สรรหา 'เลขาฯ กสทช.' สุดเดือด!! จับตา ปธ.บอร์ด ตั้งโต๊ะแถลงเอง

สรรหา 'เลขาฯ กสทช.' สุดเดือด!! จับตา ปธ.บอร์ด ตั้งโต๊ะแถลงเอง

บอร์ดกสทช.โกลาหลหนัก ส่งหนังสือไม่รับมติแต่งตั้งเลขาฯ กสทช. ชี้ม. 61 เป็นเพียงกระบวนการทางธุรการ ไม่ใช่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ ชี้อย่าตีความเข้าข้างตัวเองจนผิดกฎหมาย ด้าน “สรณ” เตรียมตั้งโต๊ะแถลงพรุ่งนี้บ่าย ลุ้นโปรเจ็ค USO หลังสธ.ของบกว่า 3,800 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มี.ค.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ สำนักงาน กสทช. โดย ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานบอร์ด กสทช. กำหนดจัดการแถลงข่าวผลการประชุมบอร์ดกสทช. เวลา 13.00 น. 

โดยการแถลงเป็นที่จับตามองว่า จะมีเรื่องการสรรหาผู้เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ที่เมื่อการประชุมครั้งก่อนมีการขัดแย้งในที่ประชุมระหว่างบอร์ดทั้ง 6 คน จึงต้องมีการลงคะแนนเสียง ถึงวิธีการสรรหา และยังมีประเด็นการลงมติอนุมัติงบประมาณ 3,850 ล้านบาท เพื่อดำเนินการโครงการโทรเวชกรรมถ้วนหน้า ตามโครงการบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง (USO) ตามที่กระทรวงสาธารณสุข
 

ส่งหนังสือไม่ขอรับทราบมติ

แหล่งข่าวจากกสทช. เปิดเผยว่า กสทช. 3 คน ได้แก่ พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการ (ด้านกิจการกระจายเสียง),นางสาวพิรงรอง รามสูต กรรมการ (ด้านกิจการโทรทัศน์) และ นายศุภัช ศุภชลาศัย กรรมการ (ด้านเศรษฐศาสตร์) ทำหนังสือถึงศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานกสทช.เรื่อง ไม่รับทราบมติที่ประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2566 เกี่ยวกับกระบวนการสรรหาเลขาธิการกสทช.

โดยให้เหตุผลดังนี้ 1.การประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2566 ไม่เป็นไปตามมติ กสทช. ครั้งที่ 3/2566 เรื่อง พิจารณากำหนดคุณสมบัติอื่นของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. เนื่องจากที่ประชุมได้มีมติให้เลื่อนการพิจารณาออกไปเพื่อให้ปรับปรุงแก้ไขการกำหนดคุณสมบัติอื่นของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช.พร้อมทั้งให้นำเสนอหลักเกณฑ์ และกระบวนการสรรหา เลขาธิการ กสทช. มาในคราวเดียวกันในการประชุมครั้งต่อไป และไม่เป็นไปตามมติ กสทช. ครั้งที่ 4/2566 ระเบียบวาระที่ 4.1 เรื่อง พิจารณากำหนดคุณสมบัติอื่นของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กสทช.

ดังนั้น การที่ประธานบอร์ด กสทช. เสนอหลักเกณฑ์และกระบวนการสรรหาเลขาธิการ กสทช. มาในระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ และบรรจุวาระที่ 5.1 เรื่อง การพิจารณากำหนดคุณสมบัติอื่นของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งเลขาธิการกสทช. เป็นวาระเพื่อพิจารณา จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามมติที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 3/2566 และครั้งที่ 4/2566 เนื่องจากเป็นการเสนอในระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ไม่ใช่การเสนอในระเบียบวาระเพื่อพิจารณา

อีกทั้งการเสนอในระเบียบวาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ยังไม่ชอบด้วยระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม กสทช. พ.ศ. 2555 ข้อ 21 เนื่องจากเป็นเพียงการนำเสนอโดยวาจาเท่านั้นไม่ปรากฏว่ามีการจัดทำเอกสารประกอบการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุและกำหนดประเด็นหลักที่ประสงค์จะให้ที่ประชุมมีมติอนุมัติให้ความเห็นชอบหรือมีมติในเรื่องใดให้ชัดเจนและกระชับ

ประธานไม่ได้มีอำนาจเบ็ดเสร็จ

2.ดังนั้น หากประธาน กสทช. ต้องการเสนอและบรรจุวาระที่ไม่เป็นไปตามมติ กสทช. ครั้งที่ 3/2566 และมติ กสทช. ครั้งที่ 4/2566 ประธาน กสทช. จะต้องเสนอให้มีการทบทวนมติ กสทช. ครั้งที่ 3/2566 ระเบียบวาระที่ 4.1 และมติ กสทช. ครั้งที่ 4/2566 ระเบียบวาระที่ 4.1 ทั้งนี้ ตามระเบียบ กสทช.ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม กสทช. พ.ศ. 2555 ข้อ 23 วรรคสองก่อน แต่ในการประชุม กสทช. นัดพิเศษครั้งที่ 5/2566 ไม่ได้มี กสทช. ท่านใดเสนอให้ที่ประชุม กสทช. พิจารณาทบทวนมติในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น จึงต้องถือว่ามติ กสทช. ครั้งที่ 3/2566 ระเบียบวาระที่ 4.1 และมติ กสทช. ครั้งที่ 4/2566 ระเบียบวาระที่ 4.1 ยังคงมีผลใช้บังคับ

