เข็ดแล้ว! อนุฯกสทช.ลงมติยกเลิก Must Have ทั้งฉบับ

เข็ดแล้ว! อนุฯกสทช.ลงมติยกเลิก Must Have ทั้งฉบับ

ลงมติยกเลิกกฎ Must have ทั้งฉบับ โดยขั้นตอนต่อไปจะเปิดประชาพิจารณ์ ก่อนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดกสทช.อีกครั้งหนึ่ง ระบุเหตุผลหลักเพื่อป้องกันการบิดเบือนกลไกตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 มี.ค.) ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ได้มีมติยกเลิกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สําคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2555 (Must Have) ทั้งฉบับ โดยขั้นตอนต่อไปจะมีการับเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) อีกครั้ง ก่อนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศร์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. อีกครั้งหนึ่ง

แหล่งข่าวจากคณะอนุกรรมการฯ ซึ่งมี ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช.ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นประธาน ระบุว่า เหตุผลที่ยกเลิกกฎ Must Have ทั้งฉบับ ก็เพื่อป้องกันการบิดเบือนกลไกตลาด ซึ่งก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาว่า อาจเป็นปัจจัยทำให้มีการเพิ่มค่าลิขสิทธิ์สำหรับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ โดยปกติแล้ว ผู้ขายลิขสิทธิ์รายการกีฬามักมีข้อกำหนดให้ผู้รับสิทธิถ่ายทอดนำไปออกทางฟรีทีวีด้วยอยู่แล้วเพื่อเพิ่มยอดผู้ชม จึงสมควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม ต้องมีการนำเสนอที่ประชุมบอร์ดให้รับในหลักการ แล้วจัดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ซึ่งจะดำเนินการเป็นเรื่องเร่งด่วนต่อไป
 

 

 

โดยให้ 7 รายการอยู่ใน กฎ Must have ที่ต้องมีการถ่ายทอดสดกีฬาสำคัญ ถือเป็นรายการโทรทัศน์ที่สามารถให้บริการแก่ประชาชนได้ภายใต้การให้บริการฟรีทีวีเท่านั้น ดังนี้

  • การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย (FIFA World Cup Final)
  • การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ (SEA Games)
  • การแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ (Asian Games)
  • การแข่งขันอาเซียนพาราเกมส์ (ASEAN Para Games)
  • การแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ (Asian Para Games)
  • การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (Olympic Games)
  • การแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก (Paralympic Games)

สำหรับการยกเลิกประกาศดังกล่าว ก็เพราะกสทช.โดนโจมตีอย่างหนักในการนำเงินจากกองทุน USO ไปให้แก่ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จำนวน 600 ล้านบาท ในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่กาตาร์ แต่กลับมีการนำลิขสิทธ์ไปขายต่อให้แก่เอกชนรายหนึ่งจนเป็นข้อพิพาทเพราะการรับชมของผู้บริโภคในปัจจุบันไม่ได้อยู่บนแพลตฟอร์มเดียว ทำให้มีจอดำมากกว่าล้านรายในไทย

 

 

โดยเรื่องดังกล่าวคาดว่า สืบเนื่องมาจากปัญหาในช่วงที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 บอร์ดกสทช.ได้ประชุม นัดพิเศษ เรื่อง การพิจารณาการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ เรื่อง การสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย

 

โดยที่ประชุมบอร์ด กสทช.จำนวน 6 คน มีมติเอกฉันท์กกท. คืนเงิน 600 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดเพราะกกท. ไม่สามารถดำเนินการตามเอ็มโอยูได้จนทำให้เกิดปัญหาโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก หรือ IPTV จอดำ ไม่สามารถรับชมการแข่งขันได้

 

โดยเรื่องนี้นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการเลขาธิการกสทช. กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากอนุฯชุดดังกล่าวโดยตรง แต่การยกเลิก กฎ Must have มันเกี่ยวกับการปฎิบัติงานการบังคับใช้กฎให้เคร่งครัดเพราะทุกวันการรับชมมีแพลตฟอร์มที่หลากหลายมากไม่ใช่แค่โทรทัศน์เพียงอย่างเดียว

ดังนั้น การเอาออกจากประกาศฯจะคล่องตัวมากกว่าและปล่อยให้เอกชนเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์และนำไปบริหารจัดการเอง สำหรับคดีการฟ้องร้องกับกกท.เรียกเงินคืน 600 ล้านบาท ก็ยังอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลปกครอง โดยศาลฯก็ได้เรียกตัวแทนของสำนักงาน กสทช.ไปชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว