ไม่ใช่อับดุลก็ถามได้ตอบได้! รู้จัก “ChatGPT” เอไอสายแชทที่อัจฉริยะที่สุด

ไม่ใช่อับดุลก็ถามได้ตอบได้! รู้จัก “ChatGPT” เอไอสายแชทที่อัจฉริยะที่สุด

สะเทือนวงการปัญญาประดิษฐ์ กับการเกิดขึ้นของ “ChatGPT” เอไอที่เป็นเหมือนสิ่งมหัศจรรย์ที่จะมาเปลี่ยนโลกด้วยความอัจฉริยะเหนือกว่าทุกเอไอที่เคยมีมา

ถ้าคำว่าอัจฉริยะมีเส้นมาตรฐาน ChatGPT คือความอัจฉริยะที่เหนือไปอีกขั้น เพราะนี่คือการปฏิวัติวงการเทคโนโลยีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก ด้วยความสามารถในแบบที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ใดๆ ยังไม่เคยทำได้แบบนี้

มาทำความรู้จัก “ChatGPT” กันว่าคืออะไร แล้วทำไมคนทั้งวงการ Tech ถึงจับตามองเอไอตัวนี้จนถึงขั้นว่ายกย่องให้ ChatGPT คือที่สุดของAI

ChatGPT คืออะไร

ถ้าการเสิร์ชข้อมูลด้วย Google คือศาสดาของการค้นหาคำตอบ “ChatGPT” ทำได้ดีกว่า ง่ายกว่า และว้าวซ่ากว่ามาก เพราะไม่จำเป็นจะต้องเสิร์ชแล้วไล่อ่านข้อมูลที่มาเป็นลิงค์ๆ แต่ ChatGPT เอไอจากบริษัท OpenAI จะเอาองค์ความรู้จากทั่วทั้งโลกมาบอกแบบถาม-ตอบ เหมือนเพื่อนคุยกับเพื่อน

ChatGPT ใช้วิธีเก็บสถิติคำถามคำตอบที่มีทั้งหมดบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างละเอียดยิบ เพื่อเข้าใจสิ่งที่คนถามแล้วตอบกลับไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะแตกต่างจาก Chatbot ที่เคยๆ เห็นกันมา ตรงที่ไม่ใช่แค่การคาดเดาจากคำค้นในเรื่องบางเรื่องที่เกี่ยวกับองค์กรหรือผู้ตั้งค่าบอทนั้นไว้ แต่เป็นการใส่คำมากกว่า 500,000 ล้านคำ แล้วบีบอัดเพื่อนำมาประมวลผลตอบ โดยคนถามไม่จำเป็นต้องพิมพ์ถูกต้องตามไวยากรณ์ หรือแบบถามให้ตรงคำตอบ

รวมไปถึงการทำตามคำสั่งที่แม้จะเป็นเรื่องยากมากแค่ไหนก็ทำได้ เช่น การเขียนบทความได้อย่างถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ลื่นไหล เสมือนมีคนจริงๆ นั่งเขียนให้

ไม่ใช่อากู๋ แต่รู้ทุกเรื่อง

เมื่อทุกอย่างบนโลกถูกรวบรวมอยู่ใน “ChatGPT” นั่นหมายความว่าแค่อยากรู้อะไรก็ถามได้เลย แล้ว AI นี้จะตอบให้แบบไม่ใช่หาลิงค์มาวางๆ แล้วให้เข้าไปคลิกอ่านต่อเอง แต่จะสรุปคำตอบมาให้เสร็จสรรพ

ในแวดวงการศึกษานี่อาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่างไปตลอดกาล เพราะ ChatGPT จะเป็นยิ่งกว่าครู เป็นยิ่งกว่าผู้รู้ในแขนงใดแขนงหนึ่ง เพราะรวมทุกศาสตร์ไว้ในที่เดียว อาจนำไปสู่คำถามว่าปัญญาประดิษฐ์จะมาแทนที่ครูหรือไม่

ในเรื่องนี้ ณ ปัจจุบันด้วยความที่ระบบยังไม่เวอร์ชันสมบูรณ์ที่สุด จึงยังมีข้อจำกัดในเรื่องความฉลาดแบบคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ได้ นอกเหนือจากการรวบรวมสิ่งที่มีอยู่แล้วมาประมวลเป็นคำตอบอย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้

กับคำถามว่า AI นี้จะมาแทนที่ครูในเร็ววันหรือไม่ อาจจะยังไม่ใช่ แต่ถ้าในฐานะของผู้ช่วยด้านการเรียนการสอนก็นับว่าเอไอทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว ทั้งในแง่ของผู้สอนที่ใช้เพื่อออกแบบการเรียนการสอนได้ หรือผู้เรียนก็ใช้เพื่อหาความรู้เพิ่มเติมได้เช่นกัน

ขวัญใจนักเขียน Code ?

