‘การ์ทเนอร์’ ชี้ ‘ChatGPT’ ปลุก ลงทุน ‘เอไอ’ พุ่ง

‘การ์ทเนอร์’ ชี้  ‘ChatGPT’ ปลุก ลงทุน ‘เอไอ’ พุ่ง

การ์ทเนอร์ วิเคราะห์ ‘แชตจีพีที’ กระตุ้นองค์กรธุรกิจลงทุนเอไอเพิ่มขึ้น เปิดตัวเลของค์กร 70% อยู่ในช่วงสำรวจ 'Generative AI' ขณะที่ วีซี ทั่วโลกแห่ลงทุนมูลค่าพุ่งกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์

Key Points : 

  • ผู้บริหาร 45% ระบุตรงกันว่า ChatGPT กระตุ้นการลงทุน AI เพิ่มขึ้น
  • ปัจจุบัน องค์กร 70% อยู่ในช่วงของการสำรวจเทคโนโลยี Generative AI 
  • Venture Capital โหมลงทุน Generative AI มูลค่าพุ่ง 1.7 พันล้านดอลลาร์

การ์ทเนอร์ วิเคราะห์ เทรนด์ธุรกิจขณะนี้ ต้องยกให้เป็นเรื่อง ‘เอไอ’ เรื่องใหญ่ที่กำลังส่งผลกระทบไปหลายภาคส่วน เทคโนโลยีเอไอ ได้รับการพัฒนาที่รวดเร็วแบบก้าวกระโดด และนับวันยิ่งเพิ่มการทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เราได้เห็นฝีมือของเอไอคิดงานที่ซับซ้อนได้เหนือกว่ามนุษย์ เราเห็นงานศิลปะเอไอที่ชนะรางวัล เห็นความสามารถหลายอย่างของเอไอทั้งในเรื่องภาษา การวิเคราะห์ผลลัพธ์ในเชิงลึก

การ์ทเนอร์ อิงค์ เปิดผลสำรวจผู้นำธุรกิจกว่า 2,500 ราย โดย 45% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่า ความร้อนแรงของ “แชตจีพีที (ChatGPT)” กระตุ้นให้พวกเขา เพิ่มการลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ และ 70% ของผู้ตอบแบบสำรวจบอกว่า องค์กรของตนอยู่ในช่วงการสำรวจและศึกษาเทคโนโลยีเอไอแบบรู้สร้าง (Generative AI) ขณะที่ 19% นั้นอยู่ในช่วงของการทดลองหรือในช่วงของการผลิต

‘การ์ทเนอร์’ ชี้  ‘ChatGPT’ ปลุก ลงทุน ‘เอไอ’ พุ่ง

นายฟราสซิส คารามูซิส รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ กล่าวว่า ความร้อนแรงของเทคโนโลยี Generative AI ไม่มีทีท่าลดลง องค์กรต่างๆ กำลังขบคิดอย่างหนักว่า จะจัดสรรงบประมาณให้กับโซลูชัน Generative AI แค่ไหน จะเลือกลงทุนกับผลิตภัณฑ์ใดถึงจะคุ้มค่า และจะเริ่มใช้งานจริงจังเมื่อใด รวมถึงเรียนรู้วิธีลดความเสี่ยงที่มาพร้อมเทคโนโลยีนี้

ชี้ Generative AI มีประโยชน์

ขณะที่ 68% ของผู้บริหารเชื่อว่า Generative AI นั้น มีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง ซึ่งเมื่อเทียบกับเพียง 5% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่เห็นว่า มีความเสี่ยงมากกว่ามีประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารอาจเปลี่ยนมุมมองไปเมื่อลงทุนในระดับที่ลึกขึ้น

