‘เทคโนโลยี’ กับการสร้าง ความปลอดภัยให้สังคม

‘เทคโนโลยี’ กับการสร้าง ความปลอดภัยให้สังคม

'สภาพแวดล้อม' ที่ปลอดภัยถือเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐาน ที่ช่วยสร้างมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี ให้ผู้คนในสังคม โดยเฉพาะ “ความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ” (Public Safety) หนึ่งในประเด็นที่คนในสังคมให้ความสำคัญ

สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยถือเป็นปัจจัยสำคัญพื้นฐาน ที่ช่วยสร้างมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คนในสังคม โดยเฉพาะ “ความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ” (Public Safety) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในประเด็นที่คนในสังคมให้ความสำคัญ

เนื่องจากช่วยสร้างความมั่นใจและความอุ่นใจในการใช้ชีวิต ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ดีและมีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และส่งผลดีต่อการพัฒนาทางธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืน

นั่นจึงเป็นเหตุผลให้ สหประชาชาติกำหนดให้การ “ทำให้เมืองและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ มีความเสมอภาค ปลอดภัย ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง และยั่งยืน” (Make cities and human settlements inclusive, safe, resilient and sustainable) เป็นหนึ่งใน ‘เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน’ (Sustainable Development Goals: SDGs)

แม้ปัจจุบันหลายองค์กรจะให้ความสำคัญกับการยกระดับความปลอดภัยสาธารณะ แต่ปัญหาอาชญากรรมและอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ ก็ยังคงมีให้เห็นกันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยจึงได้กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่จะช่วยเสริมความรวดเร็วและความแม่นยำในการป้องกันและยับยั้งภัยอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เช่น เทคโนโลยีระบบสื่อสารฉุกเฉิน  (Emergency Communication Systems) ที่ติดตั้งบนอุปกรณ์การสื่อสารต่างๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือและสมาร์ทวอทช์ ให้สามารถส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือฉุกเฉินโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เทคโนโลยี Biometric ที่ใช้ในการระบุตัวตนผ่านการสแกนลายนิ้วมือหรือการตรวจจับใบหน้า ซึ่งเข้ามาช่วยป้องกันการสวมรอยของบุคคลอื่น เทคโนโลยีจี GPS ที่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถระบุพิกัดของจุดเกิดเหตุได้อย่างแม่นยำ หรือแม้แต่ เทคโนโลยี Cloud  ที่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลจากทุกช่องทางได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยได้เข้ามาช่วยเสริมการทำงานขององค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างที่ แกร็บ ซึ่งมุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในสังคม เราได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องและครอบคลุมรอบด้านเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น พาร์ทเนอร์คนขับ ที่สามารถหารายได้บนแพลตฟอร์มได้อย่างไร้กังวล หรือ ผู้ใช้บริการ ที่รู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่ใช้บริการ อาทิ

ระบบยืนยันตัวตนผ่านการสแกนใบหน้า (AI-Powered Facial Authentication) ที่พาร์ทเนอร์คนขับจะต้องสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนทุกครั้งก่อนเริ่มให้บริการ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ และยืนยันว่าผู้ให้บริการคือพาร์ทเนอร์ที่ได้รับการรับรองจากแกร็บเท่านั้น

ฟีเจอร์ศูนย์รวมด้านความปลอดภัย (Safety Centre) ที่รวบรวมฟีเจอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น Share My Ride ที่ให้ทั้งพาร์ทเนอร์คนขับและผู้ใช้บริการ สามารถแชร์ข้อมูลการเดินทางให้กับคนใกล้ชิดเพื่อติดตามสถานะการเดินทางได้แบบเรียลไทม์ มีปุ่มฉุกเฉิน (SOS Button) เพื่อต่อสายหาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ในทันทีเมื่อเกิดเหตุร้าย และปุ่มแจ้งปัญหาด้านความปลอดภัยกับศูนย์บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

ระบบตรวจสอบการเดินทางแบบเรียลไทม์ (Real-time Trip Monitoring) ที่จะคอยตรวจจับความเคลื่อนไหวของยานพาหนะตลอดการเดินทางผ่าน GPS และระบบแผนที่อัจฉริยะ ซึ่งถ้าหากมีการขับรถออกนอกเส้นทาง หรือมีการหยุดรถเป็นเวลานาน ทางระบบจะทำการส่งข้อความไปหาผู้ใช้บริการและพาร์ทเนอร์คนขับเพื่อให้ยืนยันความปลอดภัย

ฟีเจอร์ Audio Protect ที่ให้พาร์ทเนอร์คนขับและผู้โดยสารสามารถบันทึกเสียงระหว่างการเดินทาง (เมื่อทั้งสองฝ่ายยินยอม) เพื่อป้องกันเหตุร้ายและใช้เป็นหลักฐานหากเกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างการเดินทาง

เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการสร้างสภาพแวดล้อมและสังคมที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม แม้เราจะมีเทคโนโลยีที่เข้ามาเป็นตัวช่วย แต่การจะสร้างสังคมที่น่าอยู่ได้นั้น คงต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น การวางนโยบายและการกำกับดูแลของภาครัฐ ความรับผิดชอบต่อสังคมของหน่วยงานต่างๆ และการปลูกจิตสำนึกทางจริยธรรมให้กับผู้คน ที่จะช่วยกันป้องกันภัยอันตราย และสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นในสังคม