3. อีกทั้งเมื่อพิจารณา ข้อ 40 ของระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม กสทช. พ.ศ.2555 ที่กำหนดว่า “ข้อ 40ในการประชุมทุกครั้ง ให้ประธานสรุปประเด็นการประชุมพร้อมทั้งมติที่ประชุมในชั้นต้น หากไม่มีกรรมการผู้ใดคัดค้าน ให้ถือเป็นมติคณะกรรมการ” และวรรคสองกำหนดว่า “ในกรณีที่มีกรรมการคัดค้านในประเด็นใดที่ประธานกล่าวสรุปตามความในวรรคหนึ่งให้คณะกรรมการวินิจฉัยขี้ขาด”

เมื่อข้อเท็จจริงกรณีนี้แม้ว่าในการประชุมดังกล่าว ประธานบอร์ด กสทช. จะได้สรุปประเด็นแล้วก็ตาม แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าในการประชุม กสทช. นางสาวพิรงรอง กสทช. นายศุภัช และ กสทช. พลอากาศโท ธนพันธุ์ ได้คัดค้านระเบียบวาระที่ 1 และคณะกรรมการยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาด การบันทึกมติที่ประชุมว่า “รับทราบเรื่องตามที่ประธาน กสทช. แจ้งให้ที่ประชุมทราบ” จึงเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นไปตามระเบียบกสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม กสทช. พ.ศ. 2555

4. การที่ร่างรายงานการประชุมสรุปว่า ประเด็นการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ตามมาตรา 61 วรรค 1 โดยที่สำนักงาน กสทช. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของประธาน กสทช. และมีเลขาธิการ กสทช.รับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. ขึ้นตรงต่อประธาน กสทช. แท้จริงแล้วอำนาจของประธาน กสทช. ในการเป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. ตามมาตรา 61 จึงเป็นเพียงกระบวนการทางธุรการเท่านั้น ไม่ใช่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของประธาน กสทช. แต่อำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. เป็นอำนาจของ กสทช. ทั้งคณะ

ลุ้นไฟเขียวงบยูโซ่3,800ล.

นอกจากในการประชุมวันดังกล่าว จะเป็นนัดชี้ชะตา งบประมาณ มูลค่า 3,850 ล้านบาท “โครงการโทรเวชกรรมถ้วนหน้า” (Universal Telehealth Coverage : UTHC) โดยบอร์ดจะมีวาระประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่ สำหรับรายละเอียด โครงการโทรเวชกรรมถ้วนหน้า เสนอโดยกระทรวงสาธารณสุข วงเงินงบประมาณ 3,850 ล้านบาท 

กำหนดระยะเวลาดำเนินการ 5 ปี (2565-2570) เป็นโครงการภายใต้แผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึง หรือ USO และบริการเพื่อสังคมระบุวัตถุประสงค์ว่า เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพดิจิทัลและ เทเลเมดิซีน ให้ครอบคลุมและเชื่อมโยง ระบบสุขภาพ ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และ ตติยภูมิ ผ่านการจัดระบบโทรคมนาคมผ่านอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมถึงสนับสนุน ส่งเสริม และผลักดัน เพื่อให้เกิดการนำเอาอุปกรณ์ทางการแพทย์และระบบดูแลสุขภาพทางไกลมาใช้งานอย่างเป็นรูปธรรม

ส่อซ้ำซ้อนกับงบที่ได้ไปแล้ว

โดยการกำหนดแนวทางการพัฒนา และการประยุกต์ใช้งานบริการทางการแพทย์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชนบท ที่มีความสอดคล้องกับบริบทความต้องการของประเทศ เพื่อรองรับเป้าหมายการปรับโครงสร้างประเทศไทยไปสู่สังคมดิจิทัล ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยมีพื้นที่เป้าหมาย 13 เขตสุขภาพ แบ่งเป็น 1,147 หน่วยบริการ

แต่โครงการนี้พบความไม่ปกติ ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า รูปแบบของโครงการอาจไม่เข้าข่ายกิจกรรมที่มีเป้าหมายการดำเนินงานตรงกับวัตถุประสงค์ และยุทธศาสตร์ของกองทุนหรือไม่เพราะเมื่อพิจารณาตามประเภทโครงการที่คณะกรรมการบริหารกองทุนฯประกาศกำหนดไว้ในส่วนทุนตามแนวนโยบายแห่งรัฐ ก็ระบุไว้ว่า ต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการตามที่ขอรับการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินไปแล้ว

ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลเองก็มีการดำเนินโครงการในลักษณะปฏิบัติการแพทย์ทางไกลไปแล้ว