‘การ์ทเนอร์’ ชี้  ‘ChatGPT’ ปลุก ลงทุน ‘เอไอ’ พุ่ง

นายคารามูซิส กล่าวเพิ่มเติมว่า ความกระตือรือร้นกับเทคโนโลยีใหม่ช่วงแรกๆ สามารถให้แนวทางกับการวิเคราะห์ที่เข้มข้นต่อความเสี่ยงและความท้าทายต่างๆ ของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ ด้วยเหตุที่องค์กรต่างๆ มักพบกับคำถามด้านความน่าเชื่อถือ ความเสี่ยง ความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และจริยธรรม เมื่อพวกเขาเริ่มพัฒนาและนำเทคโนโลยี Generative AI มาใช้

ประสบการณ์ลูกค้าปลุกลงทุนเอไอ

ผู้บริหาร การ์ทเนอร์ ยกความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีถึง 38% ระบุว่า แม้จะมีอุปสรรคทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ประสบการณ์ของลูกค้า (Customer experience) คือ หัวใจหลักที่ผู้บริหารให้ความสำคัญสำหรับการลงทุนใน Generative AI โดยมีเพียง 17% ชี้ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพต้นทุน (Cost Optimization) เป็นเป้าหมายหลักที่เลือกลงทุน Generative AI

หลายองค์กรที่เริ่มทดลองใช้ Generative AI และมีหลายแห่งนำไปใช้ในหลายกรณี อาทิ ใช้ปรับปรุงเนื้อหาในสื่อหรือสร้างโค้ด แม้ความพยายามเหล่านี้ จะช่วยเพิ่มมูลค่าได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ Generative AI ยังมีศักยภาพอีกมากที่สนับสนุนหรือรองรับการพัฒนาโซลูชัน ที่ช่วยเพิ่มความสามารถของมนุษย์หรือเครื่องจักร รวมถึงช่วยปรับการดำเนินธุรกิจและกระบวนการทางไอทีให้เป็นแบบอัตโนมัติ

“ธุรกิจรูปแบบขับเคลื่อนเองอัตโนมัติ หรือ Autonomous Business คือ ก้าวถัดไปครั้งใหญ่ของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่สามารถลดผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร ที่มีทักษะความสามารถ และแม้แต่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ โดยซีอีโอและ ซีไอโอที่ใช้ Generative AI ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงตลอดทั่วทั้งโมเดลผลิตภัณฑ์และโมเดลการดำเนินธุรกิจจะพบกับโอกาสการเติบโตของรายได้อย่างมหาศาล” นายคารามูซิส กล่าว

วีซีแห่ลงทุนใน ‘เอไอ’

อย่างไรก็ตาม การ์ทเนอร์ รายงานด้วยว่า มีบริษัท Venture Capital (VC) หลายแห่งลงทุนในโซลูชัน Generative AI ต่างๆ เป็นมูลค่ามากกว่า 1.7 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะการลงทุนกับการค้นพบยาด้วย เอไอ และการเข้ารหัสซอฟต์แวร์ เอไอ ซึ่งเป็นสองกลุ่มที่ได้รับเงินทุนมากที่สุด

โมเดลพื้นฐานในยุคแรกๆ เช่น แชตจีพีที โฟกัสไปยังความสามารถของ Generative AI เพื่อเสริมงานด้านครีเอทีฟที่คาดว่าภายในปี 2568 “ยา และวัสดุการผลิตใหม่ๆ” มากกว่า 30% จะเป็นการค้นพบอย่างเป็นระบบโดยการใช้เทคนิค Generative AI จากที่วันนี้ไม่มีเลย นั่นเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของยูสเคสมากมายของการนำ Generative AI มาใช้ในอุตสาหกรรม

‘ยูสเคส’ ผลงานเอไอที่โลกจะได้เห็น

นายไบรอัน เบิร์ก รองประธานฝ่ายวิจัยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี การ์ทเนอร์ วิเคราะห์ว่า Generative AI สามารถใช้สำรวจความเป็นไปได้ของการออกแบบวัตถุได้หลากหลาย เพื่อค้นหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุด ไม่เพียงแต่เสริมและเร่งการออกแบบในหลายด้านเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพ “ประดิษฐ์คิดค้น (Invent)” นวัตกรรมการออกแบบ หรือ วัสดุที่มนุษย์อาจมองพลาดไปเป็นอย่างอื่น

