแข่งขัน

แม้ปัจจุบันอาจมีบางตำแหน่งงาน ที่เริ่มถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร หรือ เทคโนโลยี แต่ขณะเดียวกัน ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ก็ทำให้เกิดงานรูปแบบใหม่ หรือการจ้างงานบางประเภทเพิ่มมากขึ้น เช่น การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่ทำให้ปริมาณความต้องการบุคลากรในการบริหารคลังสินค้าเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ สอดคล้องกับรายงานด้านอนาคตของการจ้างงาน (Future of Jobs Report 2020) ซึ่งจัดทำโดยสภาเศรษฐกิจโลก ที่คาดการณ์ว่างานกว่า 85 ล้านตำแหน่ง จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรภายในปี 2568 แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ ก็ส่งผลให้มีงานในรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นมากกว่า 97 ล้านตำแหน่งเช่นกัน

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี จึงมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในการหารายได้อันจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนโดยประเด็นนี้สอดคล้องกับหนึ่งใน ‘เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน’ (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติที่มุ่งส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ ที่ยั่งยืนผ่านการยกระดับผลิตภาพแรงงาน และการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการจ้างงานอย่างเหมาะสมมีประสิทธิภาพและสร้างคุณค่าให้กับสังคมในทุกภาคส่วน

เช่นเดียวกับการเข้ามาของเทคคอมพานี อย่างแกร็บที่ทำให้เกิดโอกาสในการสร้างรายได้รูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนขับแท็กซี่ที่ใช้แอปพลิเคชันเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ นอกจากการตระเวนขับ เพื่อวนหาผู้โดยสารบนท้องถนนคน ที่เป็นเจ้าของรถยนต์ หรือรถมอเตอร์ไซค์ ก็สามารถใช้แอปพลิเคชัน เพื่อให้บริการรับส่งผู้โดยสารส่งอาหาร-สินค้า

หรือแม้แต่ร้านอาหารที่ใช้แพลตฟอร์มเดลิเวอรี เป็นช่องทางในการเข้าถึงลูกค้าใหม่ๆ เพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น เป็นต้น อาชีพใหม่ๆ เหล่านี้ ถือเป็นผลพวงการดำเนินธุรกิจของแกร็บที่มุ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มในการสร้างโอกาสและยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้คนในสังคม

ปัจจุบันแกร็บมีพาร์ทเนอร์คนขับ และร้านค้าบนแพลตฟอร์มที่ลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มมากกว่า 100 ล้านคน ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพวกเขาสามารถหารายได้บนแพลตฟอร์มรวมกันได้กว่า 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ (หรือประมาณ3.8แสนล้านบาท) ในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 19% จากปีก่อนหน้า

นอกจากการพัฒนาปรับปรุงแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยพาร์ทเนอร์คนขับ และพาร์ทเนอร์ร้านค้าในการสร้างรายได้แล้วแกร็บยังได้พัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีด้านอื่นๆ เพื่อสนับสนุนให้พาร์ทเนอร์สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ GrabMaps หรือบริการระบบแผนที่ของแกร็บ ที่จัดทำขึ้นจากการเก็บข้อมูลของพาร์ทเนอร์คนขับ ซึ่งแผนที่นี้จะช่วยอำนวยความสะดวกการทำงานให้พาร์ทเนอร์คนขับ ในการเข้าถึงข้อมูลเส้นทางสถานที่และสภาพการจราจรของพื้นที่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ค่อนข้างมีความซับซ้อน

ปัจจุบันแกร็บ ยังได้พัฒนาแผนที่ในอาคาร (Indoor Map) ด้วยหรือ GrabAcademy แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ที่รวบรวมคอร์สอบรมด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์แก่พาร์ทเนอร์คนขับ และร้านค้า อาทิ หลักสูตรภาษาเพื่อการบริการไม่ว่า จะเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาจีนเบื้องต้น หลักสูตรวางแผนการเงิน ภาษีเบื้องต้น เป็นต้น โดยปัจจุบันมีพาร์ทเนอร์กว่า 1 ล้านคน ที่ได้เข้าเรียนผ่าน GrabAcademy แล้วอย่างน้อย 1 หลักสูตร

แม้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และนวัตกรรมจะช่วยทำให้ชีวิตเราง่าย และสะดวกขึ้น แต่เราทุกคนคงต้องไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเองและเรียนรู้ทักษะใหม่อยู่เสมอ เพื่อก้าวไปข้างหน้า และสามารถรับมือกับความท้าทาย ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้ในอนาคต

ในฐานะเทคคอมพานี ที่มุ่งมั่นสร้างความเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเชิงบวก แกร็บ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มของเราให้เป็นพื้นที่แห่งโอกาสในการสร้างทั้งรายได้ และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับพาร์ทเนอร์ทุกคน ทั้งพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาทักษะและความสามารถของพวกเขาเพื่อส่งเสริมรูปแบบการทำงานยุคใหม่ที่ช่วยเตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต