เฟี้ยวอยู่นะ! ความน่าจะเป็นที่อาจได้เห็นใน "Headset AR/VR ของ Apple"

เฟี้ยวอยู่นะ! ความน่าจะเป็นที่อาจได้เห็นใน "Headset AR/VR ของ Apple"

รวมสิ่งที่เราอาจจะได้เห็นและได้ใช้งานใน "Headset AR/VR ของ Apple" ที่จะมาเป็น Game Changer ของตลาดอุปกรณ์ "AR/VR" ด้วยคุณสมบัติที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งมากพอตัว

ใกล้เข้ามาทุกทีกับการเปิดตัว Headset หรือชุดหูฟังที่มีเทคโนโลยี AR และ VR จากค่าย Apple แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสของจริง KT Review กรุงเทพธุรกิจไอที จะพาไปสำรวจความน่าจะเป็นที่ว่ากันว่าจะได้เห็นใน Headset AR/VR ของ Apple นี้

จอ 4K Micro-OLED

เรื่องหน้าจอเป็นข้อมูลแรกๆ ที่หลุดออกมา และการที่ "Apple" เลือกใช้จอ 4K micro-OLED ความละเอียดสูง 3,000 PPI ถึง 2 จอ ทำให้ "Headset AR/VR ของ Apple" เหนือชั้นกว่าแบรนด์คู่แข่งในตลาดนี้แทบทั้งหมดซึ่งจอดังกล่าวจะบางลง เบาลง ประหยัดพลังงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับจออื่นๆ และที่สำคัญยังป้องกันแสงรบกวนจากภายนอก ทั้งยังชาญฉลาดด้วยการประมวลผลที่จะปรับให้กราฟิกคมชัดและแม่นยำ

มีกล้องเยอะมาก

"Apple" พัฒนา ชุดหูฟัง AR/VR ให้มีกล้องมากกว่า 12 ตัว เพื่อจับการเคลื่อนไหว แปลงการเคลื่อนไหวเป็นการเคลื่อนไหวเสมือนจริง และละเอียดถึงขั้นมีกล้องสองตัวหันลงด้านล่างเพื่อจับการเคลื่อนไหวของขาโดยเฉพาะ ช่วยติดตามการเคลื่อนไหวได้แม่นยำยิ่งขึ้น

นอกจากจับการเคลื่อนไหว กล้องที่มากับ "Headset ของ Apple" จะสร้างทำแผนที่สภาพแวดล้อม ตรวจจับพื้นผิว ขอบ และขนาดในห้อง รวมถึงผู้คนและวัตถุอื่นๆ ได้อย่างแม่นยำด้วย

เฟี้ยวอยู่นะ! ความน่าจะเป็นที่อาจได้เห็นใน \"Headset AR/VR ของ Apple\" ภาพเรนเดอร์ Headset AR/VR โดย Ian Zelbo

มีระบบสแกนม่านตา

คาดว่า ชุดหูฟัง AR/VR ของ Apple จะใส่ระบบสแกนม่านตาที่ประเมินรูปแบบดวงตาของผู้ใช้ สำหรับการตรวจสอบการยืนยันตัวตนและแทนรหัสผ่านได้ ซึ่งการสแกนม่านตาบน "Headset AR/VR ของ Apple" จะคล้ายกับ Face ID และ Touch ID บน ‌iPhone‌, ‌iPad‌ และ Mac อาจทำให้คนสองคนใช้ชุดหูฟังเดียวกันและเป็นคุณลักษณะที่ไม่มีในชุดหูฟังคู่แข่ง

ติดตามการแสดงออกทางสีหน้าได้

นี่คืออีกฟีเจอร์ที่ล้ำมากๆ เพราะกล้องใน "Headset AR/VR ของ Apple" จะอ่านค่าการแสดงออกทางสีหน้าแล้วแปลงเป็นอวตารเสมือนจริงได้ ดังนั้น หากคุณยิ้มหรือทำหน้าบึ้ง อวตารเสมือนจริงของคุณก็จะแสดงท่าทางเหมือนกัน คล้ายกับวิธีที่ระบบกล้อง TrueDepth ทำงานร่วมกับ Memoji และ Animoji บน ‌iPhone‌และ ‌iPad‌