ในแวดวงการตลาดและสื่อต่างรับรู้ถึงผลกระทบของ Generative AI ซึ่งการ์ทเนอร์คาดว่า ภายในปี 2568 ประมาณ 30% ของข้อความด้านการตลาด ที่ส่งออกโดยองค์กรใหญ่ๆ จะถูกสร้างขึ้นจากการสังเคราะห์โดยระบบ เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีน้อยกว่า 2% นอกจากนี้ ภายในปี 2573 ประมาณ 90% ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ที่จะเข้าฉาย จะสร้างด้วยเอไอ (ตั้งแต่ตัวหนังสือไปจนภาพเคลื่อนไหว)

การ์ทเนอร์ ยังเปิดกรณีศึกษาของการใช้งานได้จริงจากการใช้ Generative AI ที่จะเกิดขึ้นจากนี้ ได้แก่ การออกแบบและพัฒนายารักษาโรค (Drug Design) ที่จะย่นระยะเวลาให้เหลือเพียงไม่กี่เดือน เป็นโอกาสสำคัญของภาคเภสัชกรรมที่สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการค้นพบยาตัวใหม่ได้อย่างมีนัยสำคัญ

ในเรื่องวัสดุศาสตร์ (Material Science) Generative AI กำลังส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ การบินและอวกาศ การป้องกันประเทศ การแพทย์ รวมถึงอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และพลังงาน สามารถประกอบวัสดุขึ้นใหม่ทั้งหมดพร้อมกำหนดคุณสมบัติทางกายภาพได้อย่างเฉพาะ

Generative AI ยังจะเข้าไปเขย่าโลกของการออกแบบชิป (Chip Design) เป็นการใช้การเรียนรู้แบบเสริมกำลัง ซึ่งเป็นเทคนิคหนึ่งทางด้านแมชีนเลิร์นนิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการจัดวางองค์ประกอบในการออกแบบแผงวงจรของ เซมิคอนดักเตอร์ให้เร็วขึ้น

รวมไปถึง Generative AI จะกลายเป็นตัวหลัก ช่วยออกแบบชิ้นส่วนประกอบต่างๆ (Parts Design) ในภาคการผลิต ยานยนต์ การบินและอวกาศ และการป้องกันประเทศ ผู้ผลิตรถยนต์สามารถใช้ และ Generative Design คิดค้นการออกแบบที่เน้นน้ำหนักเบาขึ้น นำไปสู่เป้าหมายในการทำให้รถยนต์ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

สร้างสิ่งประดิษฐ์มูลค่าสูง

Generative AI ทำให้ระบบต่างๆ สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีมูลค่าสูงได้ อาทิ วิดีโอ การเล่าเรื่อง ข้อมูลการฝึกอบรม หรือแม้แต่การออกแบบและสร้างแผนผังวงจรไฟฟ้าหรืออิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ

ตัวอย่างเช่น Generative Pre-trained Transformer (GPT)เป็นเทคโนโลยีภาษาธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่ใช้ในการเรียนรู้เชิงลึกเพื่อสร้างข้อความได้เหมือนมนุษย์ โดยเจเนอเรชั่นที่3 (GPT-3) สามารถคาดการณ์คำที่จะใช้ในประโยคถัดไปทั้งสามารถเขียนเรื่องราว แต่งเพลงและประพันธ์บทกวี หรือแม้แต่เขียนโค้ดโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ และ ChatGPT ยังช่วยนักเรียนทำการบ้านได้ในไม่กี่วินาที

ห้ามลืมเรื่องความเสี่ยง

นอกจากโอกาสทางธุรกิจแล้ว Generative AI ยังมีภัยคุกคามอยู่เช่นกัน เช่น ความเป็นไปได้ในการปลอมแปลงข้อมูลแบบ Deepfakes ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ และการใช้เทคโนโลยี Generative AI ในทางที่ผิดเพื่อมุ่งเป้าโจมตีองค์กรองค์กรควรพิจารณาคำแนะนำการใช้ Generative AI อย่างมีความรับผิดชอบด้วย