ใครจะเชื่อว่า AI จะมาเป็นผู้ช่วยให้การเขียน Code ทำได้ง่ายมาก เพราะตั้งแต่ขึ้นชื่อว่า Coding ก็จะถูกมองว่าเป็นเรื่องยากแล้ว แต่แค่แชทถาม ChatGPT ปัญญาประดิษฐ์นี้ก็ช่วยเขียนโปรแกรมให้เราได้เลยตามสั่ง

สำหรับคนทั่วไปนี่เสมือนการปฏิวัติวงการนักพัฒนาซอฟต์แวร์ครั้งสำคัญ ทว่าสำหรับคนที่อยู่วงการ Coding อยู่แล้ว พอจะเคยเห็นความสามารถนี้ในเวอร์ชันก่อนๆ และเมื่อ ChatGPT พัฒนามาถึงเวอร์ชันล่าสุดจึงไม่น่าตื่นเต้นนักสำหรับพวกเขา

ความสามารถด้านการเขียนโค้ด จัดอยู่ในระดับพื้นฐาน คือเขียนโค้ดที่ใช้งานทั่วไปได้ถูกต้อง ซึ่งนั่นก็มากพอสำหรับคนที่ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องสร้าง Code สลับซับซ้อน แต่ในทางกลับกันถ้าคำสั่งให้เขียน Code ยากขึ้น มีรายละเอียดที่มากขึ้น ChatGPT ยังไม่แม่นยำ และเขียนโค้ดผิดๆ ให้เราอยู่บ้าง

ฉลาดล้ำ จะอันตรายไหม

ความคิดอ่านของ “ChatGPT” เป็นเรื่องน่าทึ่ง แต่อีกนัยหนึ่งหลายคนคงเริ่มเห็นภาพในหนังไซไฟที่เอไอฉลาดจนคิดและตัดสินใจเอง รวมไปถึงการปฏิวัติหรือต่อต้านมนุษย์ ไม่ว่าในความเป็นจริงจะถึงขั้นนั้นหรือไม่ แต่ความน่ากังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยต่างๆ เช่น การเจาะข้อมูลส่วนบุคคล การเข้าถึงสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เป็นต้น ก็อาจเป็นเรื่องที่ต้องตั้งข้อสังเกต

ซึ่งในแง่ของผู้พัฒนา ก็พยายามตีกรอบให้การใช้งานมีข้อจำกัดอยู่ด้วย เช่น ระบบตรวจจับคำถามไม่เหมาะสมทั้งสถานเบาไปจนถึงสถานหนักอย่างเรื่องการทำผิดกฎหมาย ทั้งแปะข้อกฎหมายและคำเตือนต่างๆ หรือพยายามหลีกเลี่ยงที่จะตอบถามสุ่มเสี่ยงด้วยการให้ข้อมูลแวดล้อม

อีกข้อสังเกต เมื่อ AI ฉลาดเกินต้านขนาดนี้ ต่อไปคนอาจจะไม่ต้องขวนขวายที่จะเรียนรู้หรือไม่ เพราะแค่ถามไปก็ได้คำตอบ หรือสั่งให้ ChatGPT ทำงานแทน ทำการบ้านแทน ก็ได้หมด

ด้วยพื้นฐานของระบบคือการรวบรวมข้อมูลทุกอย่างบนโลกอินเทอร์เน็ตเอามาประมวลผล หากเป็นการใช้งานที่ต้องการข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง ก็มีโอกาสที่คนจะพึ่งพาเอไอได้ค่อนข้างแน่นอน แต่ถ้าเป็นการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ChatGPT อาจเป็นผู้ช่วยคิดไอเดียได้จากการประมวลสิ่งที่มีอยู่แล้วหรือเคยเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ใช่สิ่งใหม่ซึ่งมนุษย์ยังสร้างสรรค์สิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมได้มากกว่า