การควบคุมอัจฉริยะ

คาดว่าจะมีโมดูลการตรวจจับ 3 มิติ ที่ตรวจจับท่าทางของมือเพื่อการควบคุม "Headset ของ Apple" ชุดนี้ และจะมีการตรวจจับผิวหนัง รวมถึงรองรับการควบคุมด้วยเสียง และจะรองรับ Siri เช่นเดียวกับอุปกรณ์ Apple อื่นๆ

เฟี้ยวอยู่นะ! ความน่าจะเป็นที่อาจได้เห็นใน \"Headset AR/VR ของ Apple\" ภาพโดย Riki32 จาก Pixabay

พิมพ์ในอากาศ

สำหรับการป้อนข้อความ "ชุดหูฟัง AR/VR" จะรองรับฟังก์ชันการพิมพ์ในอากาศ โดยชุดหูฟังจะจดจำนิ้วมือขณะเคลื่อนไหว

มีดีไซน์บางเบา

มีข่าวลือว่า "Headset AR/VR ของ Apple" นั้นจะทำจากผ้าตาข่ายและอะลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักเบาและบางกว่า VR Headset อื่นๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาด มีรายงานว่า Apple ต้องการให้น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 200 กรัมเท่านั้น

ใช้แบตเตอรี่ภายนอก

"ชุดหูฟัง AR/VR" ในท้องตลาดล้วนมีแบตเตอรี่ในตัว แต่ Apple อาจจะเชื่อมต่อชุดหูฟังกับแบตเตอรี่ภายนอกแยกต่างหากซึ่งคาดไว้ที่เอว แบตเตอรี่นี้จะทำให้ Headset นี้ใช้งานได้ประมาณสองชั่วโมง

เฟี้ยวอยู่นะ! ความน่าจะเป็นที่อาจได้เห็นใน \"Headset AR/VR ของ Apple\" ภาพโดย Mircea - All in collections จาก Pixabay

ใช้ร่วมกับแอพเฉพาะ

แว่วว่า "Apple" จะเปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ที่เรียกว่า xrOS หรือ Reality OS ซึ่งจะใช้กับ "Headset AR/VR" ของ Apple และกำลังออกแบบแอพที่ไม่เหมือนใครซึ่งสร้างขึ้นเพื่อประสบการณ์เสมือนจริงโดยเฉพาะ

ไม่ใช่แค่นั้น Apple กำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านสื่อสำหรับเนื้อหาที่รับชมได้ใน VR และจะรวมเข้ากับ Apple TV+ ผู้ใช้จะชมภาพยนตร์และรายการทีวีในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง โดยแสดงผลเป็นพื้นหลัง เช่น ทะเลทรายหรือภูเขา

สำหรับกีฬา Apple จะมอบประสบการณ์การรับชมที่สมจริงโดยอาจเริ่มที่อเมริกันเกมอย่าง MLB และ MLS ก่อน ส่วนการเล่นเกมและแอพมาตรฐานก็กำลังได้รับการพัฒนาให้เป็นเวอร์ชัน 3 มิติ

ส่วนสายสุขภาพจะมีแอพ Fitness+ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ออกกำลังกายในขณะที่ดูผู้สอน Fitness+ ในแบบ 3 มิติ และ Apple กำลังสร้างแอพการทำสมาธิที่จะแนะนำผู้ใช้แบบเสมือนจริง และอีกสารพัดแอพที่กำลังจะเข้าสู่จักรวาลของ Headset AR/VR จากค่าย Apple

ใช้ชิประดับเทพ

มีข่าวลือว่า "Apple" จะใช้ Mac-level M2 processors ถึงสองตัวสำหรับ "ชุดหูฟัง AR/VR" ซึ่งจะให้พลังการประมวลผลในตัวมากกว่าผลิตภัณฑ์คู่แข่ง ซึ่ง Apple เลือกใช้โปรเซสเซอร์หลักระดับไฮเอนด์และโปรเซสเซอร์ระดับรองลงมาเพื่อจัดการเซ็นเซอร์ต่างๆ ในอุปกรณ์ และด้วย ชิปตัวเทพของ Apple นี้ จะทำให้ชุดหูฟังทำงานได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นอย่าง iPhone หรือ Mac แต่อย่างใด

(ข้อมูลจาก macrumors)