ปัญญาประดิษฐ์สุดล้ำนี้อาจเป็นที่สุดของ AI ที่มนุษยชาติเคยสร้างสรรค์ขึ้นมา และความสามารถที่มีก็น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ทางของ "ChatGPT" ยังไปได้ต่อ อนาคตเราจะได้เห็นเอไอตัวนี้มีพัฒนาการไปอีกขั้น ทลายกำแพงเทคโนโลยีไปได้อีกเรื่อยๆ แล้วเราจะได้ตื่นเต้นกับมันอีกแน่นอน

วิเคราะห์ “AI แห่งอนาคต” รู้ลึก​-มีสามัญสำนึก

ทศวรรษที่ผ่านมา ได้เห็นความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในด้าน AI และจากนี้ต่อไป เทรนด์ใหญ่ที่สำคัญของโลก ก็จะให้น้ำหนักเรื่องของ AI ความอัจฉริยะ และพลานุภาพที่จะสั่นสะเทือนโลกธุรกิจ

สุรฤทธิ์ วูวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มเทคโนโลยี ไอบีเอ็ม ประเทศไทย ไล่เรียงไมล์สโตนสำคัญของพัฒนาการ AI ว่า ย้อนไปช่วงทศวรรษ 1980 AI ยังต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญกำหนดแนวทาง หรือกฎเพื่อบอกระบบว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้ได้มาซึ่งมุมมองเชิงลึกต่างๆ

ในทศวรรษ 1980-2010 Machine learning และ Deep Learning เริ่มเกิดขึ้น นำไปสู่  AI ที่สามารถจับแพทเทิร์นของข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ เห็นการใช้ AI แก้ปัญหาที่ซับซ้อนขึ้น โดยเฉพาะงานด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล ภาษา ฯลฯ

นับตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา เริ่มเห็นศักยภาพของโมเดล Deep Learning ที่ก้าวล้ำ สเกลใหญ่ขึ้นความสามารถของ AI ในการเข้าใจภาษาธรรมชาตินำสู่ระบบที่ดูเหมือนจะเข้าใจวิธีที่เราพูดและเขียน และรองรับเทคโนโลยีที่เราใช้ในแต่ละวัน อย่างผู้ช่วยดิจิทัลและโปรแกรม speech-to-text ต่างๆ

สุรฤทธิ์ อธิบายว่า วันนี้ AI ก้าวมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ ถูกเทรนขึ้นจากข้อมูลจริง อย่างตัวอย่างของ Chatbot

หรือแม้แต่ระบบตรวจการสะกดต่างๆ โมเดล Deep Learning ถูกเทรนด้วยข้อมูล และวิดีโอที่คัดลอกมาจากเว็บไซต์อย่าง Wikipedia และ ยูทูบ สามารถเรียนรู้ที่จะคาดการณ์ และตัดสินใจบนพื้นฐานของแพทเทิร์นที่ดึงมาจากตัวอย่างในโลกแห่งความเป็นจริงนับพันล้านตัวอย่างเหล่านี้ได้

ความลึกที่มาพร้อมกับความกังวล

สิ่งที่น่ากังวล คือ ข้อมูลจริงที่ AI ดึงมา ก็มาพร้อมจุดบอดที่น่ากังวล อาจมีความเอนเอียงของข้อมูล กลายเป็นตัวเสริมหรือขยายความไม่เท่าเทียมต่างๆ ทำให้เกิดช่องโหว่ที่อาจทำให้ AI ทำเรื่องผิดพลาดที่ไม่คาดคิด อย่างการที่แชทบอทพูดจาเหยียดผิวและเหยียดเพศ หรือระบบคัดกรองเรซูเม่ที่ข้ามผ่านผู้สมัครงานที่มีคุณสมบัติเหมาะสมไป

วันนี้เราเริ่มเห็นความก้าวหน้า ในการสร้าง AI ที่สามารถคาดเดาสภาพจิตใจ ทำนายการกระทำในอนาคต หรือแม้แต่ทำงานร่วมกับมนุษย์ได้ แต่เรายังขาดเกณฑ์มาตรฐานที่เที่ยงตรงแม่นยำในการวัดความสามารถในการคาดเดาของ AI เพราะ AI ไม่มีสามัญสำนึกเหมือนคน แต่ในอนาคตไม่แน่ เราอาจเห็น AI ที่มีสามัญสำนึกเฉกเช่นคนเกิดขึ้นก็เป็นได้